ลูกพูดไม่เพราะ …เชื่อไหมคะว่าจากสถิติส่วนใหญ่ สาเหตุจากการพูดไม่เพราะมาจากภายในบ้าน คุณพ่อคุณแม่ลองสำรวจตัวเองว่า เคยเผลอพูดคำเหล่านั้นออกมาหรือเปล่า หรือผู้ใหญ่ภายในบ้านพูดหรือไม่ ถ้าแน่ใจว่าสมาชิกภายในบ้านสุภาพเรียบร้อย ระมัดระวังเรื่องการพูดจา ก็สันนิษฐานได้ว่าอาจรับมาจากสื่อใดสื่อหนึ่งหรือไม่ ทีวี วิทยุ หรือแม้แต่หนังสือก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีวีที่มีรายการละครทั้งหลาย ที่เต็มไปด้วยวาจาเสียดสี คำหยาบ และรวมไปถึงพฤติกรรมและท่าทางที่ไม่เหมาะสมมากมาย
สาเหตุที่ ลูกพูดไม่เพราะ
ก่อนอื่นพ่อแม่อย่าเพิ่งตกใจ หรือโกรธเกรี้ยวที่ลูกพูดไม่เพราะ หรือพูดจาหยาบคาย ในทางตรงข้ามก็อย่าหัวเราะเห็นเป็นเรื่องขำ เพราะเด็กจะเข้าใจผิดคิดว่าพ่อแม่หรือผู้ปกครองชอบคำนั้นๆ แม้เราจะโมโห หรือไม่ชอบสิ่งที่เด็กพูด ก็ยังไม่ควรไปต่อว่าหรือดุด่าตำหนิในทันทีทันใด แต่ควรจะตั้งสติ และลองใช้ขั้นตอนเหล่านี้
√ หาที่มาว่าลูกได้ยินคำพูดนี้มาจากไหน
- ในบ้าน ถ้าได้ยินมาจากผู้ใหญ่ในบ้าน ก็ต้องยอมรับความจริง แม้คุณอาจไม่ได้ตั้งใจหรือเคยพูดแม้เพียงครั้งเดียว แต่โปรดเข้าใจว่าเด็กก็สามารถซึมซับประทับไว้ในสมองเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้น ผู้พูดก็ต้องกล่าวคำว่าขอโทษ คราวหน้าจะไม่พูดอีก เป็นการสอนให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยว่าเป็นคำที่ไม่เหมาะสมไม่ควรพูด และเมื่อพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ในบ้านทำผิดพลาดแล้วก็เอ่ยคำว่าขอโทษ
- โรงเรียน แต่ถ้าลูกซึมซับมาจากที่โรงเรียน ก็อาจชวนพูดคุยต่อว่า จากเพื่อนคนไหน ทำกิจกรรมอะไรกันอยู่หรือถึงพูดคำนี้ขึ้นมา และก็บอกลูกว่าเป็นคำที่ไม่ไพเราะ คนพูดก็ดูไม่น่ารักเลย และชักชวนเขาอย่าพูดเลยดีกว่า
- สื่อทีวี ถ้าเป็นสื่อทีวีก็ต้องโทษพ่อแม่ล้วนๆ ที่ปล่อยให้ลูกอยู่หน้าทีวี เพราะรายการทีวีในบ้านเรา โดยเฉพาะในช่วงเวลาละครหลังข่าว มีละครที่มีเนื้อหาที่ใช้คำพูดหรือท่าทางต่างๆ ที่ถ้าเด็กได้ดูเป็นประจำก็จะเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านั้น ทางที่ดีไม่ควรให้เขาดูทีวี โดยเฉพาะเด็กเล็ก ไม่เหมาะอย่างยิ่ง
√ อธิบายว่า คำหยาบ หรือพูดไม่เพราะ นั้นหมายถึงอะไร
- กรณีเป็นเด็กเล็กก็ต้องใช้คำพูดง่ายๆ กระชับ และมีท่าทีปกติ อย่าโกรธขึ้ง ถ้าเป็นเด็กโตที่เริ่มเข้าใจเหตุผล ก็สามารถแสดงให้ลูกรู้ด้วยท่าทีที่นุ่มนวลว่าพ่อแม่ไม่ชอบให้หนูพูดคำแบบนี้เลย และคนที่ได้ยินก็ไม่มีใครชอบด้วยแน่นอน
- สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง คือการอธิบายให้เหมาะสมกับช่วงอายุของเด็ก ลูกจะได้ไม่ต้องเก็บสิ่งที่สงสัยไปถามคนอื่น คำอธิบายจะทำให้เด็กๆ พอใจ คลายความสงสัย และรู้เหตุผลว่าทำไมเขาไม่ควรพูดคำเหล่านั้น
- จากนั้นควรสอนลูกว่าคำหยาบเป็นสิ่งไม่ดี อธิบายให้เขาฟังว่าคำหยาบทำให้คนฟังรู้สึกอย่างไร ถามลูกว่า ถ้ามีคนมาพูดหยาบคายกับเขา เขารู้สึกอย่างไร ไม่ชอบเหมือนกันใช่ไหม เป็นการสอนให้เขาเรียนรู้การเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย
- กรณีที่เป็นวัยก่อนเข้าสู่วัยรุ่น หรือวัยรุ่น เขาหรือเธออาจจะมีคำศัพท์แสลงหรือคำพูดที่ไม่สุภาพประเภทมึง-กู ที่ใช้กับกลุ่มเพื่อน ก็สามารถผ่อนผันให้เขาได้บ้าง เพียงแต่ต้องมีข้อตกลงว่าให้ใช้เฉพาะในกลุ่มเพื่อนเท่านั้น ไม่ควรนำมาใช้ในบ้าน หรือนอกกลุ่มเพื่อน เพราะการห้ามไม่ให้เขาพูดเลยเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเขาก็ยังคงพูดอยู่ดี เพียงแต่เลี่ยงไม่ให้พ่อแม่ได้ยินเท่านั้น
ถ้าอธิบายแล้วลูกไม่ฟัง?
กรณีที่อธิบายจนกระจ่างแล้วเด็กยังชอบพูดคำหยาบอีก คุณก็ควรมีกฎกติกาหรือข้อตกลงไว้เผื่อครั้งหน้าเลยว่า หากพูดคำหยาบแล้วจะเกิดผลอย่างไร ซึ่งก็สุดแท้แต่ว่าบ้านไหนต้องการกำหนดอะไร เพราะต้องขึ้นอยู่กับตัวเด็กด้วย หรืออาจจะมีการเตือนไว้ก่อน ถ้ามีครั้งหน้าค่อยมีการลงโทษจากน้อยไปหามาก
อ่านต่อ >> “4 วิธีเด็ดรับมือเมื่อ ลูกพูดไม่เพราะ” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
วิธีรับมือ ” ลูกพูดไม่เพราะ “
ทั้งนี้ทั้งนั้นในบางครั้งผู้ใหญ่ยังให้ท้ายว่าพฤติกรรมนั้นสะท้อนว่าเด็กมีความเชื่อมั่นในตนเอง ยืนหยัดเพื่อตัวเอง และเป็นตัวของตัวเองอีกต่างหาก ซึ่งถึงแม้จะเป็นความจริง ก็คงไม่มีใครอยากรองรับพฤติกรรมหรือคำพูดแย่ๆ หรอก ปัญหานี้แก้ได้โดย
– วางแผนล่วงหน้า ตัดสินใจไว้ก่อนว่าถ้าลูกพูดไม่เพราะกับคุณ ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ขอแนะนำให้ยกเลิกสิ่งที่ลูกชอบ ซึ่งตามปกติต้องเกิดขึ้นภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงข้างหน้า เช่น งดดูทีวีรายการโปรด หรืออดไปเล่นที่บ้านเพื่อน
– ตอบโต้แบบเด็ดขาด เช่น ห้ามใช้คำพูด (หรือน้ำเสียง) แบบนี้กับแม่นะ คราวนี้แม่จะทำโทษด้วยการไม่พาไปเล่นที่บ้านน้องจิม
