AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ไม่อยากให้ลูกโง่ พ่อแม่ต้องไม่โกรธลูกบ่อย

โมโหลูก ทำลูกโง่

ไม่อยากให้ลูกโง่ อย่าตะโกน หรือโมโหใส่ลูกบ่อย … เพราะความโกรธนั้นส่งผลกับสมองของลูกโดยตรง!

คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านอาจจะกำลังสงสัยอยู่ว่า ความโกรธของเรานั้น จะไปส่งผลกระทบกับลูกได้อย่างไร … เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ แต่เชื่อเถอะค่ะว่า อารมณ์นี่ละ ที่จะส่งผลให้ทุก ๆ อย่างนั้นแย่ลง หากเราควบคุมมันเอาไว้ไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอารมณ์โกรธ

ทราบหรือไม่คะว่า การที่เราโกรธลูกนั้น ส่งผลกระทบโดยตรงกับสภาพจิตใจของลูกเลยละค่ะ บางทีเราอาจจะไม่ได้โกรธอะไรมาก แต่ด้วยอารมณ์ในตอนนั้น ทำให้เราเผลอตวาด ตะคอก หรือว่าลูกด้วยน้ำเสียงที่ดุดันเกินไป ซึ่งเจ้าสิ่งเหล่านี้นี่ละค่ะ ที่นอกจากจะส่งผลถึงจิตใจของพวกเขาแล้ว ยังส่งผลกับสมองของลูกอีกด้วย จะส่งผลอย่างไรนั้น วันนี้เราจะไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันค่ะ

ไม่อยากให้ลูกโง่ ต้องไม่โกรธหรือโมโหลูกบ่อยจริงหรือ?

ไม่ว่าจะด้วยความเครียดจากการทำงาน สถานภาพทางการเงิน เหน็ดเหนื่อยจากการเลี้ยงลูก หรือการพักผ่อนไม่เพียง ย่อมส่งผลให้กับอารมณ์ของคุณพ่อแม่ให้โกรธง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมาเจอพฤติกรรมบางอย่างของลูก ที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ดังใจด้วยแล้ว ยิ่งทำให้อารมณ์นั้นโมโหได้ง่ายขึ้นไปใหญ่ จนเผลอพูดจาไม่ดีใส่ลูกไป

คุณพ่อคุณแม่ทราบกันหรือไม่คะว่า ภายหลังจากที่ลูกได้รับอารมณ์เหล่านั้นจากคุณพ่อคุณแม่แล้ว สมองของลูกแทนที่จะเอาไว้ใช้ในการคิดหรือพัฒนาสำหรับเรื่องอื่นนั้น กลับถูกปิดกั้นไปโดยปริยาย พร้อมกับครุ่นคิดอยู่กับสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่พูดมา และนั่นละค่ะ ทำให้สมองของลูกนั้นไม่พัฒนาไปได้เท่าที่ควรจะเป็น

เครดิต: Dreamstime

เพราะสมองของมนุษย์ทุกคนนั้น จะมีสัญชาตญาณการเอาตัวรอดด้วยกันทุกคน และปฏิกิริยาตอบสนองของเราที่เกิดขึ้นเมื่อมีภัยอันตรายเข้ามาก็มีด้วยกัน 2 ทาง คือ ต่อสู้ป้องกันตัวเอง หรือ หนีเพื่อเอาตัวรอด เมื่อเราแสดงอาการโกรธเกรี้ยวหรือโมโหกับการกระทำของลูก เรากำลังทำให้สมองของลูกสั่งการว่าเขากำลังอยู่ในอันตราย ความนึกคิดของลูกก็จะวนเวียนอยู่กับการหาทางเอาตัวรอด หรือในบางครั้งก็ถึงขั้นคิดแก้แค้นเอาคืน ซึ่งผิดกับเวลาที่คุณพ่อคุณแม่แสดงความเห็นอกเห็นใจ สมองของลูกจะเข้าสู่ระบบของการใช้เหตุและผล ซึ่งสิ่งนั้นจะส่งผลให้สมองของพวกเขาพัฒนาสู่การเรียนรู้ได้มากกว่าเดิม

ดังจะสังเกตเห็นได้จากบางครอบครัว ถึงพวกเขาจะไม่ได้มีพร้อมร่ำรวยเหมือนครอบครัวอื่น แต่ทำไมลูกของครอบครัวนั้นถึงมีความสุข ผิดกับบางครอบครัวที่ร่ำรวยเสียเหลือเกิน แต่ไม่ใส่ใจลูก เจอหน้าลูกทีก็หงุดหงิด ตะโกนใส่จนทำให้เด็กเหล่านั้นกลายเป็นเด็กเก็บตัว ไม่สนใจคนรอบข้าง จนส่งผลให้การเรียนแย่ลง

ซึ่งนั่นหมายความว่า เมื่อลูกได้รับรู้ถึงความรัก ความปรารถนาดี และความเห็นอกเห็นใจจากพ่อแม่ก่อนที่เขาจะได้รับผลของการกระทำ ลูกจะไม่อยู่ในสภาวะที่ต้องหนีหรือต่อสู้ป้องกันตัวเองอีกต่อไป และจะไม่กลัวที่จะเรียนรู้ผลจากการกระทำของตนเอง โดยเด็กที่เติบโตมาในบรรยากาศการเลี้ยงดูเช่นนี้มักจะไม่โยนความผิดให้ผู้อื่น แต่จะเกิดจิตสำนึกอันดีที่จะหัดไตร่ตรองด้วยตนเองว่า การตัดสินใจครั้งต่อไปของเขาจะส่งผลอย่างไรต่อชีวิต และรู้จักคิดทบทวนว่าทางเลือกไหนที่เป็นทางที่ชาญฉลาดและปลอดภัยที่สุด

อ่านต่อ 3 วิธีระงับความโกรธไม่ให้ไปลงใส่ลูก >>


ขอบคุณข้อมูล: ฝึกวินัยและวิธีคิดให้เด็กเล็ก ตั้งแต่แรกเกิด ถึง 6 ขวบและ Woman Learns

3 วิธีระงับความโกรธของพ่อแม่

เวลาที่คุณพ่อคุณแม่เผลอโกรธลูก จนในบางครั้งถึงขั้นลงไม้ลงมือนั้น เคยรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองกระทำกันหรือไม่คะ ถ้าหากว่าใช่แล้วละก็ วันนี้ทีมงาน Amarin Baby and Kids จะมาขอนำเสนอ 5 วิธีระงับความโกรธของพ่อแม่ตามแบบหลักของการใช้ธรรมะเข้าช่วยมาฝากกันค่ะ

1. นึกถึงผลเสียก่อน แน่นอนค่ะว่า พอถึงเวลานั้นมันเป็นเรื่องยาก แต่หลักการที่ว่า “คิดก่อนพูด” นั้นได้ผลสำหรับทุกเรื่องเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของอารมณ์ จริงอยู่ที่คุณพ่อคุณแม่อาจจะไม่ได้อยากที่จะพูดจาแรง ๆ ใส่ลูกอยู่แล้ว แต่เมื่ออารมณ์มันพาไป ก็ส่งผลให้คำพูดนั้นตามไปด้วยโดยขาดปราศจากการยับยั้งชั่งใจกันก่อน ดังนั้น ก่อนที่จะเอ่ยว่าลูกอะไรออกไป การหยุดยั้งคิดสัก 1 – 2 นาที ก็ไม่ได้เสียเวลาอะไรมากมายนักหรอกใช่ไหมคะ

2. ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ใช่แล้วละค่ะ บนโลกใบนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบดีพร้อมไปเสียทุกอย่างหรอกค่ะ แม้แต่ตัวของเราเอง เพราะทุกคนย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียกันอยู่ในตัวอยู่แล้ว หากแต่ว่าเราเลือกที่จะมองสิ่งไหนก่อน เช่นเดียวกันกับลูกของเราเอง พวกเขาก็ไม่ได้ดีพร้อมไปกว่าใคร การทำผิดพลาดนั้นก็ย่อมมีบ้างอยู่แล้ว มีแต่เรานี่แหละที่พร้อมจะให้อภัย และแนะนำทางที่ถูกที่ควรและเหมาะสมให้พวกเขาได้หรือเปล่า

3. ให้เวลากับตัวเองก่อน หากคุณพ่อคุณแม่รู้แล้วว่าตอนนี้อารมณ์ของเรากำลังเริ่มที่จะหงุดหงิดแล้วละก็ ให้ถอยออกมาจากตรงนั้นก่อนค่ะ หามุมสงบ ๆ และให้เวลากับตัวเองสักพักนึง รอให้อารมณ์เย็นลงกว่านี้ก่อนแล้วค่อยไปคุยกับลูก เมื่อเย็นขึ้นแล้วกลับไปหาลูกใหม่ พร้อมกับใช้เหตุผลอธิบายว่า สิ่งที่พวกเขาทำนั้น เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม และที่ไม่เหมาะสมนั้น เป็นเพราะอะไร

เมื่อไรก็ตาม ที่เราใช้อารมณ์เป็นเครื่องตัดสิน เมื่อนั้นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวของเราก็แย่ลงตามไปด้วย เช่นเดียวกับสภาพจิตใจของลูก แทนที่ลูกจะเอาสมองไปใช้คิดพัฒนาเพื่อสร้างเสริมจินตนาการ กลับกลายเป็นว่าลูกต้องคอยโทษตัวเองและปิดกั้นพัฒนาการทุกอย่างแทน ดังนั้น หากอยากให้ลูกฉลาดละก็ เรามาระงับอารมณ์ความโกรธของเรากันเถอะค่ะ

เครดิต: Woman Learns

อ่านต่อเนื้อหาอื่นที่น่าสนใจ:

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids