AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

อยากมีลูกต้องทำไง ? ลอง 9 วิธีแบบธรรมชาติและวิทยาศาสตร์ ลูกมาแน่

อยากมีลูกต้องทำไง กับ "วิธีทำให้มีลูก" 4 วิธีธรรมชาติ + 5 เทคโนโลยี ลูกมาแน่!!

อยากมีลูกต้องทำไง อยากท้องต้องกินอะไร อยากมีลูกต้องทำท่าไหน .. หากคุณมีลูกยากและอยากมีลูก มาดูวิธีทำให้มีลูก ทั้งแบบธรรมชาติและแบบใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย ต้องทำอย่างไรไปดูกันเล้ย

อยากมีลูกต้องทำไง กับ “วิธีทำให้มีลูก”
4 วิธี
ธรรมชาติ + 5 เทคโนโลยี ลูกมาแน่!!

เมื่อพูดถึงการมีลูก บางคนโชคดีมีลูกง่ายมาก ซึ่งถ้าเปรียบได้กับพัดลม ก็อยู่ในประเภทเครื่องใหม่ที่เปิดปุ๊บติดปั๊บ ส่วนในบางคนก็อยากมีลูกแทบตาย แต่ทำอย่างไรก็ไม่มีสักที ซึ่งสาเหตุของการมีลูกยาก อาจมาจากปัญหาด้านสุขภาพร่างกาย ทั้งฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงก็ได้ แล้วถ้า อยากมีลูกต้องทำไง หรือหากอยากท้องต้องกินอะไร เพราะความจริงแล้ว การตั้งครรภ์ ต้องใช้ปัจจัยหลายอย่างมาประกอบกันถึงจะทำให้มีลูกได้ง่ายขึ้น อย่าเพิ่งท้อ ทางทีมงาน Amarin Baby & Kids ได้รวบรวมวิธีทำให้มีลูกมาแนะนำทั้งที่เป็นวิธีแบบธรรมชาติ และการใช้วิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยีเข้ามาช่วย จะต้องทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลย

Must read : แล้วรีบแก้ไข! พ่อแม่ยุคใหม่ ทำไมจึง มีลูกยาก ?

อยากมีลูกต้องทำไง บ้าง!?

อย่างไรก็ตามหากคุณคิดจะมีลูก ก่อนอื่นควรมีการวางแผนตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะผู้หญิงที่มีลูกดกส่วนใหญ่แล้วจะแต่งงานเร็ว โดยช่วงวัยที่เหมาะสมและมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มาก คือ ช่วงอายุ 20-30 ปี เนื่องจากร่างกายมีความสมบูรณ์เต็มที่ ถ้าตั้งครรภ์ได้ก็จะมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้น้อยมาก เมื่อวางแผนเรียบร้อยแล้ว อยากมีลูกต้องทำไง ในวิธีแบบธรรมชาติ ให้เริ่มจาก

1. ร่วมรักให้ถูกวัน

การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงไข่ตกจะทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากที่สุด เพราะหลังจากไข่ตก 24 ชั่วโมงหากไข่ไม่ได้รับการผสมจะฝ่อหายไป โดยรอบเดือนของคุณผู้หญิงจะอยู่ที่ 28 – 30 วัน การตกไข่จะเกิดประมาณวันที่ 12 – 14 นับจากวันที่ประจำเดือนมาวันแรก ซึ่งอาจคลาดเคลื่อนเล็กน้อย ดังนั้น สำหรับคู่ที่ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์กันได้บ่อยๆ ช่วงเวลาที่ควรมีเพศสัมพันธ์ก็คือ ช่วง 3 วันก่อนไข่ตก ไปจนถึง 3 วันหลังไข่ตก

ส่วนในกรณีที่มีรอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือมาค่อยตรงเวลา การคำนวณวันไข่ตกก็อาจจะเกิดความคลาดเคลื่อนได้ แต่เราก็มีวิธีหาวันตกไข่ได้อย่างแม่นยำหลากหลายวิธีด้วยกัน เช่น การตรวจวัดอุณหภูมิ, การตรวจมูกที่ปากมดลูก หรือการใช้ชุดตรวจการไข่ เป็นต้น

ข้อด้อยของการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่มีการตกไข่ ก็คือเป็นเซ็กช์ตามคำสั่ง ซึ่งทำให้เกิดความเครียดและกังวลใจในการปฏิบัติภารกิจ เมื่อเกิดความเครียดขึ้นจะทำให้สภาพภายในร่างกาย ความเป็นกรดด่างเปลี่ยนไปจนทำให้การตั้งครรภ์เป็นไปได้ยากขึ้น เพราะฉะนั้น ระหว่างการมีเพศสัมพันธ์จึงต้องพยายามปล่อยตัวให้สบาย ๆ และระวังอย่าให้เกิดความเครียด

2. ความถี่ในการร่วมเพศ

มีงานวิจัยพบว่า หากมีเพศสัมพันธ์ทุกวันจะเพิ่มโอกาสติดลูก แต่ก็มีข้อโต้แย้งว่าอาจจะเพิ่มความเครียดและทำให้ปริมาณของอสุจิลดน้อยลงด้วย โดยทั่วไปจึงมีคำแนะนำให้มีเพศสัมพันธ์วันเว้นวันหรือ 2 วันครั้ง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้มากกว่า เพราะอสุจิมีชีวิตอยู่ได้ถึง 72 ชั่วโมง หลังจากการหลั่ง ซึ่งจะมีความสมบูรณ์แข็งแรงและแหวกว่ายเข้าไปได้ถึงปลายทาง

3. ท่วงท่าในการร่วมเพศ

หลายคนที่สงสัยว่า อยากมีลูกต้องทำไง อยากมีลูกต้องทำท่าไหน ซึ่งแม้บางคนไม่เชื่อว่าท่วงท่าจะมีผลต่อการมีลูกง่าย แต่โดยทั่วไปมีความเชื่อว่าท่ามิชชั่นนารี เป็นท่าที่มีลูกง่ายสุด เพราะสามารถสอดใส่เข้าไปได้ลึก และหลั่งน้ำอสุจิเข้าไปที่ปากมดลูกโดยตรง อีกทั้งยังเป็นท่าที่ทำให้ฝ่ายหญิงได้พักผ่อนนอนสบาย ๆ ไม่ต้องเกร็งตัว โดยหลังมีเพศสัมพันธ์แนะนำให้ฝ่ายหญิงนอนหงายเอาหมอนหนุนสะโพกให้ยกสูง ค้างน้ำอสุจิไว้อย่างน้อย 10-15 นาที เป็นการช่วยให้อสุจิวิ่งไปผสมกับไข่ได้ดีขึ้น

 

Must read : ทำไงให้ท้อง? 12 ทางลัด ที่คนอยากมีลูกไม่ควรพลาด

Must read : วิธีทำลูกแฝด 5 ท่วงท่า อยากได้ลูกแฝด ต้องทำท่านี้?

4. ให้ฝ่ายหญิงไปถึงจุดสุดยอดก่อน (หรือพร้อม ๆ กับฝ่ายชาย)

เพราะการถึงจุดสุดยอดของฝ่ายหญิง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ให้มากขึ้น เพราะเมื่อฝ่ายหญิงถึงจุดสุดยอด จะมีการหลั่งน้ำเมือกที่ช่วยนำอสุจิให้ไปถึงไข่ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งช่องคลอดยังมีการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อในท้องน้อยหลายครั้ง จึงมีผลทำให้เกิดแรงดูดน้ำอสุจิเข้าไปในโพรงมดลูกได้มากขึ้นด้วย

วิธีนี้มีเคล็ดลับอยู่ว่า.. เมื่อฝ่ายชายหลั่งน้ำอสุจิออกมาในระยะครึ่งชั่วโมงแรกนั้น น้ำอสุจิจะมีลักษณะเป็นเจลที่ยังไม่ละลาย ซึ่งน้ำอสุจินั้นจะต้องละลายเป็นน้ำก่อน ตัวอสุจิจึงจะเคลื่อนไหวได้ เพราะฉะนั้นแล้วผู้หญิงต้องนอนต่อสัก 30 นาที เป็นอย่างน้อย ถ้าจะให้ดีควรรองบริเวณสะโพกด้วยหมอนและนอนในท่าขาชัน ซึ่งจะทำให้ช่องคลอดสามารถเก็บกักน้ำอสุจินานพอและมากพอ โอกาสเกิดการตั้งครรภ์จึงจะมีมาก

Must read : อาหารเพิ่มสเปิร์ม เพิ่มเติมรสชาติชีวิตคู่

Must read : อาหารทำให้ท้อง สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ที่อยากมีลูก

 

ทั้งนี้หากยังสงสัยว่า อยากมีลูกต้องทำไง ปัจจัยด้านสุขภาพร่างกายและจิต ร่วมไปถึงไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิต ก็มีส่วนสำคัญ ควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง งดเหล้า บุหรี่ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีและเหมาะสมรวมไปถึงต้องกินอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่ โดยคุณผู้ชายควรเน้นอาหารที่มีโปรตีน สังกะสี และแมงกานีส เพื่อบำรุงให้อสุจิแข็งแรง เช่น เนื้อสัตว์ นม ไข่ อาหารทะเล กล้วยหอม เป็นต้น ส่วนคุณผู้หญิงควรกินโฟลิคทุกวันก่อนคิดที่จะมีลูกอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ลูกในท้องพิการ

Must read : 15 อาหารที่มีโฟเลตสูง ที่แม่ท้องและลูกในท้องควรทาน

 

อ่านต่อ >> “วิธีทำให้มีลูกด้วยการใช้เทคโนโลยีช่วยท้อง” คลิกหน้า 2

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :


www.thaihealth.or.th

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

เทคโนโลยีช่วยท้อง

อยากมีลูกต้องทำไง หากใช้วิธีธรรมชาติไม่สำเร็จ ก็ควรจูงมือกันไปพบแพทย์ หรือปรึกษาศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ซึ่งปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการแพทย์มีความก้าวหน้าทันสมัยมากขึ้น จึงสามารถช่วยเข้ามาเติมเต็มความสมบูรณ์ของครอบครัวยุคใหม่ได้ ทั้งนี้ก็ต้องแลกมากับค่าใช้จ่ายที่สูงตามไปด้วย เพราะฉะนั้นก็ควรวางแผนทางการเงินให้เรียบร้อย และเมื่อพร้อมก็มาหาคุณหมอ แล้วลุยกันให้เต็มที่ โดยเทคโนโลยี การแก้ปัญหาการมีบุตรยาก มีด้วยกันหลายวิธี ดังนี้

 

Must read : วิธีช่วยให้มีลูกง่าย ด้วยเทคโนโลยี เสี่ยงแค่ไหน?

 

1. การคัดเลือกเชื้ออสุจิ ฉีดผสมเทียม (Intrauterine insemination : IUI)

เป็นการนำเชื้ออสุจิที่ได้จากการเตรียมและการคัดเชื้อ (เอาตัวที่แข็งแรง รูปร่างดี) ในปริมาณที่มากพอมาฉีดเข้าไปภายในโพรงมดลูก เพื่อหวังจะให้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น เป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยาก มีค่าใช้จ่ายไม่แพงนัก เหมาะกับคู่สมรสที่อายุไม่มาก ไม่มีปัญหาเรื่องท่อนำไข่อุดตัน หรือมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่แบบรุนแรง หรือฝ่ายชายที่มีภาวะปกติไม่มาก

2. การทำกิ๊ฟท์ (Gamete Intrafallopain Transfer : GIFT)

เป็นวิธีการนำเอาไข่ และตัวอสุจิ ใส่กลับเข้าไปในท่อรังไข่ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เกิดการปฏิสนธิตามธรรมชาติ โดยใส่ผ่านทางหน้าท้องด้วยวิธีส่องกล้อง วิธีนี้เหมาะสำหรับฝ่ายหญิงที่มีท่อรังไข่ปกติ อย่างน้อย 1 ข้าง และฝ่ายชายที่มีเชื้ออสุจิที่ค่อนข้างปกติ

นอกจากนี้ยังมีการทำซิฟท์ (Zygote Intrafallopian Transfer – ZIFT) ที่จะคล้าย ๆ กับการทำกิ๊ฟท์ แต่จะต่างกันตรงที่เมื่อนำอสุจิมาผสมกับไข่แล้ว จะนำไปเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการจนเกิดการปฏิสนธิตัวอ่อนในระยะที่เรียกว่า Zygote ก่อน แล้วจึงค่อยใส่กลับเข้าไปในบริเวณท่อนำไข่ ซึ่งการทำซิฟท์นี้จะต้องมีการเจาะผนังหน้าท้องเพื่อนำไข่และอสุจิใส่เข้าไปในท่อนำไข่ด้วย จึงทำให้ไม่เป็นที่นิยมใช้กันนักในปัจจุบัน

3. การทำเด็กหลอดแก้ว (In-Vitro Fertization : IVF)

ยังเป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน คือแพทย์จะนำเอาไข่และเชื้ออสุจิมาผสมกันในหลอดทดลอง จนกระทั่งเกิดการปฏิสนธิแล้วเลี้ยงต่อในห้องปฏิบัติการจนเป็นตัวอ่อน อีกประมาณ 2-3 วัน ซึ่งจะได้ตัวอ่อนในระยะ 4-8 เซลล์ หรือเลี้ยงจนระยะบลาสโตซิสท์ (Blastocyst) แล้วจึงนำเอาตัวอ่อนที่เหลือและแข็งแรง ก็สามารถทำการแช่แข็งและเก็บไว้ใช้ในรอบการรักษาต่อไปได้ วิธีนี้เหมาะสำหรับคู่สมรสที่ฝ่ายหญิงมีความผิดปกติของท่อนำไข่ทั้งสองข้าง มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เชื้ออสุจิของฝ่ายชายมีจำนวนน้อย หรือมีภาวะมีบุตรยากที่ตรวจไม่พบสาเหตุ

 

4. การทำอิ๊กซี่ (Intracytoplasmic Sperm Injection : ICSI)

คือการฉีดอสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่ เป็นขั้นตอนหนึ่งของการทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งการทำอิ๊กซี่ จะใช้เข็มดูดตัวอสุจิขนาดเล็กเพียง 1 ตัว ฉีดเข้าไปในไข่ 1 ใบ จากนั้นจะนำไข่ที่ได้รับการฉีดเชื้ออสุจิไปตรวจสอบการปฏิสนธิ แล้วเลี้ยงต่อในห้องปฏิบัติการจนเป็นตัวอ่อน หรือจนระยะบลาสโตซิสท์ จากนั้นก็ใส่กลับเข้าไปในโพรงมดลูก วิธีการนี้นับว่าเป็นการใหม่ล่าสุด ในการรักษาภาวะมีบุตรยาก ที่มีสาเหตุจากฝ่ายชายที่มีความปกติของเชื้ออสุจิอย่างมาก

5. การทำอิมซี่ (IMSI : Intracytoplasmic morphologically selected sperm injection)

เทคนิคนี้คล้ายกับการทำอิ๊กซี่ต่างกันที่ขั้นตอนในการคัดเลือกอสุจิก่อนจะนำมาปฏิสนธิกับเซลล์ไข่ คือ จะมีเพิ่มกำลังขยายของเลนส์เป็นกำลังขยาย 6,000 เท่าเพื่อดูรูปร่างและลักษณะของอสุจิได้ชัดเจนมากขึ้น มีงานวิจัยกล่าวว่า อัตราการการตั้งครรภ์และอัตราการฝังตัวของตัวอ่อน ในการทำ IMSI สูงกว่าการทำ ICSI อาจเพราะการใช้กำลังขยายที่สูงขึ้นทำให้เห็นลักษณะของอสุจิ เห็นช่องว่างภายในของอสุจิ … ซึ่งการมีช่องว่างภายในเซลล์มีโอกาสที่อสุจิตัวนั้นจะมีการแตกหักของสายพันธุกรรม DNA ภายในเซลล์ซึ่งจะส่งผลถึงคุณภาพของตัวอสุจิด้วย สำหรับการทำ IMSI เหมาะสำหรับคู่ที่ล้มเหลวในการรักษาด้วยการทำ ICSI หลายครั้ง หรือรูปร่างอสุจิที่ผิดปกติจำนวนมาก

 

อย่างไรก็ตาม อยากมีลูกต้องทำไง ในการเลือกใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ คือ การที่คุณหมอจะวิเคราะห์หาสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะการมีบุตรยาก เพื่อให้ได้เทคนิคแต่ละแบบใช้ในการแก้ไขปัญหาแตกต่างกัน ซึ่งเทคนิคที่จะใช้รักษาส่วนใหญ่จะเริ่มจากเทคนิคที่ใกล้เคียงกับวิธีการปฏิสนธิทางธรรมชาติให้ได้มากที่สุด และถ้ายิ่งใช้เทคนิคที่สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการรักษายิ่งสูงขึ้นตามเท่านั้น

ซึ่งความสำเร็จในการรักษาและโอกาสในการตั้งครรภ์จะขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอายุ ความผิดปกติและวิธีการที่ใช้ เมื่อคู่สมรสตัดสินใจเข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยาก แพทย์จะเป็นผู้ช่วยพิจารณาว่าควรเลือกใช้วิธีใด เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์โดยคุ้มค่ากับเวลา ค่าใช้จ่าย และความเสี่ยงจากการใช้ยาต่าง ๆ ให้มากที่สุด

 

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : medthai.comwww.honestdocs.cowww.synphaet.co.th

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids