(ใช้ภาพนี้เป็นเพียงเพื่อประกอบบทความเท่านั้น ไม่ใช่ภาพเหตุการณ์จริง)
เรื่องเศร้าสุดสลด ทารกเสียชีวิต ในวัยแค่ 7 เดือน เพียงเพราะพ่อแม่หวังดีให้ดื่มนมชนิดนี้…!? กับลูกน้อยแทนการให้ดื่มนมแม่ นานถึง 4 เดือน ด้วยคิดว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์
ด้วยความที่นมแม่ มีลักษณะใสกว่านมอื่นๆ คนสมัยก่อนจึงคิดว่านมแม่ไม่ค่อยมีสารอาหารมากนัก แต่ความจริงแล้วนมแม่มีสารอาหารมากถึง 200 กว่าชนิด ในขณะที่นมประเภทอื่นมีไม่ถึงครึ่งของนมแม่เลย เพราะธรรมชาติของทารกที่เกิดมาต้องการนมแม่ เป็นสิ่งสำคัญ ส่วนนมอื่นๆ หรือน้ำนมข้าว นมถั่วเหลืองนั้นให้พลังงาน โปรตีน และสารอาหารที่จำเป็นไม่เท่ากับนมแม่หรือนมผสม
ทารกเสียชีวิต เพราะพ่อแม่หวังดีให้ดื่มนมชนิดนี้…!? แทน นมแม่
ซึ่งหากคุณแม่ต้องการคำแนะนำเรื่องนมว่าชนิดไหนเหมาะกับลูก ควรปรึกษากุมารแพทย์หรือนักโภชนาการก่อน อาจได้รับคำแนะนำให้ลูกกินนมแม่หรือให้นมผสมนานกว่าปกติ นอกจากนี้การใช้นมผสมที่ทำจากถั่วเหลืองควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพราะหากคุณแม่ให้นมชนิดอื่นมากเกินไปโดยไม่มีคุณหมอคอยดูแล นั่นอาจส่งผลร้ายกับลูกน้อยได้ เช่นเดียวกับเหตุการณ์นี้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีคุณพ่อคุณแม่คู่หนึ่ง เริ่มกินมังสวิรัติ เมื่อคลอดลูกทารกน้อยที่น่ารักได้ 3 เดือน จากนั้นคุณแม่ก็ให้ทารกน้อยดื่มนมจากธัญพืชแทนน้ำนมแม่ เป็นระยะกว่า 4 เดือนที่ให้ทารกน้อยดื่มนมแบบนั้น สุดท้ายทารกเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 7 เดือน
สาเหตุจากการตรวจเช็คร่างกายของหมอ ทำให้ทราบว่าเป็นเพราะทารกขาดสารอาหาร ขาดน้ำ และมีอาการแพ้แลคโตส
ทั้งนี้นิตยสารชื่อดังของประเทศฝรั่งเศสกล่าวว่า พ่อแม่ที่กินมังสวิรัติคู่นี้ คิดไปเองว่าลูกทารกไม่คุ้นเคยกับการดื่มนมที่มีน้ำตาลแลคโตสและกลูเตน โดยที่ไม่ปรึกษากุมารแพทย์ก่อน ก็ตัดสินใจให้ทารกดื่มน้ำนมบดจากข้าวโพด, ข้าวโอ๊ตบด, เมล็ดข้าวธัญพืชบด เพื่อทดแทนน้ำนมแม่
อ่านต่อ >> “ทารกเสียชีวิต เพราะพ่อแม่หวังดีให้ดื่มนมชนิดนี้…!? แทน นมแม่” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ตำรวจผู้รับผิดชอบคดีนี้บอกว่า เมื่อทารกน้ำหนักลดลง 2 กิโล พ่อแม่ของทารกยังคงทำตัวปกติ และยังคงให้ทารกดื่มน้ำนมจากธัญพืชแทนนมแม่ เหมือนกับเป็นการละเลยโดยเจตนา ศาลจึงตัดสินให้จำคุกนาน 18 ปี
ผู้เชี่ยวชาญออกมาชี้แจ้งว่า “การให้ทารกดื่มนมจากธัญพืชนั้น เปรียบเสมือนการทารุณเด็กทารกอย่างหนึ่ง” นมจากธัญพืชนี้เป็นแค่เครื่องดื่มเท่านั้น ไม่มีสารอาหารเพียงพอสำหรับร่างกายของทารก การเอาเครื่องดื่มแทนอาหารหลักในการเลี้ยงเด็กทารกอันตรายมาก น้ำนมจากธัญพืชมีโปรตีนต่ำ ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะตอบสนองความต้องการสารอาหารที่จำเป็นในการเจริญเติบโตของทารก ก่อให้เกิดการขาดสารอาหารได้
ให้ลูกกินมังสวิรัติ ได้ไหม?
หากคุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจให้ลูกกินอาหารมังสวิรัติตั้งแต่วัย 6 เดือนขึ้นไป ควรศึกษาข้อมูล ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และเลือกอาหารให้ลูกได้รับสารอาหารครบถ้วน มิฉะนั้นจะมีความเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารที่มักพบมากหรือพบแต่ในเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น วิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก ซึ่งทารกต้องการในปริมาณน้อย แต่ถ้าไม่เพียงพอก็จะส่งผลกระทบต่อร่างกายได้
ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ทารกกินอาหารแบบ Vegan หรือมังสวิรัติที่ไม่กินผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น นม ผลิตภัณฑ์นม และไข่ เพราะอาจทำให้ลูกได้รับพลังงานและสารอาหารไม่เพียงพอได้
แต่หากวางแผนอย่างรอบคอบและมีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญก็สามารถทำได้ค่ะ ต้องเลือกอาหารที่มีสารอาหารสูงที่ประกอบด้วยโปรตีน แคลเซียม เหล็ก วิตามินบี 12 และวิตามินดี และอาจต้องให้อาหารเสริมกับลูกทารกด้วย โดยเฉพาะวิตามินบี 12 ที่ไม่พบในผัก แนะนำให้ปรึกษากุมารแพทย์และนักโภชนาการเพื่อหาทางร่วมกันให้ลูกได้รับสารอาหารครบถ้วนค่ะ
คุณพ่อคุณแม่ควรมั่นใจว่าอาหารมังสวิรัติสำหรับลูกทารกน้อยมีโปรตีน เหล็ก วิตามินบี 12 และซีลีเนียม หากจะเริ่มอาหารใหม่ ให้เริ่มจากปริมาณน้อยและควรสังเกตว่าลูกมีอาการผิดปกติจากเดิมหรือไม่เพราะลูกอาจแพ้ได้ อ่านคำแนะนำวิธีการเริ่มอาหารเสริมได้ที่ อาหารเสริมทารก เริ่มอย่างไร ให้ลูกกินเก่งแถมกินง่าย!
อ่านต่อ >> “4 สารอาหารสำคัญสำหรับทารกมังสวิรัติ” คลิกหน้า 3
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.standard.co.uk
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
1. โปรตีน
- ควรให้ลูกทารกได้รับโปรตีน 2-3 มื้อต่อวัน แหล่งโปรตีนได้แก่
- ถั่วต่างๆ เมล็ดพืช
- ไข่สุก (คุณหมอสุธีราเคยแนะนำให้ลูกเริ่มไข่ขาว 1 ขวบขึ้นไปเพื่อเลี่ยงการแพ้)
- ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง เช่น เต้าหู้
- โปรตีนจากธัญพืช เช่น ขนมปัง ข้าว และข้าวโพด
- นมและผลิตภัณฑ์นม
โปรตีนประกอบด้วยกรดอะมิโน ทั้งแบบจำเป็นและไม่จำเป็น เราจะได้รับกรดอะมิโนจำเป็นจากอาหารเท่านั้น เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาเองได้
ทารกน้อยต้องการทั้งกรดอะมิโนจำเป็นและกรดอะมิโนไม่จำเป็นเพื่อช่วยในการเจริญเติบโต ควรให้ลูกกินอาหารที่มีกรดอะมิโนจำเป็นแต่ละตัวในปริมาณที่เพียงพอพร้อมๆ กัน ทารกจะได้รับกรดอะมิโนทั้งสองชนิดพร้อมกันได้จาก ถั่วเหลือง เมล็ดควินัว (Quinoa) เมล็ดกัญชง (Hemp seed) และไข่ แต่วิธีที่ง่ายกว่าคือคละอาหารที่เป็นแหล่งโปรตีนเข้าด้วยกันในหนึ่งมื้อ เช่น ข้าวบดใส่เต้าหู้หั่นจิ๋ว ข้าวต้มผสมนมแม่ สำหรับทารกไม่ควรใช้แหล่งโปรตีนเพียงแหล่งใดแหล่งหนึ่งเท่านั้น เช่น ชีส
2. เหล็ก
ทารกต้องการธาตุเหล็กเพื่อช่วยในการสร้างฮีโมโกลบิน สารสีแดงในเลือดซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนจากปอดไปสู่อวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกาย เหล็กที่สะสมในร่างกายลูกจากค่อยๆ ลดลงหลังจากลูกอายุ 6 เดือน ถ้าลูกได้รับไม่เพียงพอจะเกิดภาวะขาดธาตุเหล็ก หรือโลหิตจางได้ แหล่งธาตุเหล็กที่ดีสำหรับลูกได้แก่
- ถั่วเมล็ดแบน เช่น ถั่วเลนทิล ถั่วลูกไก่ (chick peas)
- ผักใบเขียว เช่น บร็อกโคลี ผักบุ้ง ผักโขม
- ขนมปัง ทั้งขนมปังขาวและโฮลวีท
- อาหารเสริมที่มีการเติมธาตุเหล็ก (ดูที่ฉลาก)
ลูกน้อยจะดูดซึมธาตุเหล็กดีขึ้นหากกินอาหารอุดมวิตามินซีด้วย ดังนั้นควรให้ลูกกินผลไม้ เช่น ส้ม มะละกอ หรือน้ำผลไม้ด้วย
3. วิตามินบี 12
วิตามินบี 12 จะช่วยให้ลูกทารกสร้างเม็ดเลือดแดงและมีระบบประสาทที่สมบูรณ์ใช้พลังงานจากอาหารที่กินเข้าไป นำกรดโฟลิกซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สำคัญไปใช้งานอาหารที่เป็นแหล่งวิตามินบี 12 ชั้นดีได้แก่
- อาหารเสริมที่มีการเติมวิตามินบี 12 (ดูที่ฉลาก)
- ไข่สุก
- นมและผลิตภัณฑ์นม
นมแม่และนมผสมต่างก็เป็นแหล่งวิตามินบี 12 เช่นกัน ดังนั้นลูกทารกควรได้รับนมแม่หรือนมผสมไปจนอายุครบ 1 ขวบเป็นอย่างน้อย แต่ Amarin Baby & Kids อยากแนะนำว่า ถ้าทำได้ควรให้นมแม่ไปจนลูกอายุ 1 ขวบครึ่งหรือ 2 ขวบเลยยิ่งดีค่ะ
4. ซีลีเนียม
ทารกจำเป็นต้องได้รับซีลีเนียมเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้ดี ถั่วเปลือกแข็งเป็นแหล่งซีลีเนียมที่ดี สามารถลองให้เนยที่ทำจากถั่วเปลือกแข็งกับลูกดูได้ เช่น อัลมอนด์บัตเตอร์ เชียบัตเตอร์ ถ้ากลัวลูกแพ้ให้ปรึกษากุมารแพทย์เสียก่อน ไม่ควรให้ถั่วทั้งเมล็ดกับทารกและเด็กต่ำกว่า 5 ขวบเพราะจะทำให้ติดคอจนสำลักได้ แหล่งซีลีเนียมอื่นได้แก่ ขนมปัง ไข่ และเมล็ดทานตะวัน
ทั้งนี้แม้ ธัญพืช จะให้พลังงานสูง และมีเส้นใย ช่วยในการควบคุมระดับของน้ำตาลในเลือด มีวิตามินบี และมีส่วนช่วยในความจำ รวมไปถึงช่วยบำรุงสมองของเด็กก็ตาม แต่หากได้รับในปริมาณหรือช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้ประโยชน์เหล่านี้กลายเป็นโทษร้ายแรงไปในที่สุด ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ หากคุณพ่อคุณแม่มีปัญหาเรื่องการกินหรือสุขภาพของลูกน้อย ควรพาลูกไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดีกว่า มาตัดสินใจเองจนทำให้เกิดเรื่องร้ายขึ้นได้แบบนี้นะคะ
อ่านต่อ “บทความน่าสนใจ” คลิก!