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
– ห้ามต่อรอง ไม่ต้องให้โอกาสหรือให้ต่อรองโดยเลี่ยงคำว่า ถ้า (เช่น ถ้าลูกพูดแบบนี้อีก แม่จะ…) เพราะลูกจะจับได้ว่าคุณไม่เด็ดขาดจริง พ่อแม่มักใช้วิธีพูดมากเกินไป ทั้งที่การลงมืออย่างจริงจังได้ผลดีกว่ากันเยอะ
– อย่าใส่ใจครั้งต่อไป ที่เกิดขึ้นเพราะการทำโทษ ไม่ต้องอธิบายหรือให้เหตุผลใดๆ อีก และไม่ต้องทำโทษซ้ำอีกครั้งด้วย คุณอาจไม่สบายใจที่ต้องยกเลิกสิ่งที่เคยสัญญาไว้กับลูก เพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกมีความสุข แต่เด็กๆ เรียนรู้ได้เร็วกว่าที่คิด พอเห็นคุณเอาจริงสัก 2 – 3 ครั้ง เขาก็จะเลิกพฤติกรรมนี้ไปได้เอง
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญ คือ พ่อแม่ต้องไม่ลืมว่าเด็กบางคนอาจจะพูดเพราะสนุกปาก หรือเพื่อให้คนมองว่าเขาโตเป็นผู้ใหญ่และมีอำนาจ หรือพูดตามผู้ใหญ่ที่เขาใกล้ชิด หรือเขาพูดเพราะโมโหหรือโกรธเกรี้ยว หรือมีปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียน ฯลฯ ถ้าผู้ใหญ่รู้ปัญหาก็สามารถแก้ไขให้ตรงจุด
จริงๆ แล้ว การพูดคำหยาบบ้างเป็นบางครั้งไม่ใช่เรื่องใหญ่โตถึงขนาดยอมความกันไม่ได้ เพียงแต่พ่อแม่ควรสร้างรากฐานให้ลูกเป็นเด็กที่พูดจาสุภาพเรียบร้อยมาตั้งแต่เล็ก ถ้าพ่อแม่เองหรือคนในบ้านระมัดระวังคำพูด และเป็นแบบอย่างที่ดีมาโดยตลอด ก็ช่วยได้ในระดับสำคัญแล้ว
เพียงแต่ปัจจุบัน เราก็ยอมรับว่าปัจจัยภายนอกมีส่วนสำคัญมากในการทำให้เด็กยุคนี้ใช้คำหยาบมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะปัจจัยเสี่ยงจากภายในบ้าน สภาพสิ่งแวดล้อม หรือสื่อรอบตัวเท่านั้น ยังมีตัวอย่างในสังคมอีกมากมายที่ทำให้เด็กเห็นทั้งคำพูดและความรุนแรง ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่ถูกเรียกว่าผู้ทรงเกียรติก็ยังใช้คำพูดหยาบคาย วาจาส่อเสียด และทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมให้เด็กเห็นตำตาอยู่บ่อยครั้ง เพราะเด็กเชื่อและทำในสิ่งที่เห็นมากกว่าสิ่งที่พูดค่ะ
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!
- สอนลูกเรื่องมารยาท ด้วยหนังสือนอกเวลา
- หยุด! ทำโทษลูกรุนแรงระวังผิดกฎหมาย
- 7 เรื่องพื้นฐานที่ควรสอนลูกให้ติดเป็นนิสัย! ตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น
บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสารเรียลพาเรนติ้ง
ขอบคุรข้อมูลจาก : www.manager.co.th