คุณแม่เตรียมรับมือกับการปลุกเจ้าตัวเล็กไปโรงเรียนหรือยังคะ เพราะการหยุดต่อเนื่องที่ยาวนาน ทำให้ลูกนอนตื่นสายเสียจนเคยชิน คุณแม่หลายบ้านถึงกับต้องปวดหัวคิดหาสารพัดวิธีในการงัดเจ้าตัวเล็กให้ลุกออกจากเตียง เรียกได้ว่าเป็นสงครามย่อมๆ ในตอนเช้าเลยก็ว่าได้
ปรับเปลี่ยนวิธีการปลุกแบบใหม่ รับรองได้ว่า สบายใจทั้งคุณแม่ เจ้าตัวเล็กก็ไม่งอแงอีกด้วย ไปดูกันเลยกับวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้ลูกตื่นนอนแต่เช้าอย่างมีความสุข 8 ข้อ ดังนี้
- ให้เริ่มตั้งแต่ตอนกลางคืนเมื่อเข้านอน ให้ลูกเข้านอนในเวลาที่ใกล้เคียงกันทุกคืน ลูกคุณจะตื่นนอนได้ง่ายขึ้นหากพวกเขาได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ การทำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้กิจวัตรการตื่นนอนตอนเช้าทำได้ง่ายขึ้น แต่ลูกยังจะรู้สึกนอนเต็มอิ่มอีกด้วย นอกจากนี้ การได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ จะทำให้สมองของเขาปลอดโปร่งและคิดเรื่องต่าง ๆ ได้ดี มีพลังในการเรียนและสามารถมีสมาธิกับสิ่งที่เขาทำ การที่คุณให้ลูกนอนดึกขึ้นคืนวันศุกร์-เสาร์จะทำให้ลูกตื่นสายขึ้น และจะกลายเป็นวงจรให้ลูกตื่นสายอีกวันไปโรงเรียน
1.ใช้เสียงกระซิบและอ้อมกอดของพ่อแม่แทนนาฬิกาปลุก
คุณพ่อคุณแม่เป็นนาฬิกาปลุกที่ดีที่สุดของลูก หากเช้ามาลูกๆ ได้ยินเสียงกระซิบปลุกและอ้อมกอดของคุณพ่อคุณแม่แล้ว ก็จะช่วยให้ลูกตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุขสดใส และช่วยให้ลูกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยตลอดทั้งวัน การปลุกลูกด้วยเสียงที่อ่อนโยนดีกว่าเสียงตวาดดังลั่นที่อาจปลุกให้ทุกคนตื่นด้วยความตกใจกลัวและทำให้คนที่ต้องตื่นมาเพราะเสียงที่น่ากลัวนั้นรู้สึกหงุดหงิด ไม่พอใจและอารมณ์เสีย ซึ่งจะทำให้การเริ่มต้นชีวิตในวันนั้นหมดสนุกและพาลจะมีแต่สิ่งแย่ๆ ไปทั้งวัน
2.ใช้น้ำเย็นเข้าลูบ
ถ้าเรียกเจ้าตัวเล็กให้ตื่นแล้วเขายังอิดออด ใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กชุบน้ำบิดหมาด เช็ดที่แขนขาของเจ้าตัวเล็กทีละข้าง ไม่ควรเริ่มด้วยการเช็ดที่ใบหน้าก่อน เพราะเจ้าตัวเล็กยังไม่ได้ตั้งตัว จึงอาจโวยวายมากกว่าตื่นอย่างสดชื่น
3.เปิดเพลงให้ฟัง
ถ้าเพลงที่มีทำนองเบาๆ ช้าๆ สามารถทำให้เจ้าตัวเล็กหลับใหลไปในยามราตรีได้ เพลงที่มีทำนองสนุกสนาน ก็สามารถปลุกให้เจ้าตัวเล็กขึ้นมาเต้นตามเสียงเพลงได้เหมือนกัน แต่แรกๆ อาจต้องอาศัยความดีเดือดของคุณ ชวนเขาลุกขึ้นมาออกกำลังกายตอนเช้ากันค่ะ หรือถ้าคุณพ่อคุณแม่มีความสามารถ ในการเล่าเรื่องตลกอาจแต่งเพลงกวนๆ ขึ้นมาปลุกให้เขาขำก็ได้
อ่านต่อ >> “วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้ลูกตื่นนอนแต่เช้าไปโรงเรียนอย่างมีความสุข” ข้อ5-8 คลิกหน้า 2
4.บอกเล่าเรื่องราวดีๆ ให้ลูกฟัง
ในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ปลุกลูกให้ตื่นในตอนเช้าด้วยถ้อยคำและการกระทำที่นุ่มนวล เช่น การใช้มือลูบเบาๆ ที่หัวหรือหลังของลูก คุณพ่อคุณแม่อาจเตรียมเรื่องราวดีๆ ไว้เล่าให้ลูกฟังตอนตื่นนอนด้วยก็จะเป็นการดีมาก เช่น เล่าความฝันที่ดีๆของคุณพ่อคุณแม่ เล่าเรื่องความสนุกสนานในวัยเด็กให้ลูกฟังเล่าถึงกิจกรรมที่วางแผนจะทำร่วมกันในวันนี้หรือเล่าว่าวันนี้จะเตรียมอาหารอะไรไว้ให้ลูกรับประทานหลังกลับมาจากโรงเรียนบ้าง อย่าลืมว่าเวลาที่คุณพ่อคุณแม่พูดกับลูก ต้องใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวล อบอุ่น สบายๆ อย่าใช้เสียงดังเพื่อให้ลูกสนใจ เพราะแทนที่เขาจะตื่นเพื่อมารอฟังเราเล่าเรื่องดีๆ ให้ฟัง คงอยากจะนอนไม่ตื่นเสียมากกว่า
5.วางแผนอาหารเช้าแสนอร่อย
ถ้าเจ้าตัวเล็กของคุณเป็นนักหม่ำด้วย กลิ่นของอาหารเช้าอาจปลุกให้เขาตื่นได้ไม่ยาก คุณอาจยกจานอาหารเช้าขึ้นมาให้เจ้าตัวเล็กมองดูกลิ่นของอาหารจะช่วยให้เจ้าตัวเล็กตื่นได้ แต่ถ้าเขาเป็นเด็กเฉยๆ กับเรื่องอาหาร ก่อนเช้าวันนั้น คุณอาจกระตุ้นด้วยการถามว่า เขาอยากหม่ำอะไรเป็นอาหารเช้าพรุ่งนี้หรือ คุณอาจคิดรายการพิเศษที่เจ้าตัวเล็กชอบขึ้นมา โดยเล่าให้เขาฟัง หรือช่วยกันจินตนาการว่า จะใส่อะไรเป็นอาหารเช้าดี เช่น จากที่เคยหม่ำโจ๊กอาจเปลี่ยนเป็น ไข่ดาว ไส้กรอก มั่นฝรั่งทอดกรอบหรือขนมปังกรอบทาแยม ราดครีมสด และโรยผงโกโก้ด้วยก็ได้ ฯลฯ
6.ให้ลูกเตรียมชุดและเครื่องใช้ต่างๆในการไปโรงเรียนก่อนนอน
การให้ลูกจัดเตรียมชุดนักเรียน ชุดชั้นใน ถุงเท้า รองเท้า โบว์ผูกผม และจัดกระเป๋าเรียนก่อนนอนเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันทำให้เด็กๆ รู้สึกว่าตนเองสามารถทำอะไรด้วยตนเองได้เหมือนเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง และเขาจะรู้สึกสนุก ตื่นเต้น ที่จะรอให้เวลาเช้ามาถึงเร็วๆเพื่อว่าจะได้สวมใส่ชุดที่จัดเตรียมไว้ด้วยตนเอง นอกจากความดีที่กล่าวมาแล้วนั้น การให้ลูกได้ทำเช่นนี้ เป็นการสอนให้ลูกรู้จักการช่วยเหลือดูแลตนเอง ฝึกความรับผิดชอบและรู้จักการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน และยังเป็นการสอนลูกไปในตัวว่าหากเขาได้จัดเตรียมทุกอย่างพร้อมล่วงหน้า ตื่นเช้ามาเขาจะได้ไม่ต้องลำบากและเหน็ดเหนื่อยวันใหม่ของเขาก็จะเริ่มต้นด้วยความราบรื่น
7.จัดตารางเวลาการนอนอย่างมีประสิทธิภาพ
กว่าเด็กๆ สมัยนี้จะเข้านอนได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเขามีสิ่งต่างๆ ที่ต้องทำมากมาย ทั้งทำการบ้าน ทำงานที่ต้องส่งครู หนังสือก็ต้องอ่าน แบบฝึกหัดก็ต้องทำ กว่าลูกจะได้เข้านอนก็ดึกมากทีเดียว ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรจัดตารางเวลาสำหรับกิจกรรมต่างๆ อย่างเหมาะสมและเป็นระบบ โดยมีกำหนดไว้อย่างแน่นอนว่าลูกต้องเข้านอนกี่โมงและต้องทำอย่างเคร่งครัด ที่ต้องเคร่งครัดเพราะว่าการนอนเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเด็กๆ การนอนดึกอาจทำให้ลูกพักผ่อนไม่เพียงพอ และการนอนดึกทำให้ลูกตื่นสาย เวลาเช้าก็จะเต็มไปด้วยความเร่งรีบ หงุดหงิดและอารมณ์เสีย และทำให้การเรียนรู้ของลูกไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ดังนั้นการจัดตารางเวลาการนอนที่เหมาะสม จะทำให้ลูกตื่นนอนตอนเช้าด้วยความสบาย รู้สึกผ่อนคลายและไม่เครียด
Tip: วิธีที่ไม่ควรใช้ในการปลุกลูก
– ตะโกนด้วยความโมโห
– ปลุกไปด้วย บ่นไปด้วย
– ดึงหรือกระชากผ้าห่มออกจากตัวแรงๆ
– ทำให้ตกใจตื่นด้วยการตี หรือทำเสียงดังๆ
วิธีเหล่านี้จะส่งผลต่ออารมณ์ การเติบโต และพัฒนาการของลูก ทำให้เป็นเด็กก้าวร้าว ขี้หงุดหงิด เครียดง่าย และไม่มีสมาธิในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การเริ่มต้นเวลาเช้าที่ดี จะทำให้วันทั้งวันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่สบาย ราบรื่นและประสบความสำเร็จ หากคุณพ่อคุณแม่อยากเห็นลูกสดใสไปทั้งวัน มาสร้างให้เวลาเช้าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขกันดีกว่า
นอกจากวิธีปลุกเจ้าตัวเล็กดังกล่าวข้างต้นแล้ว คุณพ่อ คุณแม่อาจมีวิธีปลุกเขาด้วยเทคนิคเฉพาะอื่นๆ หรืออาจนำหลายๆ วิธีมาผลัดกันใช้ก็ได้ค่ะ
เราจึงนำคลิปวีดีโอสุดน่ารักของคุณแม่มิซาเอะ แม่ของเจ้าหนูจากการ์ตูนชินจังจอมแก่นนั่นเอง ซึ่งกว่าจะขุดชินจังไปโรงเรียนให้ทันรถโรงเรียนได้คุณแม่ก็แทบหายใจไม่ทัน…แต่ก็ต้องยกนิ้วให้จริงๆ จะน่ารักขนาดไหนไปชมกันเลยค่ะ
มิซาเอะ คือสุดยอดคุณแม่——————————-ไลค์เพจ เฟี้ยวเงาะ ด้วยน้า
โพสต์โดย เฟี้ยวเงาะ บน 23 พฤษภาคม 2016
ขอบคุณข้อมูลจาก : parenting.allwomenstalk.com
ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : www.facebook.com/Feaw.Ngor