อัจฉริยะ หรือมีปัญหาการเรียนรู้ บ่งบอกด้วย 10 สัญญาณ - Amarin Baby & Kids
อัจฉริยะ

อัจฉริยะ หรือมีปัญหาการเรียนรู้ บ่งบอกด้วย 10 สัญญาณ

event
อัจฉริยะ
อัจฉริยะ

สาเหตุของปัญหาด้านการเรียนรู้

1.พันธุกรรม

ได้มีนักวิจัยกลุ่มหนึ่งสังเกตเห็นว่า ปัญหาทางการเรียนรู้นั้นถ่ายทอดต่อกันมาในครอบครัว และพวกเขาคิดว่า พันธุกรรมน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่ง อย่างไรก็ตามยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า อาจจะไม่ใช่พันธุกรรมที่เป็นตัวถ่ายทอดลักษณะมาในเด็ก แต่อาจเป็นที่ลักษณะการเลี้ยงดูที่เหมือน ๆ กันจากรุ่นสู่รุ่นก็เป็นได้

2.พัฒนาการทางสมอง

นักวิจัยบางคนเชื่อว่าปัญหานี้เกิดจากขั้นตอนการพัฒนาของสมองทั้งก่อนและหลังการคลอด ตัวอย่างเช่น น้ำหนักตัวของเด็กที่น้อยเกินไป ขาดออกซิเจนระหว่างคลอด หรือสภาพแวดล้อมระหว่างตั้งครรภ์ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อปัญหาการเรียนรู้ให้กับเด็ก เด็กเล็ก ๆ บางคนที่ได้รับอุบัติเหตุบริเวณศีรษะ หรือส่วนที่ส่งผลกระทบสู่สมอง อาจจะมีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาทางการเรียนรู้ได้

3.ผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม

ทารกหรือเด็กเล็กเป็นวัยที่อ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อม และไวต่อสารพิษหรือมลพิษเป็นอย่างมาก เช่น เรามักจะได้ยินมาว่าตะกั่ว (มักพบได้ในบ้านหลังเก่าๆ หรือในสีบางชนิด) อาจส่งผลกระทบต่อสมองได้ สภาพโภชนาการในการเลี้ยงดูเด็กจึงมีผลสำคัญในการเจริญเติบโต

อัจฉริยะ
นักวิจัยบางคนเชื่อว่าปัญหานี้เกิดจากขั้นตอนการพัฒนาของสมองทั้งก่อนและหลังการคลอด

ปัญหาด้านการเรียนรู้ ควบคุมได้

1.หาให้เจอว่าลูกถนัดเรียนแบบไหน เนื่องจากเด็กแต่ละคนมีความถนัดที่แตกต่างกัน การเรียนก็เช่นกันค่ะ ทุกคนจะมีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ เด็กบางคนชอบที่จะเรียนจากภาพ เด็กจะเข้าใจได้ดีขึ้นเมื่ออธิบายเป็นกราฟหรือแผนภูมิ จากการอ่าน หากเด็กถนัดเรียนจากการฟัง เด็กจะทำได้ดีกับการเรียนในห้องเรียน และมีแนวโน้มจะชอบฟังเพลงหรือเล่นละคร หรือเด็กบางคนจะถนัดเรียนแบบปฏิบัติ พวกเขาจะทำได้ดีในการสร้างสรรค์ผลงาน หรือทำอะไรที่ได้ค้นหา

2.สอนให้ลูกรู้จักภูมิใจในตัวเอง โดยให้ลูกรู้ว่าสิ่งที่ลูกชอบและถนัดคืออะไร และส่งเสริมเขาในจุดนั้น ให้กำลังใจลูกเมื่อต้องพูดถึงทักษะที่ตัวเองมีปัญหา

3.สอนให้ลูกรู้จักขอความช่วยเหลือ และรู้จักช่วยเหลือคนอื่นเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

4.สอนให้รู้จักควบคุมตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอารมณ์ สอนให้ลูกได้รู้จักกับอารมณ์ในรูปแบบต่าง ๆ และทำความเข้าใจกับมัน เพื่อที่จะได้รู้ว่าตอนนี้พวกเขากำลังรู้สึกอย่างไรอยู่ และถ้าหากลูกรู้ว่าเครียด ก็แนะนำให้หากิจกรรมที่จะมาช่วยลดความเครียดให้ลดลงได้ เป็นต้น

5.ดูแลสุขภาพให้ดี แน่นอนว่าสุขภาพที่ดีจะนำมาสู่สุขภาพจิตที่ดี และจะทำให้เด็กมีสมาธิในการเรียนมากขึ้น ง่ายๆ แค่ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนเพียงพอ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วละค่ะ

ขอบคุณที่มา: SUMREJ.COMMomjunction และ Taamkru

อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ คลิก!!

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up