AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ฝังเข็ม อยู่ไฟ ดูแลตัวเองหลังคลอด แผนไทย แผนจีน

การดูแลสุขภาพหลังคลอด เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การดูแลในขณะตั้งครรภ์ เพื่อให้คุณแม่มีสุขภาพที่ดีพร้อมในการให้นมลูก เลี้ยงลูก และมีรูปร่างที่สวยงามสมบูรณ์ดังเดิม เราจึงขอแนะนำการดูแลสุขภาพในแบบทางเลือก นั่นคือ ฝังเข็ม อยู่ไฟ ดูแลตัวเองหลังคลอด แผนไทย แผนจีน มาให้รู้จักกันค่ะ

ฝังเข็ม อยู่ไฟ ดูแลตัวเองหลังคลอด แผนไทย แผนจีน

ว่าที่คุณแม่ส่วนใหญ่หรือคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ 9 เดือน มักจะมีน้ำหนักเพิ่มเฉลี่ยประมาณ12-13 กิโลกรัม ซึ่งหลังคลอดน้ำหนักของคุณแม่เฉลี่ยจะหายไปประมาณ 8 กิโลกรัม (นั่นคือน้ำหนักของ น้ำ ทารก รก และน้ำในร่างกาย) และจะยังคงมีน้ำหนักเหลืออยู่กับคุณแม่อีกประมาณ 4 กิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักที่ตกค้างอยู่นี้สามารถกําจัดออกไปได้ด้วยการออกกําลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการให้นมบุตร

โดยในช่วงที่คุณแม่ยังให้นมลูกน้อยอยู่ คุณหมอส่วนใหญ่มักแนะนําว่ายังไม่ควรไดเอตหรืออดอาหาร แต่ต้องระวังไม่ให้อ้วนไปกว่านี้ ด้วยการกินอาหารที่มีไขมันน้อย แต่มีสารอาหารสำคัญมากๆ เพื่อให้ในน้ำนมแม่มีไขมันอยู่บ้างพร้อมกับสารอาหารที่มีคุณค่าอยู่สูง ดังนั้น หากคุณแม่อยากเอาไขมันออกจากตัว หรือลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร ก็คือการให้นมลูก และงดกินอาหารที่มีไขมันสูง รูปร่างที่ดูเหมือนคนอ้วนก็จะค่อยๆ ยุบลงค่ะ ซึ่งนอกจากเรื่องอาหารเรามาดูกันบ้างว่า การฝังเข็ม อยู่ไฟ ดูแลสุขภาพหลังคลอดแผนไทย แผนจีนหลังคลอด ต้องทำอย่างไรเพื่อให้คุณแม่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง

ดูแลน้ำหนัก+ ลดเครียดหลังคลอดด้วยแพทย์แผนจีน

สําหรับคุณแม่ที่มีอุปสรรคในเรื่องการลดน้ำหนัก หรือมีภาวะซึมเศร้า การฝังเข็ม ด้วยแพทย์แผนจีนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาช่วงหลังคลอดแล้ว ยังแก้ปัญหาในช่วงก่อนตั้งครรภ์ และตอนแพ้ท้องได้ด้วย ซึ่งศูนย์ดูแลสุขภาพชีวจิตโฮมคลินิกเวชกรรมมีข้อแนะนำสำหรับคุณแม่ที่สนใจการ ดูแลตัวเองหลังคลอด ด้วยการฝังเข็มหรือการแพทย์แผนจีน ดังนี้ค่ะ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ติดตาม ข้อปฏิบัติ 6 ประการจากแพทย์แผนจีน คลิกต่อหน้า 2

ข้อปฏิบัติ 6 ประการจากแพทย์แผนจีน

  1. คนจีนโบราณมีข้อห้ามว่า…คุณแม่หลังคลอดห้ามออกจากบ้านเป็นเวลา 1 เดือนเพราะร่างกายยังไม่แข็งแรงดี มาถึงยุคปัจจุบันคุณหมอก็แนะนําให้คุณแม่พักผ่อนจนร่างกายเริ่มเข้าที่สัก 1 เดือนก่อนมารักษาโดยเฉพาะกรณีที่ผ่าตัดคลอดจะต้องรอให้แผลผ่าตัดทุเลาเสียก่อน
  2. ไม่ฝังเข็มเพื่อลดอาการปวดหลังในช่วงตั้งครรภ์เพราะอาจไปกระตุ้นจุดที่ทําให้มดลูกบีบตัวจนเกิดภาวะคลอดก่อนกําหนด
  3. อาหารบํารุงแบบจีนไก่ดําตุ๋นยาจีนเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับแม่ตั้งครรภ์และแม่หลังคลอด โดยควรใช้ไก่ดำและสมุนไพรเช่นเก๋ากี้ ตังกุย ตุ๋นแต่น้ำ จะช่วยบํารุงเลือด ยิ่งหลังคลอดที่เสียเลือดมากจะต้องกินทุกวันจนครบ 1 เดือน
  4. ภาวะที่ห้ามฝังเข็มกรณีที่มีโรคเกี่ยวกับเลือด เช่น โรคเลือดหยุดยากแพทย์จะไม่อนุญาตให้ฝังเข็ม ดังนั้น หากใครมีปัญหาสุขภาพหรือโรคประจําตัวอยู่แล้วควรนําประวัติการรักษาติดมาเพื่อประกอบการวินิจฉัยด้วย
  5. ห้ามซื้อยาจีนกินเอง “เด็ดขาด” แพทย์แผนจีนจะจ่ายยาให้คนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกันแพทย์จะต้องตรวจร่างกายคนไข้ก่อนว่ากินยาชนิดนั้นๆ ได้หรือไม่ ตัวยาหลายชนิดยังมีข้อห้ามสําหรับคนท้องและคุณแม่ที่ให้นมลูกชัดเจน  คุณแม่จึงไม่ควรซื้อยาจีนกินเองเด็ดขาด กรณีที่ผู้ใหญ่หวังดีนํายาจีนมาให้ก็ควรไปปรึกษาแพทย์แผนจีนเสียก่อน
  6. ต้องเลือกแพทย์ที่มีใบประกอบโรคศิลปะ ถึงแม้จะเป็นแพทย์แผนจีนก็ต้องมีใบประกอบโรคศิลปะจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยสำหรับคุณแม่และลูกน้อยที่กินนมแม่อยู่ค่ะ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ดูแลตัวเองหลังคลอด + ผ่อนคลายแบบไทยๆ

การดูแลร่างกายของคุณแม่ในแบบแผนไทยส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การดูแลร่างกายหลังคลอดกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต น้ำคาวปลา คลายความเหนื่อยล้าจากการคลอด และกระตุ้นน้ำนม ฯลฯ

สิ่งที่คุณแม่ชาวไทยรู้จักกันดีคือการ “อยู่ไฟ” ซึ่งเป็นการทําให้ร่างกายร้อนเพื่อจะได้ขับน้ำออกมาในรูปของเหงื่อมากขึ้นแต่การอยู่ไฟแบบโบราณก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแพทย์หญิงกันดาภา ฐานบัญชา สูติ-นรีแพทย์โรงพยาบาลบี.แคร์เมดิคอลเซ็นเตอร์ให้ความเห็นว่า

“สมัยโบราณจะใช้ใบตองรองแคร่ ด้านล่างเป็นหม้อดินเผา ให้คุณแม่นอนอยู่บนนั้น อยู่กัน 7-10 วัน ซึ่งถ้าเสียน้ำมากเกินไป คุณแม่ก็จะเพลียส่งผลต่อการสร้างน้ำนมได้ บางทีจะทับหม้อเกลือก็ทับไปบนผิวตรงๆ อาจร้อนจนผิวพอง แต่ปัจจุบันเรารู้แล้วว่าข้อดี-ข้อเสียของการอยู่ไฟมีอะไรบ้าง เราจึงควรเก็บสิ่งที่ดีเอาไว้อะไรที่เสี่ยงก็ปรับปรุง สมุนไพรที่ใช้เรายังใช้สมุนไพรไทยเหมือนเดิม แต่ต้องอยู่ในกระโจมที่วัดอุณหภูมิให้พอเหมาะ ทับหม้อเกลือต้องมีผ้ารองกันผิวไหม้ นวดเสร็จก็ออกมาดื่มน้ำสมุนไพร เพื่อเติมน้ำในร่างกายด้วยค่ะ”

ติดตาม ข้อปฏิบัติ 6 ประการจากแพทย์แผนไทย คลิกต่อหน้า 3

ข้อปฏิบัติ 6 ประการจากแพทย์แผนไทย

  1. เริ่มอยู่ไฟได้เมื่อไรคุณแม่ที่คลอดด้วยวิธีธรรมชาติสามารถอยู่ไฟได้หลังคลอดแล้ว1สัปดาห์แต่ถ้าผ่าตัดคลอดจะต้องรอ1เดือน
  2. คุณแม่คนใดไม่ควรอยู่ไฟคุณแม่ที่มีภาวะไทรอยด์ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจคุณแม่ที่เคยมีภาวะครรภ์เป็นพิษก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเช่นกัน
  3. สังเกตตัวเองหากรู้สึกว่าร้อนเกินไปหัวใจเต้นแรงมากแน่นหน้าอกใจสั่นหรือหายใจไม่อิ่ม ต้องออกจากกระโจมหรือห้องที่อยู่ไฟทันที
  4. ห้ามกินยาดองเหล้า/ว่านชักยาดอง เพราะมักมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ซึ่งอาจซึมผ่านน้ำนมไปสู่ลูกและส่งผลต่อสมองได้
  5. ว่าด้วย…น้ำคาวปลาน้ำคาวปลา คือ เยื่อบุโพรงมดลูกซึ่งจะหลุดออกมาหลังคลอดตามธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันหากผ่าตัดคลอดแพทย์จะเช็ดทําความสะอาดโพรงมดลูกให้เรียบร้อยแล้วน้ำคาวปลาของคุณแม่ที่ผ่าตัดคลอดจึงออกมาไม่มากแต่คุณแม่บางคนเข้าใจผิดว่าน้ำคาวปลาออกน้อยเพราะยังคั่งอยู่ภายในจึงกินยาขับน้ำคาวปลาซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายและลูกน้อยที่กินนมแม่อยู่ได้
  6. อาหารไทยบํารุงคุณแม่วัตถุดิบของอาหารไทยหลายชนิดช่วยบํารุงร่างกายของคุณแม่และกระตุ้นน้ำนมหลังคลอดได้

*การอยู่ไฟที่ถูกวิธีนอกจากจะผ่อนคลายร่างกายแล้วยังช่วยคลายความตึงเครียดและเพิ่มความมั่นใจให้คุณแม่มือใหม่คุณแม่ตั้งครรภ์บางท่านผิวคล้ำขึ้นมีหรือจุดด่างดําหลังคลอดที่ต้องตื่นมาให้นมลูกก็ยิ่งโทรม ดังนั้นการได้พักผ่อนสัก4-5 ชั่วโมงจากการอยู่ไฟ อาจจะทําให้คุณแม่รู้สึกสบายและผ่อนคลายเป็นผลดีทั้งทางตรงและทางอ้อมค่ะ

แม่ต้องรู้ : อาการที่ต้องรีบไปพบแพทย์หลังคลอด 

หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที


ข้อมูลโดย :ศูนย์ดูแลสุขภาพชีวจิตโฮมคลินิกเวชกรรมและแพทย์หญิงกันดาภา ฐานบัญชา สูติ-นรีแพทย์โรงพยาบาลบี.แคร์เมดิคอลเซ็นเตอร์

อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ

10 สุดยอด “อาหารบำรุงสมอง” ลูกน้อย

ผดร้อนในทารก อาการทางผิวหนังจากอากาศร้อน

เซ็กส์หลังคลอด เริ่มเมื่อไหร่?

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids