AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ลูกน้อยเสียชีวิตในครรภ์ ภาวะที่คุณแม่ต้องระวัง

เสียงหายใจของลูกน้อยที่ดังก้องออกมาจากเครื่องฟังขยายเสียงบนหน้าท้องของคุณแม่ เป็นเสียงสวรรค์สำหรับคุณแม่ทุกคน เพราะนั่นแสดงว่าลูกของเรายังมีชีวิตอยู่ในท้อง แต่ก็มีคุณแม่บางคนที่ไม่โชคดีเช่นนั้น เมื่อคุณแม่พบว่าลูกไม่ดิ้น เพราะ ลูกเสียชีวิตในครรภ์ มานานแล้ว

ลูกเสียชีวิตในครรภ์

มีคุณแม่คนหนึ่งตั้งครรภ์ได้ 37 สัปดาห์ คุณหมอฟังเสียงหัวใจของเด็กในครรภ์ไม่ได้ยิน จึงรีบส่งคนไข้ไปอัลตร้าซาวด์เพื่อความแน่ใจ คุณหมอถามคุณแม่ว่าลูกยังดิ้นอยู่หรือเปล่า? คุณแม่ตอบว่าลูกยังดิ้นอยู่ จากแฟ้มประวัติของคุณหมอ คุณแม่อายุ 30 ปี ครรภ์นี้เป็นครรภ์ที่ 2 ครั้งแรกผ่าคลอดที่โรงพยาบาลเอกชน ลูกคนโตแข็งแรงดี ต่อมาคุณแม่ฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลรัฐ ไม่เคยผิดนัดคุณหมอเลยสักครั้ง จนกระทั่งอายุครรภ์ได้ 37 สัปดาห์

คุณหมอถามคุณแม่อีกครั้งว่าลูกดิ้นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ คุณแม่ตอบว่าเมื่อเช้านี้เอง แต่ตอนนี้ไม่ค่อยแน่ใจ แต่หน้าท้องมีตึงๆ เมื่อคุณหมออัลตร้าซาวนด์ พบว่าตำแหน่งที่เป็นหัวใจไม่มีการเคลื่อนไหว และส่วนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน จึงทำการตรวจซ้ำอีกครั้ง เมื่อแน่ใจแล้ว คุณหมอจึงพยายามค่อยๆ บอกคุณแม่ว่าลูกน้อยได้เสียชีวิตแล้ว โดยหลีกเลี่ยงคำว่า “เด็กตาย” คุณหมอขอให้คุณพ่อ เข้ามาฟังพร้อมๆ กับคุณแม่

“หัวใจของเด็กทารกไม่เต้น และไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น”

คุณพ่อ ถามว่า ทำไมลูกถึงเสียชีวิต ทั้งๆ ที่มาฝากครรภ์ตามนัดทุกครั้ง คุณหมอจึงอธิบายว่า การเสียชีวิตในครรภ์ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ บางครั้งก็หาสาเหตุไม่ได้ คุณแม่เมื่อรู้ความจริงก็ร้องไห้เสียใจตลอดเวลา แล้วถามคุณหมอว่า แล้วจะให้ทำยังไง ไม่อยากเก็บลูกเอาไว้ในท้องแบบนี้ มันรู้สึกไม่ดี

คุณหมอตอบว่า ปกติเด็กที่เสียชีวิตในครรภ์ จะให้คลอดเองตามธรรมชาติ เพราะไม่อยากให้คุณแม่เจ็บตัวมากโดยไม่จำเป็น แต่ก็มีข้อยกเว้น ถ้าคุณแม่เคยผ่าคลอดมาก่อน หรืออายุครรภ์มากแล้ว แต่ถ้าลูกยังเล็กคุณหมอก็จะให้คลอดเอง โดยการเหน็บยา เพื่อให้ปากมดลูกนุ่ม จึงค่อยเร่งคลอด ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือการรอ

แต่คุณแม่ไม่อยากรอ จึงขอร้องให้คุณหมอผ่าคลอดให้ เมื่อผ่าคลอดออกมา พบว่า เป็นทารกเพศชาย หนัก 2,700 กรัม มีสายสะดือพันคอ 2 รอบ ซึ่งดูแล้วไม่ได้พิการแต่กำเนิด คุณหมอให้คุณแม่พักอยู่ที่โรงพยาบาล 3 วันก็กลับบ้านได้

คุณหมอเล่าว่าเด็กทารกที่เสียชีวิตในครรภ์นั้น ตามสถิติที่รายงานของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ทำไว้ พบว่ามีเด็กเสียชีวิต 5-9 คน ต่อ 1,000 คน ซึ่งนับว่าไม่น้อย

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ “สาเหตุและอันตรายเมื่อลูกเสียชีวิตในครรภ์” คลิกหน้า 2

การเสียชีวิตของเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์นั้นมี 2 กลุ่มคือ เสียชีวิตเมื่ออายุครรภ์น้อยกว่า 24 สัปดาห์ และเสียชีวิตเมื่ออายุครรภ์มากกว่า 24 สัปดาห์ สาเหตุของการเสียชีวิตในครรภ์ของทารกเมื่ออายุครรภ์ยังน้อย ส่วนใหญ่เกิดจากความผิดปกติของโรคโมโซมของทารก ทำให้ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ ส่วนเด็กทารกที่เสียชีวิตเมื่ออายุครรภ์มากแล้ว ส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาของเลือดที่ไปเลี้ยงเด็กทารกไม่เพียงพอ เช่น รกเสื่อม หรือคุณแม่มีโรคประจำตัว ทำให้ลูกน้อยได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ

สาเหตุที่ทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์

1.สาเหตุเกิดจากตัวคุณแม่ ได้แก่

2.สาเหตุเกิดจากตัวลูกน้อย ได้แก่

3.สาเหตุเกิดจากรก และสายสะดือ ได้แก่

คุณแม่จะมีอันตรายหรือไม่ถ้าลูกเสียชีวิตในครรภ์

1.คุณแม่มีความเสี่ยงต่อการได้รับการทำหัตถการต่างๆ เช่น การขูดมดลูก การผ่าตัดเพื่อคลอดบุตร

2.คุณแม่มีโอกาสเสียเลือด มดลูกทะลุ ติดเชื้อในโพรงมดลูก มีเลือดออกในช่องคลอดผิดปกติ หรือตกเลือด

3.ภาวะแทรกซ้อนทางจิตใจ มีความรู้สึกสูญเสีย หมดกำลังใจ อาจกลายเป็นโรคจิตประสาทได้

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ “การสังเกต ป้องกัน และรักษาลูกเสียชีวิตในครรภ์” คลิกหน้า 3

รู้ได้อย่างไรว่าลูกเสียชีวิตในครรภ์

1.คุณแม่ที่ลูกเสียชีวิตในครรภ์ ขณะที่อายุครรภ์ยังน้อย อาการของการตั้งครรภ์ เช่น แพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เต้านมคัดตึง จะหายไป

2.คุณแม่ที่ลูกเสียชีวิตในครรภ์ ขณะที่อายุครรภ์มากแล้ว น้ำหนักตัวจะไม่ขึ้น หรือลดลง จากที่ลูกเคยดิ้นก็หยุดดิ้น ครรภ์ไม่โตขึ้น และกลับเล็กลงด้วย รวมถึงมีเลือดออกทางช่องคลอด

ดูแลตัวเองเมื่อลูกเสียชีวิตในครรภ์

คุณแม่ทุกคน หวังจะให้ลูกน้อยมีชีวิต และสุขภาพแข็งแรง แต่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด ย่อมทำให้คุณแม่และครอบครัวเสียใจ เมื่อสังเกตได้ว่าลูกน้อยเสียชีวิตในครรภ์ ให้รีบพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยเพื่อตัดสินใจว่าจะรอให้เกิดการแท้ง หรือคลอดเองเมื่อถึงเวลา ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ในช่วงนี้ต้องคอยสังเกตความผิดปกติ หรืออาการเลือดออกในอวัยวะต่างๆ เช่น เลือดออกทางช่องคลอด เป็นต้น

ในขั้นตอนการตรวจวินิจฉัย คุณหมอจะตรวจหาสาเหตุการเสียชีวิต เช่น เจาะเลือดตรวจเบาหวาน ตรวจการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อในครรภ์ โรคธาลัสซีเมีย ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และตรวจกรุ๊ปเลือด

คุณหมอจะรอให้แท้ง หรือคลอดออกมาเองตามธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์หลังเสียชีวิต โดยการใช้ยาเหน็บช่องคลอด หรือกระตุ้นการหดตัวของมดลูก หลังจากนั้น จะทำหัตถการต่างๆ เช่น ดูดหรือขูดมดลูก ผ่ามดลูกเอาเด็กออก ซึ่งคุณแม่จะต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลประมาณ 1 วัน

การป้องกันไม่ให้ลูกน้อยเสียชีวิตในครรภ์

1.ดูแลสุขภาพร่างกาย และจิตใจให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ไม่มากเกินไป

2.รักษาโรคประจำตัว ควบคุมโรคให้ดี ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจตั้งครรภ์ และฝากครรภ์อย่างสม่ำเสมอ

3.ทำตามคำแนะนำของแพทย์ และสังเกตความผิดปกติ หรือนับการดิ้นของลูกน้อย

4.ถ้าคุณพ่อ คุณแม่มีความผิดปกติทางโครโมโซม ต้องตรวจลูกน้อยในครรภ์ด้วยเป็นระยะๆ

เครดิต: รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ สูตินรีแพทย์, DrSeri’s Clinic

อ่านเพิ่มเติม คลิก!!

ฝากครรภ์ช้า ไม่กินยาบำรุง อันตราย! เสี่ยงลูกพิการ

อุทาหรณ์! ลูกเสียชีวิตในครรภ์เพราะลืมนับลูกดิ้น

สายสะดือพันคอทารก ในครรภ์แม่จะรู้ได้อย่างไร?

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

Save