จิตแพทย์แนะ การเลี้ยงลูก จะให้ดีมีความสุขทุกฝ่าย ควรเลี้ยงด้วย “ทางสายกลาง”
ทางสายกลาง คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนให้เรารู้จักวิธีการดำรงชีวิต ไม่ยึดติดสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป เพื่อชีวิตที่มีความสุขอย่างแท้จริง และสิ่งนี้นี คือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนควรนำมาใช้กับลูก เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่มีความสุขอย่างแท้จริง
“เลี้ยงลูกอย่างไรดี” เป็นประเด็นที่พ่อแม่หลายคนในยุคสมัยนี้ค่อนข้างเป็นกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับยุคที่มีสื่อและเทคโนโลยีต่าง ๆ มาล่อตาล่อใจลูก!
บางครอบครัวไม่อนุญาตให้ลูกเล่นหรือสัมผัสกับสิ่งของเหล่านี้เลย แต่กลับบางครอบครัวก็กลับให้เล่นมากเกินไปจนทำให้สูญเสียความสัมพันธ์ในครอบครัวไปบ้างก็มี
และแน่นอนค่ะว่าการห้ามหรือปล่อยลูกมากเกินไปนั้นไม่ใช่วิธีการเลี้ยงลูกที่ถูกต้องแน่นอน และวิธีไหนละ ที่จะนำพาพวกเราทุกคนให้มีความสุขได้?
อ่านต่อเนื้อหาเพิ่มเติม คลิก>>
การเลี้ยงลูก ด้วย “ทางสายกลาง”
ผศ.นพ.ณัทธร พิทยรัตน์เสถียร จากภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็ก อ้างถึงผลการวิจัยที่เป็นที่ยอมรับซึ่งระบุว่า ไม่ควรให้เด็กเล็กที่มีอายุยังไม่ถึง 2 ขวบนั้นใช้อุปกรณ์ไอทีหรือเทคโนโลยีเลย แต่หากลูกมีอายุโตขึ้นมาหน่อย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของแต่ละครอบครัวแล้ว
ปัญหาครอบครัวส่วนใหญ่ที่เจอคุณหมอเจอนั้นแต่ต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเด็กมีปัญหาเรื่องการเรียน สมาธิสั้น ติดเกม มีปัญหาเรื่องการปรับตัว เป็นต้น บางครอบครัวถามหาว่า “ใครคือคนผิด” ที่ทำให้ลูกมีปัญหาเหล่านี้! แท้จริงแล้วการถามหาคนผิดนั้นไม่ใช่เรื่องที่ควร หากแต่คือการแก้ปัญหาต่างหากคือสิ่งที่ควรทำมากที่สุด
ยกตัวอย่าง ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการใช้เทคโนโลยี บางครอบครัวสั่งห้ามเด็ดขาด! ไม่ให้ลูกเล่นหรือมีโอกาสได้สัมผัสกับสื่อเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมือถือหรือแล็ปท็อป เพราะกลัวว่าลูกจะได้รับการกระทบกระเทือนทางด้านพัฒนาการได้ หากรู้ว่าลูกแอบเล่นก็จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เด็กบางคนโดยทำโทษ โดนตีจนกลายเป็นโรคซึมเศร้าบ้างก็มี ในทางกลับกันบางครอบครัวก็ปล่อยให้ลูกเป็นอิสระในการใช้เครื่องมือสื่อสารหรือเทคโนโลยีเหล่านี้มากเกินไป จนทำให้เด็กมีความก้าวร้าว สมาธิสั้น และมีปัญหาทางพัฒนาการ
และอะไรคือทางออกของการเลี้ยงดูลูกให้มีความสุขที่แท้จริง คลิก!
ใช่แล้วละค่ะ คำตอบที่ถูกที่สุดก็คือ การเลี้ยงลูกด้วยทางสายกลางนั่นเอง โดย ผศ.นพ.ณัทธร พิทยรัตน์เสถียร กล่าวว่า เราควรที่จะนำเอาแนวคิดเรื่องการเลี้ยงดูลูกแบบฝรั่งมาปรับใช้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ไปเอาของเขามาเสียทั้งหมด หากแต่เราต้องปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมและความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมให้ได้มากที่สุด
สิ่งสำคัญที่ ผศ.นพ.ณัทธรย้ำคือ ต้องวาง “ทางสายกลาง” ไว้ให้ดี ไม่ตึง ไม่หย่อนจนเกินไป ลูกสามารถเล่นเกมได้ แต่ต้องดูแลให้ดี อย่าให้ลูกเครียดเกินไปหรือสบายเกินไป เป็นต้น
พร้อมกับเปรียบเทียบให้คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นว่า เกมเองก็เหมือนเหล้า กินแต่พอดีก็ผ่อนคลายสบายใจ กินมากไปก็เป็นปัญหาต่อตัวเองและสังคม และเราไม่สามารถกำจัดเกมออกไปจากชีวิตได้ ควรหาวิธีอยู่ร่วม แล้วใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้นให้ดีกว่า
ที่สำคัญ คณพ่อคุณแม่เองก็ไม่ควรตั้งความหวังไว้กับลูกจนเกิดเป็นแรงกดดันมากเกินไป ผศ.นพ.ณัทธรระบุว่า เข้าใจดีว่าพ่อแม่อยากให้ลูกได้ดี แต่ต้องปรับระดับให้เหมาะสม ถ้าตั้งไว้สูง ลูกยิ่งรู้สึกแย่ เช่น คิดว่าลูกต้องได้คะแนนดี ลูกจะมีความรู้สึกเพียง 2 อย่าง คือเสมอตัว เนื่องจากได้คะแนนดีมาก และรู้สึกแย่ เพราะคะแนนลด เกิดเป็นความกดดัน ความเชื่อมั่นในตนเองต่ำ และนำมาซึ่งภาวะซึมเศร้าได้
หากคุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ ทั้งคุณและก็ลูกก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขทั้งสองฝ่ายได้ไม่ยากแล้วละค่ะ
เครดิต: ผศ.นพ.ณัทธร พิทยรัตน์เสถียร จากภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ เนชั่นสุดสัปดาห์
อ่านต่อเรื่องอื่นเพิ่มเติมคลิก:
- นักวิชาการและแพทย์แนะ! รักลูก อย่าสอนลูกให้เป็นแค่คนเก่ง!
- บะหมี่เปลี่ยนชีวิต! สุดยอดพ่อ สอนลูกให้มีน้ำใจ ไม่เห็นแก่ตัว ด้วยบะหมี่ 2 ถ้วย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่