ข้อห้าม คนท้องอ่อนๆ ในช่วง 1-3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ จะถือว่าเป็นช่วงตั้งท้องอ่อนๆ ที่คุณแม่จะต้องมีความระมัดระวังกันในทุกเรื่องให้มากเป็นพิเศษ เพราะช่วงท้องอ่อนจะง่ายต่อการแท้งลูกมาก ทีมงาน Amarin Baby & Kids มี ข้อห้าม คนท้องอ่อนๆ ที่ต้องระวัง เพื่อให้ว่าที่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ได้ทราบกันค่ะ
ข้อห้าม คนท้องอ่อนๆ – ช่วง 1-3 เดือน ทารกน้อยในครรภ์มีพัฒนาการอะไรบ้าง?
จุดเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ก็คือการที่ไข่กับอสุจิได้มีการผสมกัน จนเกิดการปฏิสนธิขึ้นเป็นตัวอ่อน(ทารก) ที่จะมีพัฒนาการร่างกาย สมอง ฯลฯ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนกว่าจะครบ 40 สัปดาห์ เอาเป็นว่าเราไปดูกันสักนิดว่าในช่วง 3 เดือนแรกทารกมีพัฒนาการอะไรกันบ้าง
1. วันที่ 19 หลังปฏิสนธิ (ประมาณ 4 สัปดาห์นับจากประจำเดือนครั้งสุดท้าย)
ตัวอ่อนจะมีลักษณะเป็นแผ่นกลมแบน ขนาดประมาณ 0.4 มิลลิเมตร เกิดกลุ่มเซลล์ประสาทขึ้นเป็นระบบแรก(1)
2. วันที่ 32 หลังปฏิสนธิ (ประมาณ 6 สัปดาห์เศษนับจากประจำเดือนครั้งสุดท้าย)
ตัวอ่อนมีความยาว 4-6 มิลลิเมตร หางจะหดสั้นลง เริ่มเกิดบริเวณที่จะกลายเป็นลูกตา และแขนเริ่มงอกออกมาเป็นปุ่ม(2)
3. วันที่ 46 หลังปฏิสนธิ (ประมาณ 8 สัปดาห์เศษนับจากประจำเดือนครั้งสุดท้าย)
ทารกน้อยจะยาวประมาณ 16-18 มิลลิเมตร หางหดหายไปแล้ว ข้อศอกและเข่าเกิดขึ้น ขอบรูหูหนาตัวขึ้นเพื่อจะกลายเป็นใบหู นิ้วมือนิ้วเท้าชัดขึ้น(3)
4. สัปดาห์ที่ 12 นับจากประจำเดือนครั้งสุดท้าย
ลูกมีขนาดความยาวจากศีรษะถึงก้น ประมาณ 6-7 เซนติเมตร นิ้วมือนิ้วเท้าที่ยังติดกันเป็นพังพืดเหมือนนิ้วเป็ดในช่วงสองสัปดาห์ก่อนหน้า จะแยกออกจากกันเป็นนิ้วอย่างสมบูรณ์ อวัยวะเพศภายนอกมีลักษณะที่ชัดเจนว่าเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย แต่ยังเล็กเกินไปกว่าที่จะตรวจได้อย่างแม่นยำจากอัลตราซาวนด์(4)
เห็นไหมคะว่าในช่วงไตรมาสแรกเป็นช่วงที่อวัยวะสำคัญของร่างกายทารกได้มีพัฒนาให้เจริญเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะไม่เป็นผลดีเลยหากมีอะไรมากระทบกับทารกในครรภ์ จึงจำเป็นอย่างมากที่คุณแม่จะต้องให้ความสำคัญกับครรภ์ช่วงอ่อนๆ นี้ให้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากช่วงนี้จะง่ายต่อการแท้งนั่นเองค่ะ
อ่านต่อ >> “10 ข้อห้าม คนท้องอ่อนๆ ที่เสี่ยงแท้ง”หน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
10 ข้อห้าม คนท้องอ่อนๆ ต้องระวังอะไรบ้าง?
อย่าที่บอกไปแล้วว่า การตั้งครรภ์ในช่วง 3 เดือนแรก เป็นช่วงที่คุณแม่จะต้องประคบประหงมครรภ์น้อยๆ นี้ให้มากเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงต้องให้ความระมัดระวังในหลายๆ เรื่องที่อาจเสี่ยงต่อการแท้งของทารกในครรภ์ นั่นคือ
1. ความเครียด
มีคุณแม่ท้องในหลายๆ คนที่ยังต้องออกไปทำงานนอกบ้าน รวมทั้งคนท้องที่มีภาวะเจ็บป่วยมาก่อนหน้าที่จะตั้งครรภ์ ฯลฯ ปัจจัยแวดล้อมเหล่านี้ สามารถทำให้คุณแม่ท้องเกิดความเครียด รู้สึกหดหู่ ท้อถอยในชีวิตขึ้นได้ การตั้งครรภ์ที่มาพร้อมกับความเครียด สามารถส่งผลกระทบกับทารกในครรภ์ได้ ในคนท้องที่เครียดมากๆ สามารถทำให้เกิดการแท้งขึ้นได้ ดังนั้นก่อนที่จะมีการตั้งครรภ์ หรือตั้งครรภ์เกิดขึ้นแล้ว ควรขอคำปรึกษาจากคุณหมอ เพื่อหาสาเหตุของความเครียด และจะได้ให้การเริ่มต้นของครรภ์สามารถดำเนินไปได้อย่างสมบูรณ์ตลอดทั้ง 9 เดือน
2. การใช้ยาขณะตั้งครรภ์
การใช้ยาขณะตั้งครรภ์มีทั้งยาที่ใช้ในการรักษาโรคประจำตัวที่แม่ท้องกำลังเป็นอยู่ และรวมถึงยา วิตามินที่นอกเหนือจากที่คุณหมอจัดมาให้ทานเพื่อบำรุงครรภ์ จะต้องอยู่ในการควบคุมของคุณหมอเท่านั้น ไม่แนะนำให้ทานพวกกลุ่มยารักษาสิว หรือใช้ยาทาสิว หรือวิตามินที่นอกเหนือจากที่แพทย์แนะนำให้ทานขณะตั้งครรภ์ เพราะฤทธิ์บางชนิดสามารถส่งผลให้เกิดการแท้งขึ้นได้
3. การทานอาหารที่ปรุงไม่สุก และอาหารดิบ
ในคนท้องบางรายที่ไม่มีอาการแพ้ท้อง จะสามารถทานอาหารได้อร่อยเป็นปกติ ทำให้บางครั้งยังมีพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่ถูกต้อง นั่นคือทานอาหารประเภทปลาดิบ หรืออาหารปรุงไม่สุก เช่น ข้าวหน้าปลาดิบ ไข่ดาวไม่สุก ทานหอยดอง ทานส้มตำปูม้า ฯลฯ ซึ่งอาหารที่ปรุงไม่สุกอาจปนเปื้อนมาด้วยเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นเหตุทำให้เกิดอาการท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษขึ้นได้
4. การสูบบุหรี่
สารนิโคติน (Nicotine) ในบุหรี่ เป็นตรายต่อทั้งสุขภาพของแม่ท้อง และทารกในครรภ์ คนท้องที่สูบบุหรี่จัดมีโอกาสแท้ง และคลอดลูกก่อนกำหนดได้ เด็กที่คลอดก่อนกำหนดจะตัวเล็ก น้ำหนักแรกคลอดไม่ได้มาตรฐาน หัวใจเต้นเร็วกว่าเด็กปกติ บางครั้งอาจทำให้เกิดความพิการที่รุนแรงได้
5. การเดินทางขณะตั้งครรภ์
ในคนท้องอ่อนๆ รวมถึงอายุครรภ์ที่มากขึ้น ไม่แนะนำให้นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ เพราะการสั่นสะเทือนระหว่างเดินทางสามารถทำให้เกิดการแท้งขึ้นได้ และรวมถึงไม่ควรปั่นจักรยาน หรือโดยสารทางเรือ เพราะท้องเรือที่กระแทกกับผิวน้ำก็เป็นสาเหตุของการเกิดการแท้งขึ้นได้เช่นกัน
อ่านต่อ >> “10 ข้อห้าม คนท้องอ่อนๆ ที่เสี่ยงแท้ง” หน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
6. การดื่มแอลกอฮอล์
อย่าลืมว่าแม่กิน หรือดื่มอะไร ลูกในท้องก็ได้กิน และดื่มแบบเดียวกันกับคุณแม่นั่นแหละ และยิ่งในคนท้องที่ยังมีพฤติกรรมชอบดื่มแอลกอฮอล์อยู่ ก็ยิ่งจะส่งผลร้ายต่อทารกในครรภ์ เพราะพิษของแอลกอฮอล์ จะไปทำลายเซลล์ประสาท ทำให้ทารกมีปัญหาการเจริญเติบโต มีปัญหาด้านความจำ และมีพัฒนาการที่ไม่ปกติ คลอดออกมาน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
7. ห้ามลดน้ำหนักและอดอาหาร
ขณะตั้งครรภ์จำเป็นอย่างมากที่คนท้องจะต้องได้รับสารอาหารหลากหลายอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะกับอาหารหลัก 5 หมู่ ที่จะต้องทานให้ได้สัดส่วนอย่างสมดุลกัน จากงานวิจัยพบว่า คุณแม่ที่อดอาหารในขณะตั้งครรภ์ ทารกจะมีอัตราคลอดก่อนกำหนดสูงและสมองพิการ เนื่องจากในอาหาร 5 หมู่มีสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงสมองของทารก เช่น โฟเลตที่ได้จากผักและผลไม้ รวมถึงวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยในการสร้างอวัยวะสำคัญ ส่วนคุณแม่ที่กลัวความอ้วน หลังการคลอดแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวก็ช่วยลดน้ำหนักได้(5)
8. หลีกเลี่ยงการอบซาวน่า
ช่วงตั้งครรภ์คนท้องจะมีอาการเหนื่อยเพลีย ไม่ค่อยสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอยู่บ้าง และมักยากจะอบซาวน่า หรือทำสปา จริงๆ ไม่แนะนำให้ทำ โดยเฉพาะการอบซาวน่า เพราะความร้อนจากการอบตัวจะทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ ส่งผลให้เลือดภายในร่างกายข้นขึ้น สามารถส่งผลกระทบให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือด จนทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงทารกในครรภ์ได้น้อยลง และเสี่ยงต่อการแท้งได้มาก
9. เพศสัมพันธ์ขณะตั้งครรภ์
ในกรณีดังต่อไปนี้อาจเป็นเหตุให้ต้องงดการมีเพศสัมพันธ์ คือ ในกรณีที่หมอสั่งห้ามด้วยเหตุผลทางการแพทย์บางประการ, ในกรณีที่คุณแม่ตั้งครรภ์อ่อน ๆ และเคยมีการแท้งบุตรมาก่อน หรือมีอาการน่าสงสัยว่าจะเกิดการแท้งในครรภ์นี้ เพื่อเป็นการลดปัจจัยเสี่ยงที่เกิดการแท้งซ้ำจนกว่าทารกในครรภ์จะเติบโตแข็งแรงเพียงพอแล้ว, คุณแม่ตั้งครรภ์แฝดซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนด, ในกรณีที่สงสัยหรือพบว่ามีภาวะรกเกาะต่ำ, คุณแม่พบว่ามีเลือดออกทางช่องคลอด, ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ และคุณแม่เคยมีประวัติเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด, ห้ามมีเพศสัมพันธ์ในกรณีที่มีน้ำเดินหรือมูกเลือดออกมามาก(6)
10. ห้ามสวนล้างช่องคลอดเพื่อทำความสะอาด
การทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ควรทำความสะอาดเฉพาะภายนอกเท่านั้น แต่ไม่ควรสวนล้างเข้าไปด้านในช่องคลอด เพราะในช่องคลอดจะมีแบคทีเรียที่คอยป้องกันมิให้เชื้ออื่นเข้าไปในช่องคลอด โดยมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ถ้าคุณแม่สวนล้างช่องคลอดด้วยการใช้น้ำยาที่ขายกันอยู่ทั่วไป นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้ว บางครั้งยังอาจเป็นอันตรายอีกด้วย เพราะผนังช่องคลอดนั้นจะมีเนื้อเยื่อที่ละเอียดอ่อนนุ่ม การใช้น้ำยาต่างๆ จึงทำให้เกิดแผลได้ง่าย อีกทั้งน้ำยายังไปทำลายแบคทีเรียที่มีประโยชน์ ทำให้น้ำในช่องคลอดเปลี่ยนฤทธิ์เป็นด่าง เชื้อโรคอื่นๆ ที่เข้าก็จะเจริญเติบโตหรือติดต่อเข้าไปได้โดยง่าย(7)
การมีครรภ์คุณภาพไปตลอด 40 สัปดาห์ จะต้องเริ่มจากการประคับประคองให้การตั้งครรภ์ในช่วงสามเดือนแรกผ่านไปได้อย่างสมบูรณ์จนสามารถดำเนินต่อไปสู่ช่วงไตรมาสที่สองและสามตามลำดับ ซึ่งสิ่งสำคัญคือการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่สามารถจะส่งผลกระทบต่อทารกในให้ได้รับอันตรายนั่นเองค่ะ ผู้เขียนขอเอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้ว่าที่คุณแม่คนใหม่ที่กำลังอยู่ในช่วงการตั้งครรภ์อ่อนๆ ขออย่าให้มีปัญหาแทรกซ้อนใดๆ เกิดขึ้น และสามารถมีครรภ์คุณภาพไปจนถึง 9 เดือน …ด้วยความห่วงใยค่ะ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจคลิก
5 ท่าเซ็กส์ปลอดภัย ขณะตั้งครรภ์
ไขปริศนา! เส้นดำกลางท้อง ตั้งครรภ์ คืออะไร ?
เลือดออกขณะตั้งครรภ์ สัญญาณอันตราย บอกอะไร ?
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
1,2,3,4แพทย์หญิง ปิยะรัตน์ สัมฤทธิ์ประดิฐ์. การปฏิสนธิ กำเนิดชีวิตใหม่. หนังสือคู่มือตั้งครรภ์ทันสมัย
5,6,7ข้อห้ามสําหรับคนท้อง & ข้อควรระวังสำหรับคนท้อง. medthai.com