AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

10 เคล็ดลับ เลี้ยงลูกให้ฉลาดรอบรู้ เก่ง ดี มีสุข ฉลาดทันคน เอาตัวรอดได้

เลี้ยงลูกให้ฉลาดรอบรู้

คุณพ่อคุณแม่ทุกคนต่างก็อยากให้ลูกเติบโตมาเป็นเด็กที่ฉลาด แข็งแรง และมีความสุข  แต่การ เลี้ยงลูกให้ฉลาดรอบรู้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ ครู คนรอบข้าง และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ รวมถึงความสามารถในตัวเด็กเองด้วย

เราอาจจะเคยได้ยินมาว่า ความฉลาดทางสมอง 50% อาจจะมาจากพันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่ฉลาดลูกก็มักจะฉลาด แต่เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อม การกระตุ้น และบุคลิกเฉพาะตัวของเด็กแต่ละคน ก็เป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาความฉลาดให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นเป้าหมายของพ่อแม่แต่ละคน คือมีหลักในการเลี้ยงลูกอย่างถูกต้อง กระตุ้นให้ลูกรู้สึกมีความสามารถและมีความมั่นใจ ก็จะมีส่วนในการช่วยส่งเสริมให้ลูกเป็นเด็กที่ฉลาด เก่ง มากขึ้น มาดูเคล็ดลับที่จะช่วยพัฒนาความฉลาดและให้ลูกใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกันค่ะ

10 เคล็ดลับ เลี้ยงลูกให้ฉลาดรอบรู้ เก่ง ดี มีความสุข เติบโตมาแล้วทันคน

1.สอนลูกให้รู้จักเข้าสังคม

ในขณะที่พ่อแม่มุ่งเน้นสร้างความฉลาดให้ลูกจากการเรียนหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ แต่การเข้าสังคมก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เด็ก ๆ จำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะผูกมิตร สร้างมิตรภาพกับเพื่อน ๆ ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ความสัมพันธ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ลูกมีกิจกรรมและวิธีคิดอื่น ๆ ที่อาจไม่เคยคิดมาก่อน แต่มิตรภาพยังช่วยให้เด็ก ๆ พัฒนาอารมณ์และพัฒนาทักษะทางสังคมที่สำคัญด้วย นอกจากนี้ยังช่วยให้ลูกปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของสังคมได้ เพื่อที่จะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในอนาคต และส่งให้ผลให้เป็นเด็กที่มีบุคลิกภาพดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มารยาทดี มีความอ่อนน้อม ให้ความร่วมมือ และรู้รับผิดชอบอีกด้วย

2.สนับสนุนความอยากรู้

ความสงสัยอยากรู้ในตัวเด็กจัดเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาความฉลาดของลูก เมื่อเด็ก ๆ กลายเป็น “เจ้าหนูจำไม” ชอบสังเกต คิด และถามคำถาม ความสงสัยนี้จะนำไปสู่การเรียนรู้ไม่สิ้นสุด การที่ลูกตั้งคำถาม “ทำไม” “อย่างไร” นั้นเป็นเพราะลูกกำลังเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวและพยายามบันทึกสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นลงไปในสมอง การที่คุณพ่อคุณแม่พยายามตอบคำถาม และชวนช่วยกันหาคำตอบ จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการและความฉลาดของลูกได้อีกทาง เพราะความอยากรู้อยากเห็นของเด็กจะช่วยสร้างความมั่นใจและลดความกลัวจากความไม่รู้ ทำให้พวกเขากล้าที่จะคิดและอยากที่จะเรียนรู้มากขึ้น

3.เปิดโอกาสให้ลูกค้นหาความสามารถของตัวเอง

คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้เจ้าตัวเล็กได้เรียนรู้ ได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ ด้วยตัวเอง เมื่อลูกแสดงให้เห็นถึงความสนใจในสิ่งที่ชอบและอยากทำ ไม่ว่าจะเป็นกีฬา ดนตรี ศิลปะ หรือกิจกรรมอื่น ๆ การเปิดโอกาสให้ลูกค้นหาความสามารถของตัวเองจะช่วยเสริมพัฒนาการและเติมทักษะในหลาย ๆ ด้าน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรปิดกั้นหรือจำกัดพัฒนาการของลูกด้วยคำว่า “อย่า” “ไม่” “ห้าม” หรือบังคับให้ลูกทำอะไรที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะจะทำให้ลูกไม่กล้าที่จะออกจาก comfort zone ไม่พร้อมที่รับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ มีความคิดลังเล ตรงกันข้ามกับเด็กที่มีการตอบสนองจากการที่พ่อแม่สนับสนุน จะมีผลต่อพัฒนาการที่ดีต่อไปในอนาคตได้

4.ฉลาดจากการได้วิ่งเล่นออกกำลังกาย

การได้ออกไปวิ่งเล่น ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ไม่เพียงแต่ทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่ยังช่วยให้เลือดเกิดการหมุนเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดี เมื่อสมองได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ความเร็วในการคิดวิเคราะห์ และกระบวนคิดอย่างมีเหตุผลของลูกจะได้เร็วขึ้น นอกจากนี้การออกไปเล่นหรือออกกำลังกายของเจ้าตัวเล็ก ยังส่งผลดีต่อเด็กเล็กเป็นอย่างมากต่อพัฒนาการด้านอื่น ๆ เช่น ด้านภาษาที่จะช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ที่จะออกเสียงคำใหม่ ๆ ด้านสังคมที่เด็กเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับคนอื่นอีกด้วย

5.ให้ลูกได้เล่น

“การเล่น” ถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของเด็กให้เกิดขึ้นออกมาได้หลายทาง เป็นการปูพื้นฐานทางด้านสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์ และสังคม รวมถึงฉลาดในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ก็มีส่วนช่วยสร้างความฉลาดในการเล่น (PQ) ให้กับลูกเพิ่มขึ้นได้ แค่คุณพ่อคุณแม่เพียงปล่อยให้ลูกได้เล่น และส่งเสริมให้ลูกเล่นอย่างถูกวิธีตามวัย เช่น ฝึกให้ลูกหัดเดิน ฝึกให้ลูกหัดพูด ให้ลูกได้เล่นกับของเล่นเสริมพัฒนาการที่หลากหลาย ทำกิจกรรมหรือศิลปะสร้างสรรค์ เล่นเกม เล่นดนตรี พอลูกเข้าเรียนก็ให้เล่นกับเพื่อน ฯลฯ การให้ลูกได้เล่นนอกจากจะช่วยกระตุ้นความฉลาดรอบรู้แล้ว ยังเป็นการฝึกทักษะด้านต่าง ๆ ฝึกการเรียนรู้ภาคปฏิบัติที่จะทำให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้นด้วย

6.ส่งเสริมให้ลูกได้มีประสบการณ์ที่หลากหลาย

ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนให้ลูกได้ทำในกิจกรรมที่ชอบ งานอดิเรก โดยให้เด็ก ๆ ได้มีโอกาสทดลองทำในสิ่งที่หลากหลาย พวกเขาก็จะได้ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน เด็กที่มีระดับสติปัญญาสูง ต้องการสิ่งใหม่ ๆ ที่จะคอยจูงใจพวกเขาเสมอ การเพิ่มประสบการณ์ชีวิตให้กับลูก จะช่วยให้พวกเขารับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตได้อย่างมั่นอกมั่นใจขึ้น และเป็นการค้นหาความสามารถของตัวเองอันนำไปสู่ความเชี่ยวชาญที่จะสร้างอาชีพได้ในอนาคต

7.อย่าเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่เฮลิคอปเตอร์

พ่อแม่เฮลิคอปเตอร์ หมายถึง การเป็นพ่อแม่ที่ไม่ยอมปล่อยมือออกจากลูก คอยเฝ้ามองสอดส่อง ดูแลลูก และควบคุมทุกการกระทำของลูกตลอดเวลาแบบ “มากเกินไป” ไม่ปล่อยให้ลูกมีอิสระไม่ว่าจะเป็นการเล่น การเรียน การกิน การนอน จนทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีต่อทั้งตัวเด็ก พวกเขาเติบโตขึ้นมาอย่างไม่มีทักษะ ความสามารถ ประสบการณ์ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรือตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตนเองได้ พ่อแม่ที่ปกป้องลูกมากเกินไป ความหวังดี และความห่วงใย กลายเป็นทำร้ายลูกทางอ้อมโดยไม่รู้ตัว ยิ่งในยุคที่ความสำเร็จของลูกเปรียบเสมือนความสำเร็จของพ่อแม่ ยิ่งลูกเก่ง ฉลาดเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ตัวเองมีความสุขและภาคภูมิใจขึ้น แต่อย่าลืมว่า เด็ก ๆ ทุกคนต่างก็เติบโตและมีชีวิตเป็นของตัวเอง แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะรู้สึกเป็นห่วงและอยากปกป้องเจ้าตัวเล็กไปตลอด แต่การปล่อยให้เด็กได้มีอิสระจะทำให้พวกเขามีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ การปล่อยให้ลูกได้สะดุด ล้มเหลว ผิดพลาด จะทำให้พวกเขาเรียนรู้ทั้งความสำเร็จและความผิดพลาดด้วยตนเอง รู้จักที่จะแก้ปัญหา ปรับปรุง และมีความมั่นใจในการรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายอื่น ๆ ได้

(ข้อมูลอ้างอิงจาก : www.kidjarak.com)

8.เป็นพลังบวกให้ลูก

การให้กำลังใจและการแสดงความรักทั้งภาษาพูดและภาษากาย จากคำชื่นชมเมื่อลูกประสบความสำเร็จ คำปลอบใจเมื่อลูกท้อแท้ หรือการโอบกอด หอมแก้ม ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ลูกมีความสุข เมื่อลูกมีความสุขดีก็จะมีแรงจูงใจต่อการที่จะเรียนรู้ การคิดหรือการตอบสนองเชิงบวก จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพสมองของลูกได้ ส่งผลทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทั้งด้านสติปัญญาและอารมณ์

9.ให้เวลากับลูก

การเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กฉลาดเริ่มต้นได้ที่บ้าน ที่สร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการเรียนรู้ของลูก มีอุปกรณ์ที่หาง่าย ๆ รอบบ้าน สร้างสรรค์กิจกรรมภายในครอบครัว ทั้งหมดนี้คือการที่คุณพ่อคุณแม่ได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมไปกับลูกด้วย เมื่อแบ่งเวลาและจัดการได้ดี คุณพ่อคุณแม่สามารถทำสิ่งต่าง ๆ รวมไปกับลูกได้ ก็จะเป็นปัจจัยด้านอารมณ์และสังคมที่ส่งผลตีต่อการเรียนรู้ของลูกได้มากขึ้น เพราะเมื่อเวลาที่เด็ก ๆ มีความสุขนั้น ก็จะตั้งใจและสนใจในสิ่งกำลังทำอยู่ได้ดีขึ้น มีความมุ่งมั่นที่จะเรียน มีความอยากรู้มากขึ้น ตรงกันข้ามกับครอบครัวที่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ร่วมกัน ก็จะมีผลต่อสภาพจิตใจและส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็กได้ ดังนั้น “การให้เวลากับลูก” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรจัดสรรเวลาครอบครัว อันจะช่วยส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการเรียนรู้ของลูกได้นะคะ

10.ไม่เครียด ไม่กดดัน

แน่นอนว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่ต่างก็ต้องการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กฉลาดและมีความสุข แต่เมื่อลูกโตขึ้นก็อาจจะต้องเจอกับภาวะกดดัน ความเครียดจากการเรียน การสอบ ไปจนถึงเรื่องเพื่อน กิจกรรม ฯลฯ ในฐานะพ่อแม่เป้าหมายก็คือการช่วยสนับสนุนความสามารถและความมั่นใจ ช่วยพัฒนาจุดแข็งของลูก มากกว่าที่จะสร้างความกดดันใด ๆ รวมถึงตัวคุณพ่อคุณแม่เองที่จะต้องไม่เครียด ไม่คาดหวัง จนเกิดอารมณ์โมโห ดุด่า ว่ากล่าวลูก ลงโทษลูกอย่างรุนแรง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อตัวลูก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญในเรื่องความพยายามที่จะการเรียนรู้ของลูกไม่ว่าจะเป็นการเรียน ความสนใจต่อสิ่งที่ชอบดนตรี กีฬา ภาษา ศิลปะ ฯลฯ มากกว่าที่จะจดจ่อกับผลลัพธ์หรือการแข่งขัน เท่านี้ก็จะส่งผลตีต่อการเรียนรู้ของลูกได้มากขึ้น

การเลี้ยงลูกให้เติบโตมาเป็นเด็กฉลาด เป็นเรื่องที่พ่อแม่มีส่วนช่วยส่งเสริมและพัฒนาให้ลูกได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเคล็ดลับความฉลาดที่สร้างให้ลูกได้นั้น ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่เรื่องการเรียนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ช่วยทำให้พัฒนาความสามารถให้ลูกได้เติบโตขึ้นมาอย่างชาญฉลาด ทันคน เอาตัวรอดได้ ทำให้พ่อแม่หายห่วงด้วยนะคะ

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :

www.popsugar.comwww.bbc.com

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ :

3 เคล็ดลับ “เลี้ยงลูกให้พัฒนาการดี” ฉบับแม่มือโปร!!

เลี้ยงลูกอย่างไร? ให้ลูกมี พัฒนาการด้านอารมณ์ ที่ดี

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids