“แม่หนู มาเร็วๆ เข้า ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก” แต่เพื่อนขี้อายวัย 6 ขวบกลับไม่ยอมขยับจากตำแหน่งที่หลบอยู่ ขณะที่เพื่อนๆยิ้มแย้มแจ่มใสและเริงระบำอยู่บนเวที น้องหนิงกลับได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อเพราะทำอะไรไม่ถูก แถมยังทำหน้าเหยเกเหมือนกำลังทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
เราเรียกอาการแบบนี้ว่า ตื่นเวที ซึ่งอาจเป็นความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นเฉพาะในการแสดงรอบปฐมทัศน์ หรือความตื่นเต้นธรรมดาๆ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำก็ได้ อาการที่ว่านี้ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะนักแสดงมืออาชีพบางคนก็ยังตื่นเต้นเป็นกังวล แม้จะเคยมีประสบการณ์มาแล้วอย่างโชกโชน คุณอาจช่วยให้แด๊นเซอร์ตัวน้อยๆ หรือนักเปียโนรุ่นจิ๋วรับมือกับความประหม่าและรู้สึกสนุกกับการแสดงความสามารถบนเวทีได้โดย
- ถามความสมัครใจของลูกก่อน เด็กบางคนชอบเรียนดนตรี บัลเลต์ หรือคอร์สอื่นๆ เพียงเพราะมีความสนใจ ไม่ใช่เพราะอยากแสดงความสามารถพิเศษต่อหน้าสาธารณชน และไม่มีกฎข้อใดที่ระบุว่าเด็กทุกคนจะต้องเคยเปิดการแสดงเดี่ยว เพราะฉะนั้นถ้าลูกไม่ชอบก็อย่าไปฝืนใจเขาเลยจะดีกว่า
- ช่วยฝึกซ้อม แต่อย่าบังคับลูกจนเกินไป คุณคงไม่อาจรับประกันได้ว่าการฝึกซ้อมจะทำให้ลูกสามารถแสดงจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่อย่างน้อยลูกก็จะรู้สึกชินและแสดงได้คล่องขึ้น คุณจึงควรช่วยลูกเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมสำหรับ ของจริง แต่ให้เขาฝึกซ้อมในบรรยากาศที่ปราศจากความกดดัน เช่น เกณฑ์พี่ตุ๊กตาหมีมาเป็นผู้ชมแทนคนจริงๆ
- ชมเชยลูก ปล่อยให้การวิพากษ์-วิจารณ์เป็นหน้าที่ของคุณครูที่โรงเรียน เพราะการให้กำลังใจเมื่อลูกฝึกซ้อมอยู่ที่บ้านจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับเขาเมื่อถึงคราวที่ต้องแสดงจริง
- คุยกับลูกอย่างจริงจัง ถ้าแม่หนูบอกว่าไม่อยากแสดงเพราะกลัวจะจำบทไม่ได้ คุณก็ไม่ควรบอกลูกแต่เพียงว่า แต่แม่ว่าหนูต้องจำได้แน่ๆ !แต่ควรพูดว่า ถ้าเป็นแม่ แม่ก็คงจะกลัวเหมือนหนูนั่นแหละ แต่หนูก็ขยันท่องบทออกอย่างนี้ คงไม่มีอะไรผิดพลาดหรอกจ้ะ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่ก็ยังภูมิใจในตัวหนูอยู่ดีนะจ๊ะลูก
บทความและภาพโดย: กองบรรณาธิการนิตยสารเรียลพาเรนติ้ง