เรื่องเก่าที่มักได้ยินคุณแม่บ่นจนชินหูคงหนีไม่พ้น ทันทีที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ ลูกวัยอนุบาลเป็นต้องปรากฏกายขึ้นมาแถวๆ นั้น ราวเล่นกล เรียกร้องทั้งเวลาและความสนใจจากแม่ โดยไม่สนใจว่าแม่จะมีธุระต้องคุยกับคนอื่นบ้างหรือเปล่า
เด็กวัยนี้ไม่ชอบให้พ่อแม่สนใจอย่างอื่นนอกจากตัวเอง เพราะการกระทำเช่นนั้นอาจเป็นการตอกย้ำว่าเขาไม่ได้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับคุณเสมอไปอย่างที่คิด ซึ่งทำให้คนที่เคยเป็นหนึ่งเดียวในใจคุณอดรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้
ยิ่งถ้าคุณทำงานนอกบ้านและจำต้องทิ้งเขาไปเกือบทั้งวัน ก็ยิ่งต้องพยายามคุยโทรศัพท์ให้น้อยที่สุด ลูกรอคอยความสนใจจากคุณมาตั้งนาน ถ้าคุณมัวแต่คุยโทรศัพท์ไม่ยอมเลิก เขาก็จะรู้สึกว่าตัวเองสำคัญน้อยกว่าคนทางปลายสาย ถ้าเป็นเรื่องด่วนก็ว่าไปอย่าง แต่จะนั่งฟังเพื่อนเมาท์เรื่องไม่เป็นเรื่องนานถึงครึ่งชั่วโมงติดต่อกัน คงไม่เหมาะสักเท่าไร
หากคุณเลี้ยงลูกเองและอยู่ด้วยกันทั้งวันซึ่งเขามักไม่เรียกร้องเวลาจากคุณมากเหมือนในกรณีแรก คุณก็น่าจะคุยโทรศัพท์ได้สักพักโดยไม่ทำให้ลูกหงุดหงิดหรืองอแง
พอเสียงโทรศัพท์ดัง คุณก็หากิจกรรมที่จะดึงดูดลูกไว้ได้สักระยะ เช่น ต่อบล็อก หรือดูหนังสือนิทาน และบอกลูกว่าตอนนี้คุณต้องคุยโทรศัพท์ก่อนนะ เดี๋ยวคุยเสร็จเราค่อยมาหาอะไรสนุกๆ ทำด้วยกัน จับตามองลูกเอาไว้ด้วย ถ้าเขาเริ่มหมดความอดทนหรืองอแง คุณก็บอกคนที่โทร.มาว่าจะโทร.กลับไปคุยด้วยอีกทีตอนลูกหลับ แล้วก็วางหูซะ
แต่ถ้าลูกแผลงฤทธิ์แบบปัจจุบันทันด่วน คุณก็หยุดคุยก่อนเพื่อบอกกับเขาว่า แม่รู้ว่าหนูไม่ชอบให้แม่คุยโทรศัพท์ แต่บางทีแม่ก็มีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับคนอื่นบ้างเหมือนกัน รอนิดหนึ่งนะ แม่คุยจะเสร็จแล้วละลูก ซึ่งได้ประโยชน์ถึงสองต่อเพราะคนที่โทร.มาก็จะรู้ว่าคุณคุยได้อีกไม่นาน อย่าลืมทำตามสัญญา และทุ่มเทความสนใจให้ลูกทันทีที่คุยเสร็จด้วยล่ะ
และอย่ารู้สึกผิดที่เห็นเบอร์เรียกเข้าบางเบอร์แล้วไม่รับ เพราะเทคโนโลยีที่ว่าน่ะถือเป็นเพื่อนแสนดีประจำตัวก็ว่าได้!
บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสารเรียลพาเรนติ้ง