AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ระบบการศึกษา ทำเด็กไทยยิ่งโตยิ่งโง่ จริงหรือ?

เครดิต: Science

แค่อ่านหัวข้อก็ทำเอาคนเป็นพ่อแม่สะดุ้งโหยง! จริงหรือไม่ที่ ระบบการศึกษาไทย ทำเด็กไทยยิ่งเรียนยิ่งโง่

 

 

งานนี้ทำเอาหัวอกคนเป็นพ่อแม่อกสั่นขวัญหาย เมื่อผลวิจัยเปิดเผยว่า เด็กไทย 1 ใน 4 สมองทึบตกเกณฑ์มาตรฐาน แจงเพิ่มเติม ยิ่งเรียนยิ่งโง่ เหตุมาจากปัจจัยสิ่งแวดล้อม อาหาร และหลักสูตรการศึกษา

ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโสกล่าวว่า การพัฒนาประเทศไม่ควรใช้จีดีพีเป็นเป้าหมายสูงสุดในการพัฒนาประเทศ แต่ควรตั้งเป้าหมายไปที่การมีสุขภาพดี เพราะสุขภาพหมายถึงทุกอย่างทั้งกายและใจ ซึ่งประเทศไทยมีทรัพยากรเพียงพอที่จะทำให้ประชาชนมีสุขภาพดีได้ แต่ต้องทำให้เกิดการพัฒนาอย่างสมดุล หากนำข้อมูลมาคิดและปฏิบัติ และวิเคราะห์ ก็จะเกิดเป็นความรู้

“การพัฒนาระบบสุขภาพควรเริ่มจากชุมชน คือไม่ทิ้งกัน ควรมีการสำรวจประชากร เช่น คนจน พิการ คนชรา ว่าถูกทอดทิ้งหรือไม่ เท่าไร เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการช่วยเหลือ ขณะที่ภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ต้องทำงานเชิงรุก อย่างบางจังหวัดมีพยาบาลเยอะ ก็ควรมีระบบส่งเสริมให้พยาบาลไปเป็นอาสาพยาบาลในชุมชน โดยอาจเพิ่มแรงจูงใจ ซึ่งหากมีการดำเนินการมากขึ้นก็อาจจะจัดตั้งเป็นคลินิกพยาบาลเวชปฏิบัติ ขายไปตามศูนย์อนามัยต่างๆ ได้อีกทาง” ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ กล่าว

อ่านเนื้อหาเพิ่มเติม คลิก!

 

อ่านต่อผลสำรวจ ระบบการศึกษาไทย ทำให้เด็กไทยแย่ลงจริงหรือ?

นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์นายแพทย์วิชัย เอกพลากร กล่าวถึงงานวิจัยเรื่องการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย เช่น ตรวจสุขภาพ ตรวจเลือด วัดความสูง น้ำหนัก พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 1-14 ปีนั้น มีจำนวน 9,000 คน ในเรื่องการพัฒนาการทางสมอง ข้อมูลเบื้องต้นถือว่าน่าตกใจ เพราะมีเด็กที่มีเชาวน์ปัญญา(IQ) ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยมาตรฐาน คือ 90 จุดลงมา มีถึง 1 ใน 4 หรือประมาณร้อยละ 25 ส่วนเด็กไอคิวปกติ 90-109 อยู่ที่ร้อยละ 40 และไอคิวเกินมาตฐานแบ่งเป็น สมองดีร้อยละ 12 ฉลาดละ 3 และอัจฉริยะร้อยละ 2 ซึ่งเกณฑ์ของไอคิวที่ต่ำกว่ามาตรฐานไม่ควรมีเกินจำนวน 1 ใน 4

“ผลจากการสำรวจเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่า พัฒนาการของเด็กลดลงเมื่อเริ่มเข้าโรงเรียน แสดงให้เห็นว่าสิ่งแวดล้อม การศึกษา อาหาร มีส่วนประกอบทำให้เด็กไอคิวแย่ลง ซึ่งควรนำข้อมูลดังกล่าวไปสู่การวางแผนปรับแก้การกระตุ้นพัฒนาการของเด็กตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งที่ผ่านมาจากการสำรวจหลายครั้งก็ยังได้ผลใกล้เคียงกับตัวเลขดังกล่าว ทั้งนี้โอกาสที่จะพัฒนาเด็กให้มีไอคิวดีขึ้นสามารถทำได้ด้วยการเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม อาหาร หลักสูตรการศึกษา อาจจะสามารถแก้ปัญหาได้ รศ.นพ.วิชัย กล่าว

คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลใจไปนะคะ เพราะอย่างน้อยผลวิจัยนี้ก็สามารถทำให้เรารู้เท่าทันและหาวิธีแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ซึ่งการแก้ไขนั้นก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการเพิ่มไอคิวให้กับลูก ซึ่งพวกเราทุกคนสามารถสร้างได้ตั้งแต่พวกเขายังอายุน้อย มิใช่แค่นั้นนะคะ จริง ๆ แล้วสามารถเสริมสร้างได้ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในครรภ์ของคุณแม่เลยด้วยซ้ำไปค่ะ

อ่านต่อวิธีการเพิ่มไอคิวให้กับลูก คลิก! 


เครดิต: MGR Online

 

ไอคิวลูกเพิ่มได้ตั้งแต่อยู่ในท้อง

คุณแม่สามารถเพิ่มไอคิวให้ลูกน้อยนับตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 8 สัปดาห์ หรือ 2 เดือน เพราะเป็นช่วงที่เกิดเนื้อสมอง และเส้นใยประสาทเพื่อทำหน้าที่ให้ลูกน้อย สมองของลูกจะมีพัฒนาการอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วง 8 สัปดาห์ตั้งแต่อยู่ในท้อง ไปจนถึง 2 ขวบ หลังจากนั้นพัฒนาการของสมองก็จะลดลง ฉะนั้นช่วงเวลาดังกล่าวนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นนาทีทองของคุณพ่อ คุณแม่ที่ต้องรีบเพิ่มไอคิวให้ลูกของเราเลยละค่ะ และนี่คือวิธีเพิ่มไอคิวให้กับลูกของเรากันค่ะ

  1. ลูบหน้าท้องบ่อย ๆ การกระทำดังกล่าวนี้จะช่วยกระตุ้นสมองส่วนรับรู้และระบบประสาทของให้ลูกให้มีพัฒนาการดีขึ้น วิธีการก็ไม่ยากค่ะ คุณแม่สามารถทำได้โดยการลูบท้องเป็นวงกลม จะลูบจากทางไหนก่อนก็ได้นะคะ
  2. ส่องไฟที่หน้าท้อง การส่องไฟจะช่วยกระตุ้นสมองและเซลล์ประสาทการรับภาพให้พัฒนาดีขึ้น
  3. อ่านหนังสือและเล่านิทาน อย่าคิดว่าการอ่านหนังสือให้ลูกในท้องฟังจะไม่มีประโยชน์นะคะ เพราะแท้จริงแล้วมันมีประโยชน์กับลูกของเรามาก ๆ เลยละค่ะ เพราะการอ่านหนังสือนั้นจะช่วยให้ลูกได้ยินเสียงและน้ำเสียงต่ำ-สูงของคุณแม่ได้อย่างชัดเจน
  4. นั่งสมาธิ เชื่อหรือไม่คะว่า การที่คุณแม่นั่งสมาธิเพียงแค่ 10 นาทีนั้น จะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขออกมา และสารนี้ก็จะส่งผลให้ลูกเป็นเด็กเลี้ยงง่ายและก็อารมณ์ดีด้วยค่ะ
  5. ฟังเพลงที่คุณแม่ชื่นชอบ เสียงดนตรีจะช่วยให้เด็กที่คลอดออกมานั้น มีพัฒนาการทางด้านร่างกายและสติปัญญาสูงกว่าเด็กทั่วไป อารมณ์ดี แจ่มใสและเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณแม่กับลูกด้วย

ลูกคลอดแล้วก็เพิ่มไอคิวได้ อยากรู้ คลิก!

 

 

เสริมสร้างไอคิวลูกน้อยด้วยกลุ่มอาหาร 7 ชนิด 

  1. ธัญพืช ที่อุดมไปด้วยกลุ่มวิตามินบี ซึ่งช่วยพัฒนาเรื่องความจำ และกรดโฟลิคที่จำเป็นต่อการพัฒนาระบบประสาทของเซลล์
  2. ผัก แหล่งรวมวิตามินซึ่งช่วยเรื่องกระบวนการคิดการเรียนรู้
  3. ผลไม้ เช่น สตอเบอร์รี่ ถ้าทานเป็นประจำจะช่วยบำรุงสมอง
  4. น้ำมัน ควรใช้น้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งมีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างเยื่อไมอีลิน
  5. นม มีสารอาหารซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาเยื่อประสาท
  6. เนื้อสัตว์ มีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่ช่วยปกป้องเซลล์สมองในเวลาที่เกิดความเครียด
  7. ถั่ว ซึ่งเป็นแหล่งรวมแร่ธาตุนานาชนิดทั้งแมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมอง ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท

เรียกได้ว่า หากลูก ๆ ได้รับประทานอาหารเหล่านี้ รวมไปถึงการรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่แล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องกังวลใจอะไรไปค่ะ และมั่นใจได้เลยว่า ลูกของเราเป็นเด็กฉลาด จิตใจงาม ไอคิวดีไม่แพ้เด็กชาติไหน ๆ ในโลกแล้วละค่ะ

เครดิต: วิชาการ

เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids