เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กเก่ง อาจไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่ง จะเลี้ยงลูกทั้งทีควร “เลี้ยงลูกให้เป็นคนดี ”
ถ้าให้คุณพ่อคุณแม่เลือกระหว่างให้ลูกเป็นคนเก่งประสบความสำเร็จในอนาคต มีหน้าที่การงาน มีตำแหน่งใหญ่โต กับให้ลูกเติบโตขึ้นมาเป็นคนดีของสังคม เป็นคนดีของคุณพ่อคุณแม่ มีงานประจำทำรับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้ … ถ้าเลือกได้คุณพ่อคุณแม่จะเลือกอะไรคะ
บางท่านก็อาจจะบอกว่า ฉันก็ต้องเลือกให้ลูกมีตำแหน่งใหญ่โต มีหน้าที่การงานที่ดี มีหน้ามีตาในสังคมน่ะสิ … ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้นจะต้องเสียเงินให้ลูกเรียนพิเศษมากน้อยเพียงใด ผู้เขียนเคยเห็นนะคะ คุณพ่อคุณแม่บางท่าน ให้ลูกเรียนทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่วันเสาร์อาทิตย์ ยกตัวอย่างเช่น เช้าวันเสาร์ตื่นมาเรียนว่ายน้ำ สายเรียนภาษาอังกฤษ บ่ายเรียนวาดภาพ ตกเย็นอ่านหนังสือทบทวน พอวันอาทิตย์ก็ใช่ว่าจะพัก สายมาเรียนภาษาจีน ตกบ่ายเรียนเลข ตกเย็นอ่านหนังสือทบทวน … ที่พูดมาเนี่ย เรื่องจริงนะคะ แถมเด็กที่เรียนนี่อยู่แค่ชั้นอนุบาลสองเองเสียด้วย … จริงอยู่ที่คุณพ่อคุณแม่หวังดี แต่ในบางครั้งหากมันมากเกินไปจนล้น ก็อาจทำให้เรามองข้ามวัยของลูกไปได้โดยสิ้นเชิง ด้วยความเป็นห่วง ทีมงาน Amarin Baby and Kids อยากจะขอนำเสนอเนื้อหานึงซึ่งแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงลูกหรือ Parent Coach มาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านกันค่ะ
อ่านต่อ >> เนื้อหาเพิ่มเติม คลิก!
วรรณี เตชะรัตนประเสริฐ หรือ ครูแอน ว่าที่นักพัฒนามนุษย์ สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงลูก Parent Coach ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยประสบการณ์ของคุณแม่ที่ผันแปรตัวเองสู่ นักพัฒนาการมนุษย์ โดยครูแอนได้พูดถึงเรื่องของการเลี้ยงดูเด็กว่า
ถ้ามีการวางรากฐานเด็กอายุช่วงระหว่าง 1-9 ขวบ อนาคตปัญหาจะเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะวัยดังกล่าวเป็นช่วงวัยแห่งการเจริญเติบโตของสมองสูงที่สุด ดังนั้น หากมีการวางแผนตั้งแต่เด็กจะทำให้การวางฐานไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง โดยช่วงพัฒนาการที่สำคัญที่สุดของเด็ก ๆ ก็คือ “ช่วงเวลาของวัยเด็ก” นั่นเองค่ะ หากคุณพ่อคุณแม่เริ่มสอนลูกให้ไปในทางที่ถูกตั้งแต่เด็ก ก็จะเป็นการวางรากฐานให้ลูกเดินไปในทางที่ถูกต้อง พอลูกเริ่มก้าวเข้าสู่วัยรุ่น คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลว่า ลูกจะเล่นการพนัน มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัย หรือติดยาเสพติด เป็นต้น ดังนั้น ช่วงอายุของเด็กระหว่าง 1 – 9 ขวบนั้น ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด
นอกจากนี้ ครูแอน ยังได้อธิบายต่ออีกว่า สถานการณ์แข่งขันด้านการศึกษาของเด็กในปัจจุบันที่เกิดจากความคาดหวังของผู้ปกครองจนเด็กมีความเครียดว่า ต้องยอมรับว่าปัญหาคือ พัฒนาการของเด็กเล็กช่วงอายุ 2-6 ขวบ “มีไว้เพื่อวิ่ง ไม่ได้มีไว้เพื่อนิ่ง” เพื่อออกกำลังกายพัฒนามัดกล้ามเนื้อใหญ่และเล็ก โดยหน้าที่ของเด็กที่สำคัญที่สุดคือ “การเล่น” ไม่ใช่หน้าที่ของการเรียนในวัยเด็ก เพราะการเล่นคือการเตรียมความพร้อมที่จะเข้าสู่วัยชั้นประถมศึกษาที่จะต้องนั่งเรียน ทว่าพัฒนาการของเด็กประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญ คือ
1.พัฒนาการด้านร่างกาย
2.พัฒนาการด้านอารมณ์
3.พัฒนาการด้านสังคม
4.พัฒนาการด้านสติปัญญา
ทั้ง 4 ส่วนใหญ่คือการมองพัฒนาการของเด็กจาก 4 ส่วนสำคัญ ซึ่งสังคมสมัยนี้นั้นมุ่งเน้นแต่ความเก่งอย่างเดียว จึงทำให้คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มุ่งไปที่ทักษะทางด้านความรู้ความสามารถเท่านั้น หากเราอัดทุกอย่างไปที่ลูกมากเกินไป ก็ส่งผลให้ลูกเกิดความเครียดได้
อ่านต่อ >> เนื้อหาเพิ่มเติม คลิก!
คุณพ่อคุณแม่คะ สมัยตอนที่เราอยู่ชั้นอนุบาลสามกันนั้น เราเรียนอะไรกันคะ ใช่วาดรูประบายสี ฝึกกล้ามเนื้อมัดมือกันหรือเปล่า … ผิดกับเด็กสมัยนี้ที่ต้องเติบโตมาในยุคของการแข่งขัน ทำให้พวกเขาต้องเริ่มหัดท่องสูตรคูณกันตั้งแต่ชั้นอนุบาลอย่างจริงจัง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ช่วงเริ่มต้นของการเรียนรู้ลูกนั้น ควรอยู่ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มากกว่า
และการที่เด็กถูกอัดมากก่อนวัยอันควรนั้นก็ส่งผลทำให้เครียดมากพอแล้ว ยังต้องมาเจอคุณพ่อคุณแม่ที่สอนการบ้าน และตำหนิอีกว่า ทำไมถึงทำไม่ได้ ทำไมไม่ตั้งใจ แบบนี้เป็นต้น พอคุณพ่อคุณแม่ไม่เข้าใจ รับมือได้ไม่ถูกต้อง ก็ไปนั่งทะเลาะกับลูกเองเสียอย่างนั้น กลายเป็นการทำให้ครอบครัวเกิดความขัดแย้งได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นี่ละค่ะ ที่จะทำให้ลูกของเราเกิดความเครียด
“มีงานวิจัยของต่างประเทศรองรับว่า เมื่อเด็กเกิดความเครียดเรื้อรังจะส่งผลต่อสมองทำให้หดเล็กลงกว่าเด็กปกติ ตรงนี้ความกดดันความหวังกับตัวเด็กจะส่งผลทำให้เกิดความเครียดเรื้อรัง ซึ่งความเครียดเหล่านี้กลับกลายเป็นคุณพ่อคุณแม่เป็นคนมอบให้ แล้วแบบนี้ลูก ๆ ของเราจะไปเอากำลังใจจากที่ไหนกัน” ครูแอนกล่าว
เช่นเดียวกับ การเกิดอาชญากรเด็กค่ะ คุณพ่อคุณแม่คิดว่า ที่เด็กหลาย ๆ คนก้าวไปในทางที่ผิดนั้นเกิดจากอะไร เกิดจากเพราะพวกเขาไม่ได้รับความรู้อย่างนั้นหรือ?
ในความเป็นจริงแล้ว สาเหตุที่เด็กเหล่านี้ ต้องผันตัวเองไปในทางที่ผิดนั้น เป็นเพราะ พวกเขาขาดความรัก ความเข้าใจค่ะ เด็กบางคนเรียนหนักมาก ชีวิตอยู่แต่ในกฎระเบียบ พอโตขึ้นมาก็อยากรู้อยากลอง อะไรที่เป็นข้อบังคับที่วางไว้ พวกเขาก็พร้อมที่จะทำผิดได้ตลอด
ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่อยากเห็นลูกประสบความสำเร็จในชีวิต เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้าละก็ เริ่มเสียตั้งแต่วันนี้เถอะค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บ้านไหนที่มีลูกเล็ก ปลูกฝังให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน ได้เรียนรู้สมตามวัย อย่าไปคาดหวังหรืออัดอะไรต่าง ๆ มากเกินไป เพราะหากวันนึง ลูกรับไม่ได้ขึ้นมา สิ่งที่เรากลัวมากที่สุด ก็อาจจะเกิดขึ้นก็เป็นได้นะคะ
อ้างอิงเนื้อหา: Posttoday
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
- ลูกเรียนไม่เก่ง ได้เกรดน้อย ไม่ได้แปลว่า “โง่”
- ลูกเรียนไม่เก่ง แล้วไง? หมอถามเพราะอยากให้พ่อแม่ทุกคนทบทวน
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่