ตะลึงกันไป เมื่อจู่ ๆ ลูกชอบพูดคำหยาบ ขึ้นมา! ทำเอางานนี้คนเป็นพ่อเป็นแม่ถึงกับตั้งคำถาม ไปเอาคำเหล่านี้มาจากไหน !?
เมื่อเด็กน้อยที่แสนจะเรียบร้อย กลายเป็นเด็กที่ชอบพูดคำหยาบพร้อมแสดงท่าทางก้าวร้าวขึ้นมา แน่นอนละค่ะ งานนี้ทั้งคุณพ่อคุณแม่ต้องมีหงายท้องกันบ้าง พร้อมกับตั้งคำถามว่า ลูกของเรานั้นไปเลียนแบบคำพูดนี้มาจากไหน! และเชื่อเถอะค่ะว่า ต้องมีการถกเถียงเอามาเป็นอารมณ์ระหว่างคุณพ่อคุณแม่เองอีกแน่นอน … ทำไมน่ะเหรอคะ? นั่นก็เป็นเพราะว่า ต่างฝ่ายจะต้องต่างหาที่มาของคำพูดเหล่านั้น พร้อมกับโทษกันเองว่า เป็นเพราะคุณ! ลูกถึงเป็นแบบนี้!
เราทุกคนคงไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นภายในครอบครัวกันหรอกใช่ไหมละคะ ดังนั้น วันนี้เราก็ได้เตรียมคู่มือสยบลูกชอบพูดคำหยาบมาฝากกัน แต่ก่อนที่จะไปดูนั้น เรามาหาสาเหตุของคำพูดเหล่านี้กันก่อนดีกว่านะคะ
ลูกเรียนรู้คำหยาบมาจากไหน?
-
ที่บ้าน ข้อนี้ถือเป็นข้อแรกเลยที่เราควรนึกถึงด้วยการสำรวจตัวเราเองหรือสมาชิกในครอบครัวว่า มีใครชอบพูดคำหยาบไม่สุภาพต่อหน้าเด็กบ้างหรือไม่ ถ้ามีละก็ทุกครั้งที่เผลอทำ ควรที่จะกล่าวขอโทษด้วยทุกครั้ง พร้อมสอนให้ลูกได้รู้ว่า คำที่พูดออกไปนั้นไม่ดี ไม่เหมาะสม และไม่ควรพูด
-
ที่โรงเรียน อาจจะลองถามลูกว่า มีเพื่อนคนไหนชอบพูดจาไม่เพราะ หรือชอบพูดคำเหล่านี้บ่อย ๆ บ้างหรือไม่ โดยน้ำเสียงที่คุณพ่อคุณแม่ถามลูกนั้น ควรเป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวล ชักชวนลูกคุยในแนวสบาย ๆ มากกว่าการเรียกถามด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน มิเช่นนั้น ลูกก็จะเกิดความรู้สึกกลัว แล้วก็ไม่กล้าที่จะบอกความจริงกับเราได้
-
ทีวี หรือสื่อโซเชียลต่าง ๆ หากเป็นเช่นนั้น คุณพ่อคุณแม่จะต้องพิจารณาแล้วละค่ะว่า ยังสมควรให้ลูกดูรายการเหล่านั้นต่อไปหรือไม่ เพราะเด็ก ๆ เขาไม่รู้หรอกค่ะว่า คำพูดที่มีอยู่ในละคร สื่อโฆษณาต่าง ๆ นั้นเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี เพราะไม่มีใครแนะนำ พวกเขาก็จะลอกคำพูดหรือพฤติกรรมเหล่านั้นมาแสดงออกกับคนอื่น ๆ
เมื่อรู้ที่มาของคำหยาบนั้นแล้ว ต้องทำอย่างไรต่อไป คลิก!
คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่คะว่า เด็ก ๆ เริ่มจดจำและพูดคำหยาบเมื่ออายุได้ประมาณ 4 ขวบ พวกเขามักจะจดจำคำต่าง ๆ ที่เขาได้ยินบ่อย ๆ และเริ่มทดลองใช้คำเหล่านั้น ในความคิดของเด็ก ๆ พวกเขาไม่รู้หรอกค่ะว่าคำที่เขาพูดมานั้นสุภาพหรือไม่ และมีความหมายว่าอย่างไร แต่แน่นอนว่า ภายหลังที่พูดออกไปแล้วพวกเขาก็คอยสังเกตอาการตอบสนองของพวกเรา
วิธีการตอบสนองเวลาที่ ลูกชอบพูดคำหยาบ ได้ดีที่สุดก็คือ
-
การไม่ตอบสนองหรือแสดงท่าทีต่อการที่เขาพูดคำหยาบเหล่านั้น นั่นเอง เพราะถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ไปหัวเราะเยาะชอบใจ ลูก ๆ ก็จะคิดว่าคำที่เขาพูดออกมานั้นดี ดังนั้น ได้ยินแล้วเงียบเฉยเอาไว้ก่อนค่ะ
-
ห้ามแสดงท่าทีโกรธลูกเด็กขาด โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ
-
อธิบายถึงความหมายของคำ ๆ นั้น ด้วยคำพูดที่เข้าใจง่าย ๆ ว่า โดยอธิบายให้เหมาะสมกับช่วงอายุของเด็ก ยกตัวอย่างเช่น
-
ในเด็กเล็ก ๆ ใช้คำพูดที่นุ่มนวลและน้ำเสียงที่อ่อนโยน อย่ามีท่าทีโกรธ พร้อมทั้งอธิบายให้ลูกได้เข้าใจถึงเหตุผล เพื่อที่ลูกจะได้ไม่เอาคำเหล่านี้ไปถามกับคนอื่น ๆ
-
กรณีที่ลูกเป็นวัยก่อนเข้าสู่วัยรุ่นหรือวัยรุ่นแล้ว ก็ควรที่จะทำข้อตกลงว่า คำพูดเหล่านั้น ควรเป็นคำพูดที่ใช้ในเฉพาะกลุ่มเพื่อนของลูกมากกว่านำมาใช้ในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่มีอายุมากกว่า เพราะแน่นอนว่า เราไม่สามารถห้ามเด็กวัยนี้ไม่ให้พูดได้หรอกค่ะ แต่เราควรที่จะแนะนำว่า คำพูดเหล่านั้นควรไปใช้กับใคร
-
ทำอย่างไร หากอธิบายไปแล้วลูกไม่ฟัง คลิก!
ทำอย่างไร หากอธิบายไปแล้วลูกไม่ฟัง?
กรณีที่คุณพ่อคุณแม่อธิบายไปแล้วลูกก็ยังคงชอบพูดคำหยาบอีก คุณพ่อคุณแม่ก็ควรสร้างกติกาหรือข้อตกลงไว้กับลูกเลยค่ะว่า หากลูกยังเผลอใช้คำพูดเหล่านี้อยู่ละก็ ลูกจะต้องได้รับโทษด้วยการ โดนหักเงินค่าขนม อดดูรายการโปรด หรืออดไปยังสถานที่ ๆ พวกเขาอยากไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ว่า แต่ละบ้านนั้นต้องการจะกำหนดอะไร
อย่างไรก็ดี การกำหนดกฎกติกานั้น จะต้องขึ้นอยู่กับตัวของเด็กด้วยนะคะ โดยคุณพ่อคุณแม่อาจจะทำการเตือนเอาไว้ก่อน เมื่อลูกทำผิดในครั้งแรก หากมีครั้งต่อไป เราก็ค่อยลงโทษเขาตามมาตรการที่ตกลงไว้ก็ได้ค่ะ โดยค่อย ๆ เริ่มการลงโทษจากน้อยไปหามาก
แต่คุณพ่อคุณแม่ก็จะต้องไม่ลืมด้วยนะคะว่า เด็ก ๆ นั้นบางครั้งก็พูดไปด้วยความสนุกปาก หรือพูดเพื่อต้องการให้คนอื่นมองว่าเขาเป็นผู้ใหญ่และมีอำนาจ หรืออาจจะพูดตามผู้ใหญ่ที่พวกเขาใกล้ชิด พูดด้วยความโมโห หรืออาจจะมีปัญหากับเพื่อนที่โรงเรียน อันนี้หากคุณพ่อคุณแม่ทราบถึงปัญหานั้น ก็ควรที่จะแก้ปัญหาให้ถูกจุด
แน่นอนค่ะว่า การพูดคำหยาบบ้างเป็นบางครั้งบางคราวนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เพียงแต่ว่า คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะสร้างรากฐานให้ลูก เป็นเด็กที่พูดจาสุภาพเรียบร้อยมาตั้งแต่เด็ก ด้วยการระมัดระวังคำพูดของตัวเอง และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก เพียงเท่านี้ ก็สามารถเป็นการปลูกฝังเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับลูก ๆ ของเราได้แล้วละค่ะ
เครดิต: ผู้จัดการออนไลน์
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่