AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

อ่านแบบโฟนิกส์ คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับเด็กยุคนี้!

คุณพ่อคุณแม่สังเกตไหมคะว่า เด็กสมัยนี้หัวไว เก่งภาษากันมากกว่าสมัยก่อน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะคุณพ่อคุณแม่รู้และตระหนักดีแล้วว่า  ภาษาอังกฤษนั้นสำคัญต่อการดำรงชีวิตจริง ๆ จึงได้ส่งเสริมให้ลูกเรียน และฝึกทักษะต่างๆในการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น   โดยเฉพาะการ อ่านแบบโฟนิกส์  ที่มีบทบาทสำคัญกับเด็กยุคนี้จริง ๆ ว่าแต่ … โฟนิกส์คืออะไร? เรียนรู้ยากหรือไม่ วันนี้เราเตรียมคำตอบมาให้แล้วละค่ะ

 

โฟนิกส์ คืออะไร?

โฟนิกส์ (Phonics) มาจากคำว่า Phone ที่แปลว่าเสียง สำหรับในทีนี้ โฟนิกส์ หมายถึง เสียงในภาษา ที่มีการมุ่งเน้นไปยังเสียงของตัวพยัญชนะ และสระ ซึ่งมีลักษณะพิเศษแตกต่างกัน

ดังนั้น วิธีการ อ่านแบบโฟนิกส์ นั้นก็คือ วิธีการเรียนอ่าน เขียนและออกเสียงภาษาอังกฤษ โดยใช้หลักการถอดรหัสเสียงและการผสมเสียงตัวอักษร A ถึง Z ทั้ง 26 ตัว โดยเด็กนั้นจะต้องทำความเข้าใจการออกเสียงของตัวอักษรแต่ละตัวว่า ตัวอักษรนั้นมีวิธีการออกเสียงแบบใดถึงจะถูกต้อง ผู้เรียนจะต้องเข้าใจเสียงของตัวอักษรต่างๆ และออกเสียงเหล่านั้นให้ได้อย่างถูกต้องจึงจะสามารถผสมเสียงออกมาเป็นคำได้

ยกตัวอย่างเช่น การสะกดคำว่า cat ในสมัยของคุณพ่อคุณแม่นั้น จะท่องกันว่า ซี-เอ-ที แคท แมว ซึ่งยากที่จะเข้าใจว่าทำไม ซี-เอ-ที ถึงกลายเป็นแคทไปได้ เพราะการท่องแบบนี้ไม่ได้ใช้หลักการผสมเสียงแต่เป็นการท่องจำการสะกดคำเสียมากกว่า แต่ถ้าเป็นหลักการของโฟนิกส์นั้น จะสอนให้ลูกจักตัว “C” ที่ออกเสียง “ค” ว่า เคอะ “A” ออกเสียง “อ” ว่า “แอะ” และตัว “T” ออกเสียง “ท” ว่า “เทอะ” เมื่อนำทั้งสามตัวมาผสมกันแล้วจะได้เป็น “ค-แอะ-ท แคท” หากลองออกเสียงไว ๆ ก็จะได้คำว่า “แคท” ไปได้เอง นี่แหละค่ะ คือตัวอย่างของการอ่านออกเสียงแบบโฟนิกส์ที่ว่านี้

วิธีการสอนลูกให้ อ่านแบบโฟนิกส์ ในรูปแบบดังกล่าว จะเป็นการช่วยกระตุ้นเซลล์สมองของลูก ทำให้สมองมีการสร้างเส้นใยสมองใหม่ และใยสมองเดิมแตกตัวมีผลทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางด้านภาษาอังกฤษสูง เมื่อเปรียบเทียบกับการสอนด้วยวิธีอื่นนั่นเอง

เรียนแล้วได้อะไร คลิกอ่านได้ที่หน้าถัดไป


เครดิต: Nation Blog

อ่านแบบโฟนิกส์ แล้วได้อะไร?

 

ปัญหาส่วนใหญ่ของเด็กไทยที่พบนั้น นอกจากจะไม่มั่นใจในตัวเองแล้ว ยังรู้สึกอายและไม่กล้าแสดงออกเวลาเจอกับคนแปลกหน้าโดยเฉพาะชาวต่างชาติ อย่าว่าแต่เด็กเลยค่ะ แม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเราเองก็เช่นกัน รู้สึกกลัวและเกร็งว่า เวลาออกเสียงไปจะถูกต้องไหม เขาจะฟังเรารู้เรื่องหรือเปล่า จึงทำให้เกิดเป็นการอ่านภาษาอังกฤษสำเนียงคนไทยขึ้น

พอเรามีลูก เราก็อยากที่จะให้ลูกเก่ง และสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ ดังนั้น “โฟนิกส์” จึงกลายมามีบทบาทสำคัญกับสื่อการเรียนการสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก ๆ เพราะการ อ่านแบบโฟนิกส์ ที่ว่านี้นั้น จะช่วยให้เด็ก ๆ ออกเสียงได้อย่างถูกต้อง ทำให้พวกเขาสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติได้ชัดเจน และสามารถอ่านเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

จริงอยู่ที่การเรียนแบบโฟนิกส์นั้นดูช้าและยุ่งยากกว่าการเรียนแบบท่องจำ เพราะเด็ก ๆ จะต้องค่อย ๆ ทำความเข้าใจของที่มาของเสียงและหลักการผสมคำจากง่ายไปหายาก และจะต้องฝึกซ้ำ ๆ เพื่อจะได้ท่องจำได้

ควรเริ่มเรียนเมื่อไหร่?

จริง ๆ แล้วเด็กเล็ก ๆ ที่ต่ำกว่าสามขวบนั้น ยังไม่จำเป็นต้องเก่งภาษาอังกฤษก็ได้ค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ควรสอนนะคะ แต่ควรเป็นการเน้นการใช้ศัพท์หรือประโยคง่าย ๆ ที่ใช้กันในชีวิตประจำวันค่ะ ยกตัวอย่างเช่น

แต่พอลูกเริ่มโตขึ้นมาเข้าสู่อนุบาล 2 และอนุบาล 3 การเรียนอ่านออกเสียงแบบโฟนิกส์นั้น เริ่มเข้ามามีบทบาทแล้วละค่ะ โดยคุณครูส่วนใหญ่จะสอนการออกเสียงนั้นผ่านเสียงเพลง เพื่อที่เด็กจะได้รู้สึกสนุก ไม่เบื่อและไม่คิดว่าพวกเขากำลังเรียนหนังสืออยู่ และในวันนี้ เราก็มีตัวอย่างเพลงมาฝากคุณพ่อคุณแม่ไว้เปิดให้ลูกฟังกันด้วยนะคะ

ฟังเพลงตัวอย่าง การออกเสียงแบบโฟนิกส์ได้ที่หน้าถัดไป


เครดิต: Alphaschoolofenglish

คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านอาจจะคิดว่า โฟนิกส์ นั้นเพิ่งจะมีเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่จริง ๆ แล้วทราบหรือไม่คะว่า “โฟนิกส์” นั้นมีมานานมากกว่า 40 ปีแล้วละค่ะ เพียงแต่ว่ายังไม่เป็นที่ยอมรับมากเหมือนกับสมัยนี้ เพราะดูยุ่งยากและซับซ้อนนั่นเอง แต่ในความเป็นจริงนั้น การอ่านแบบนี้ไม่ได้ยากเลยค่ะ หากแต่จะต้องอาศัยความถี่ของการสอน เพื่อลูกจะได้ค่อย ๆ ซึมซับเข้าไปทีละเล็กทีละน้อย

 

วิธีการสอนลูก อ่านแบบโฟนิกส์

  1. ให้ลูกรู้จักตัวอักษร ABC และจดจำแต่ละตัวให้ได้
  2. หลังจากนั้นให้สอนลูกร้องเพลง ABC จนจบเพลง
  3. มาถึงตอนนี้ลูกจำตัวอักษรและร้องเพลงได้แล้ว ก็ให้คุณพ่อคุณแม่เริ่มสอนให้ลูกรู้จักกับวิธีการอ่านออกเสียงแบบโฟนิกส์ได้แล้วละค่ะ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถเปิดเพลงการอ่านออกเสียงดังกล่าวได้ผ่านสื่อโซเชียลต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ยูทูป เป็นต้น

และในวันนี้ เราก็ได้เตรียมคลิปตัวอย่างการออกเสียงแบบโฟนิกส์มาฝากคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ ถ้าพร้อมแล้วไปฟังเพลงนี้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เพราะใช่ไหมละคะ รับรองว่าถ้าหากคุณพ่อคุณแม่เปิดให้ลูกฟังทุกวัน นอกจากลูกจะรู้สึกชอบเพลงนี้แล้ว ยังสามารถจดจำและเรียนรู้ได้ไวยิ่งขึ้นอีกด้วยละค่ะ

เครดิต: Kids TV 123 และ Home School Thailand

อ่านเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติม

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids