เพราะอะไร “คำสอนของพ่อแม่” จึงได้ชื่อว่าเป็นคำสอนที่ดีที่สุดในชีวิตลูก และไม่สามารถตีมูลค่าได้
คุณพ่อคุณแม่สมัยนี้ ส่วนใหญ่เลือกโรงเรียนจากการที่โรงเรียนนั้น เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียง เก่าแก่ อินเตอร์ มีอุปกรณ์การเรียนการสอนครบครัน มีครู่เก่ง และแน่นอนว่า สถาบันที่ลูกเรียนนั้นจะต้องต่อยอดให้ลูกสามารถเข้าศึกษาต่อสถาบันดัง ๆ ได้ เพราะคุณพ่อคุณแม่นั้นมั่นใจเกินกว่าครึ่งแล้วละค่ะว่า สถาบันเหล่านี้นี่แหละ ที่จะอบรมสั่งสอนลูกของเราให้เป็นคนดี … แต่หารู้ไม่ว่า บุคคลหรือสถาบันที่จะสอนลูกให้เป็นคนดีได้นั้น ไม่มีอะไรที่จะดีแล้วมีประสิทธิภาพได้เทียบเท่า สถาบันครอบครัว และคำสอนของพ่อแม่อีกแล้วละค่ะ
ดังผลงานวิจัยหนึ่ง ที่จะมาเผยคำตอบว่า เพราะอะไร คำสอนของพ่อแม่ ถึงมีค่ามากกว่าสถาบันชื่อดังเหล่านั้น พร้อมแล้วดูเฉลยนี้พร้อม ๆ กันค่ะ
อ่านต่อเนื้อหาเพิ่มเติม >>
เพราะเหตุใด คำสอนของพ่อแม่ ถึงส่งผลมากมายกับชีวิตลูก
งานวิจัยที่ว่านี้ เป็นของ ดร. Aric Sigma ชาวอเมริกัน เขาได้เปิดเผยผลงานวิจัยว่า
“การที่เด็กจะประสบความสำเร็จในการเรียนได้นั้น พ่อแม่มีส่วนสำคัญอย่างมาก และพบว่าเด็กที่พ่อแม่คอยมีส่วนร่วมในการทำการบ้าน ให้กำลังใจ กระตุ้นให้ลูกเห็นความสำคัญของการศึกษา รวมถึงเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับทางโรงเรียนนั้นมักจะเป็นเด็กที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง”
โดยการวิจัยที่ว่านี้ เป็นการสุ่มจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นเด็กประมาณ 10,585 คน จากโรงเรียนมัธยมประมาณพันแห่งในรัฐต่าง ๆ พบว่า ครอบครัวที่มีการจำกัดเวลาการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (ไม่เฉพาะแค่ทีวี ปัจจุบันมีหน้าจอแสดงผลจำนวนมากที่มีความเกี่ยวพันต่อชีวิตประจำวันของเด็ก เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นเกม โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นเกมแบบพกพา แท็บเล็ต ฯลฯ) นั้นมีผลดีต่อสุขภาพของเด็กอย่างเห็นได้ชัด
ดร. Aric Sigma ได้เปิดเผยว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ที่บ้านของเด็กอายุ 10 ปีจะมีเครื่องเล่นต่าง ๆ ที่พร้อมจะดึงดูดความสนใจจากเด็กอย่างน้อย 5 ชิ้น เปรียบได้กับพี่เลี้ยงอิเล็กทรอนิกส์ที่พ่อแม่ส่งมาให้กับลูก เพื่อให้พวกเขาไม่กวน หรือร้องโยเย แต่ยิ่งมีอุปกรณ์เหล่านั้นมากเท่าใด ปัญหาสุขภาพของลูกก็พบได้มากเท่านั้น
“เด็กในปัจจุบันมีความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน เบาหวาน และโรคหลอดเลือดหัวใจมากขึ้น นอกจากนั้น การใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้โดยไม่บันยะบันยังยังส่งผลต่อสุขภาพจิต และทักษะการเข้าสังคมของเด็กด้วย”
อ่านต่อผลการวิจัย คลิก!
นอกจากนี้ยังมีผลงานวิจัยจาก ดร. Toby Parcel จากนอร์ธแคโรไลนา เปิดเผยถึงผลงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าวว่า การมีส่วนร่วมของพ่อแม่ในการเรียนของเด็กก็มีความสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น การตรวจสอบการบ้านของลูกเป็นประจำทุกวัน มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ลูกเรียนในแต่ละวันอย่างสม่ำเสมอ อีกยังเข้าร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนจัดขึ้นกับลูก ๆ ไม่เคยขาด ฯลฯ เพราะการมีส่วนร่วมของพ่อแม่ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น เป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้พ่อแม่ทราบความคืบหน้าในการศึกษาเล่าเรียนของลูกนั่นเอง
ดร.Toby ยังพบอีกว่า เด็กที่ได้เรียนในโรงเรียนที่ดี มีสภาพแวดล้อมดี ๆ แต่พ่อแม่ไม่สนใจนั้น ยังทำคะแนนได้น้อยกว่าเด็กที่เรียนในโรงเรียนธรรมดา แต่พ่อแม่มีส่วนร่วมในการเรียนของลูก
โดยอ้างอิงจากคะแนนของเด็กวัยรุ่นจำนวนหนึ่ง ที่เรียนในโรงเรียนที่อาจจะไม่ได้มีคุณภาพมากเท่ากับโรงเรียนชั้นนำ แต่เด็กกลุ่มนี้มีพ่อแม่ที่สนใจในการเรียนของลูก และพบว่า พวกเขาสามารถทำคะแนนสอบได้สูงกว่าเด็กที่เรียนในโรงเรียนชั้นนำ แต่พ่อแม่ไม่เอาใจใส่ในการเรียนเสียอีก (ผลการศึกษานี้ได้รับการตีพิมพ์ใน The Journal Research and Social Stratification and Mobility)
“โรงเรียนและพ่อแม่ล้วนมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของเด็ก แต่การมีส่วนร่วมของครอบครัวนั้นพบว่าสำคัญกว่า และนำไปสู่การประสบความสำเร็จในการเรียนได้มากกว่า” ดร. Toby กล่าว
นอกจากนี้ คำสอนของพ่อแม่ ยังเป็นตัวช่วยชี้วัดคุณธรรมภายในจิตใจของลูกได้อีกด้วย … เด็กก็เหมือนผ้าขาว ที่รอให้คุณพ่อคุณแม่แต่งแต้มเติมสี ให้ออกมาสวยงาม และผ้าขาวนี้ ก็มีหน้าที่ซึมซับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักธรรมคำสอนของพ่อแม่ เป็นต้น
ขอบคุณที่มา: MGR Online
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
- 9 วิธีสอนลูกเรื่อง ความซื่อสัตย์ ช่วยลูกปลอดภัยจากกิเลส
- แม่ สอนลูกให้รู้จักเอาตัวรอด ให้ได้ก่อนสายเกินไป
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่