ลูกน้อยหลังค่อม โก่ง เป็นการนั่งในท่าไหล่ห่อ นอกจากจะส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพเป็นอย่างมาก ยังเป็นการทำร้ายกระดูกสันหลังอีกด้วย และพฤติกรรมนี้เสี่ยงต่อการทำร้ายกระดูก โดยพบได้ในคนวัยเรียนและวันทำงานเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งส่งผลให้คุณมีบุคลิกภาพกลายเป็นคนแก่ไปเลยก็ได้ ซึ่งถ้าฝึกการนั่งถูกท่าตั้งแต่วัยเด็ก จะส่งผลดีต่อพัฒนาการต่างๆ ของลูกน้อยจนโตเป็นผู้ใหญ่ และยังทำให้ห่างไกลจากโรคกระดูกอีกด้วย
ระวัง ลูกน้อยหลังค่อม โก่ง เพราะนั่งผิดท่า เสี่ยงพัฒนาการช้า!
ภาวะหลังค่อมแบ่งได้เป็น 2 สาเหตุ คือ
- หลังค่อมจากกระดูกสันหลังคดผิดปกติ
- หลังค่อมจากความเคยชินในท่าทางและอิริยาบถของตนเอง
โดยทั่วไปการเดินหลังค่อมจะทำให้ปวดหลังและปวดกล้ามเนื้อได้ง่าย และหากอยู่ในท่าทางหรืออิริยาบถที่ผิดๆ ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน จะทำให้น้ำหนักถ่ายเทไม่สมดุล คือถ่ายเทไปในจุดที่ไม่ควรจะลง ทำให้กระดูกเสื่อมได้ง่าย
ซึ่งปัจจุบันพบว่าวัยเด็กเรียน ไปถึงวัยทำงานมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับปัญหาความผิดปกติ อันเกี่ยวเนื่องกับกระดูกเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่อาการปวดหลังและคอ ไปจนถึง โรคกระดูกสันหลังเสื่อม โรคกระดูกสันหลังคดงอผิดปกติ หรือโรคหมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท ซึ่งสาเหตุสำคัญของอาการเจ็บป่วยก่อนวัยเหล่านี้ มักเกิดจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในชีวิตประจำวันนั่นเอง และนี่คือพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง หากคุณไม่อยากเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพกระดูกที่จะตามมา
การยืน
- ยืนหลังค่อมหรือแอ่นตัวไปข้างหน้า จะทำให้ปวดหลังและเกิดความผิดปกติของแนวกระดูกช่วงล่าง การยืนหลังตรง และเกร็งหน้าท้องเล็กน้อยจะดีที่สุด
- ยืนโดยลงน้ำหนักไปที่ขาข้างใดข้างหนึ่ง การยืนในลักษณะนี้จะส่งผลเสียต่อขาข้างที่ได้รับการทิ้งน้ำหนัก และอาจนำไปสู่อาการปวดและเป็นตะคริวได้ ท่ายืนที่ถูกต้องนั้น ควรยืนให้ขากว้างเท่ากับสะโพกโดยลงน้ำหนักไปที่ขาทั้งสองข้างเท่า ๆ กัน เพื่อความสมดุลของร่างกาย
แฟชั่นอันตราย
- ใส่รองเท้าส้นสูงเกิน 1 นิ้วครึ่ง สำหรับสุภาพสตรีการใส่ส้นสูงอาจช่วยเสริมสร้างบุคลิกให้ดูสง่าขึ้นแต่ข้อเสียก็คือการใส่รองเท้าที่สูงเกินไปอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังที่เกิดจากความผิดปกติของแนวกระดูกสันหลังได้
- สะพายกระเป๋าหนักเพียงข้างเดียว กระเป๋าสะพายกับผู้หญิงนับเป็นของคู่กัน แต่หากใช้กระเป๋าที่หนักจนเกินไป และสะพายไว้บนไหล่เพียงข้างเดียว อาจทำให้เกิดการเจ็บปวดบริเวณหัวไหล่ เนื่องจากกล้ามเนื้อ และกระดูกต้องรับน้ำหนักมากจนทำให้กระดูกคดงอได้ วิธีที่เหมาะสม คือ เลือกใช้กระเป๋าน้ำหนักเบา บรรจุของในกระเป๋าแต่พอดี และสลับด้านสะพายระหว่างข้างซ้ายและขวาให้เท่า ๆ กัน
การนอน
- นอนคว่ำ โดยเฉพาะการนอนคว่ำเพื่ออ่านหนังสือ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้กระดูกสันหลังแอ่นมากจนผิดปกติ ทั้งยังก่อให้ เกิดอาการปวดคอและปวดหลังอีกด้วย
- นอนขดตัวคุดคู้ การนอนหดแขนและขาจะทำให้กระดูกสันหลังบิดงอผิดรูป และเกิดอาการเจ็บที่กล้ามเนื้อได้ ท่านอนที่ถูกต้องนั้น แนะนำให้นอนหงายและใช้หมอนหนุนศีรษะที่ไม่แข็งหรือนิ่มจนเกินไป และหลีกเลี่ยงการนอนบนหมอนที่สูงเกินไป
- นอนดูโทรทัศน์หรืออ่านหนังสือ คนทั่วไปมักติดนิสัยนอนเอนหลังดูโทรทัศน์หรืออ่านหนังสือ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนไถลตัวไปบนโซฟาหรือเตียงนอน ทำให้ต้องงอลำคออันอาจเป็นผลให้กระดูกคอสึก และเกิดอาการปวดหลัง เพราะกระดูกหลังแอ่น
อ่านต่อ >> “ระวัง ลูกน้อยหลังค่อม โก่ง เพราะนั่งผิดท่า เสี่ยงพัฒนาการช้า” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
การนั่ง
- นั่งไขว่ห้าง จะทำให้เกิดการกดทับน้ำหนักตัวลงที่ก้นข้างใดข้างหนึ่งเป็นผลให้กระดูกคดและโค้งงอ โดยเฉพาะ กระดูกสันหลังและบริเวณอุ้งเชิงกราน ทำให้มีอาการปวดคอและหลังตามมา
- นั่งกอดอก จะทำให้กระดูกหลังช่วงบนสะบักและหัวไหล่ถูกยืดออก ผลก็คือหลังช่วงบนจะงองุ้มและกระดูก ช่วงคอยื่นไปข้างหน้า ซึ่งมีผลต่อการทำงานของเส้นประสาทที่ไปหล่อเลี้ยงที่แขน และอาจเป็นเหตุให้กล้ามเนื้อที่มืออ่อนแรงและเกิดอาการชา ทั้งนี้ หากกระดูกช่วงคอเกิดการผิดรูป ก็จะทำให้กล้ามเนื้อคอหดเกร็ง และส่งผลเสียต่อการทำงานของหลอดเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงสมอง นำไปสู่อาการปวดศีรษะเรื้อรังหรือไมเกรนได้
- นั่งหลังงอหรือหลังค่อม โดยเฉพาะในกรณีที่นั่งในท่าเดิมติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่นการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ จะทำให้กล้ามเนื้อเกร็งค้าง ซึ่งจะก่อให้เกิดการคั่งของกรดแลคติก ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยที่บริเวณหัวไหล่ และสะโพก และอาจทำให้กระดูกผิดรูปอีกด้วย
- นั่งบนเก้าอี้โดยไม่พิงพนักหรือนั่งไม่เต็มก้น การนั่งในลักษณะนี้ ทำให้ฐานในการรับน้ำหนักตัวน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ส่งผลให้กล้ามเนื้อที่หลังทำงานหนักกว่าปกติ และเกิดเป็นผลเสียต่อกระดูกสันหลัง ทางที่ดีนั้น ควรนั่งเก้าอี้ให้เต็มก้น พร้อมเอนหลังไปที่พนักพิง เพื่อให้ร่างกายถ่ายน้ำหนักบางส่วนไปที่เก้าอี้ แทนที่จะทรงตัวด้วยกระดูกสันหลังเท่านั้น
โดย รศ.นพ.วรวรรธน์ ลิ้มทองกุล อาจารย์ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความรู้การนั่งในท่าที่ถูกต้องว่า เด็กจะมีพัฒนาการการนั่งช่วงอายุ 6-9 เดือน โดยการนั่งจะสมบูรณ์ได้ต้องประกอบด้วยอวัยวะตั้งแต่ศีรษะ ลำตัว เชิงกราน สะโพก ขา และเข่า ส่วนที่สำคัญที่สุดคือกระดูกสันหลัง ซึ่งเป็นแหล่งรวมเส้นระบบประสาทที่ส่งผ่านมาจากสมองเพื่อสั่งการทั่วร่างกาย โดยไล่จากกระดูกช่วงคอจะรวมเส้นประสาทของมือและแขน กระดูกช่วงหลังจะรวมเส้นประสาทของเท้าและขา
Must read : แก้ไขท่านั่ง W เหตุสร้างปัญหาการเดินของลูกน้อย
Must read : พัฒนาการกล้ามเนื้อ เท้าและขา ตั้งแต่ลูกแรกเกิด จนกระโดดได้
Must read : เช็กพัฒนาการตามวัยของลูก! กับคู่มือสำหรับส่งเสริมพัฒนาการเด็กแรกเกิด -5 ปี
โดยแรกเกิดกระดูกสันหลังของเด็กจะโค้งเป็นรูปตัว C เหมือนท่าเด็กนอนคู้ในท้องแม่ และจะเริ่มมีโค้งแอ่นที่คอเมื่อเด็กเริ่มพลิกคว่ำชันคอที่อายุประมาณ 3 เดือน โดยอาจจะมีมือที่ยันพื้นช่วยในเบื้องต้น เป็นการเริ่มพัฒนาการแรก ต่อมาจะมีการนั่งทรงตัวได้เองที่ประมาณ 6 เดือน ซึ่งจะพัฒนาสู่ โค้งที่ 2 ตรงหลังส่วนเอว และพัฒนาต่อเนื่อง ด้วยการคลาน เกาะยืน และเดิน โดยถ้าเด็กสามารถนั่งเองได้โดยมีกล้ามเนื้อส่วนเอวและเชิงกรานที่มั่นคง จะส่งผลให้เกิดการพัฒนาทักษะการสื่อสาร และการเรียนรู้
แต่ถ้าเด็กมีการนั่งผิดท่าในระยะเวลานานๆ จะส่งผลให้กระดูกสันหลังมีลักษณะเป็นรูปตัว C หรือที่เรียกว่าหลังค่อมได้ นั้นอาจทำให้อวัยวะในส่วนอื่นๆ มีการพัฒนาที่ช้าตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นทั้ง มือและแขน เพราะเด็กจะต้องเอามือและแขนคอยค้ำและพยุงตัวเองให้นั่งหรือยืนขึ้นมา ทำให้ไม่สามารถใช้มือหยิบจับหรือเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ดีเท่าที่ควร นั่นเอง
เพราะการที่เด็กมีหลังที่นั่งได้ตรงนั้น จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี ตรงกันข้ามหากเด็กนั่งหลังโก่งก็จะก่อให้เกิดปัญหาทางพัฒนาการตามมา
ปัญหาทางพัฒนาการที่เกิดจากการนั่งหลังโก่งในห้องเรียน
- ลูกมีปัญหาด้านการเขียน และสหสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ
- ทำให้ลอกจดการบ้านจากกระดานได้ไม่ครบ
- มีอาการปวดหลังและไหล่ รวมถึงแขนเนื่องจากการสั่งการกล้ามเนื้อยังสั่งแยกมัดไม่คล่อง
- มีปัญหาทางทักษะการเล่นกีฬา
อ่านต่อ >> “วิธีการแก้ไขเมื่อ ลูกน้อยหลังค่อม โก่ง เพราะนั่งผิดท่า” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
√ วิธีการแก้ไข เมื่อ ผู้ใหญ่ และ ลูกน้อยหลังค่อม โก่ง เพราะนั่งผิดท่า
-
ปรับท่านั่งให้ดี ถูกสุขลักษณะ
- เก้าอี้ที่นั่งควรมีพนักพิงที่เอียง ประมาณ 100-110 องศา
- เบาะเก้าอี้ที่นั่งต้องกระชับ ไม่นุ่มหรือแข็งและไม่เทลาดลดลงด้านหน้ามากเกินไป
- เบาะเก้าอี้ต้องมีขนาดพอสมควร สามารถรองรับสะโพกและต้นขาด้านหลังได้ดี
- ต้องนั่งเก้าอี้ให้ลึก ไม่นั่งตื้นๆ ขาทั้ง 2 ควรสอดเข้าไปใต้โต๊ะ และเท้าทั้ง 2 ข้างต้องวางกับพื้น ถ้าเท้าลอยควรหาที่รองเท้าขณะนั่งให้พอดี
- นั่งวางแขนบนพนักวางแขนซึ่งมีความสูงที่เหมาะสมไม่ทำให้ไหล่ยกสูงหรือลู่ลงมากไป
- จัดสัดส่วนระหว่างเก้าอี้และโต๊ะเรียนให้เหมาะสม ไม่ก้มตัวหรือตัวตรงมากเกินไป
- หลีกเลี่ยงการนั่งไม่เต็มเก้าอี้ นั่งไขว้ห้าง เพราะจะส่งผลต่อปัญหาสุขภาพกระดูก
-
ท่าบริหารต่างๆ
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถแก้ปัญหาหลังค่อมได้เป็นอย่างดี โดยการเลือกท่าบริหารที่เหมาะสม เช่นท่าดังต่อไปนี้
♦ ยืนหลังและส้นเท้าชิดกำแพง จากนั้นกางแขนออก แล้วทำแขขึ้นลงประมาณ 45 องศา เหมือนท่านกกางปีกบิน จำนวน 10 ครั้ง
♦ ยืนหลังและส้นเท้าชิดกำแพง จากนั้นพับแขนมาแตะที่หู เหมือนกับการทำท่าเอาฝ่ามือมาปิดหู โดยทำประมาณ 10 ครั้ง
♦ ยืนหลังและส้นเท้าชิดกำแพง จากนั้นทำท่าเหมือนกับการปีนเชือก โดยการยืนมือขึ้นเหนือศีรษะ โดยให้มือทั้งสองข้างสลับกัน ทำประมาณ 10 ครั้ง
ทั้งนี้ด้าน ศาสตราจารย์มาร์ เบนเดน ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ศึกษาวิทยาการสุขภาพเท็กซัส เอ แอนด์ เอ็ม สหรัฐอเมริกา ยังได้ค้นพบว่า การใช้โต๊ะเรียนแบบตั้งสูงจากพื้นซึ่งนักเรียนจะต้องยืนนั้น สามารถช่วยเพิ่มความสนใจในชั่วโมงเรียนมากขึ้นถึงร้อยละ 12 อีกด้วย
จากการศึกษาในเด็กวัยประถม อายุ 7-9 ขวบ จำนวน 300 คน เป็นเวลานาน 1 ปี โดยเปรียบเทียบผลการเรียนและการมีส่วนร่วมในห้องเรียนระหว่างเด็กที่นั่งโต๊ะเรียนหนังสือตามปกติ กับเด็กที่ใช้โต๊ะยืนเรียน ปรากฏว่า นักเรียนในกลุ่มที่ใช้โต๊ะยืนมีความร่วมมือในห้องเรียนดีกว่าเพื่อนอีกกลุ่มอย่างเห็นได้ชัด ทั้งตอบคำถามครูได้ทันที เข้าใจบทเรียนโดยไม่ต้องถามซ้ำ และยังมีคะแนนทดสอบมากกว่าคะแนนเฉลี่ย
อย่างไรก็ตาม การผลักดันให้เปลี่ยนการนั่งเรียนมาเป็นยืนเรียนนั้น ยังต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ว่าการยืนเรียนจะมีผลเสียต่อสุขภาพของเด็กหรือไม่ เนื่องจากการยืนนานๆ จะทำให้กล้ามเนื้อตึงเครียด และเป็นตะคริวได้
ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ลูกมีภาวะหลังค่อม อันเป็นเหตุ ให้มีพัฒนาการช้าได้ คุณพ่อคุณแม่ควรช่วยกันดูแลลูกน้อย พยายามบอกลูก หรือให้คุณครูช่วยดูที่โรงเรียน เพื่อหลีกเลี่ยง หลังค่อม การเปลี่ยนท่าทางหรือกิริยาให้หลังตั้งตรงขณะทำกิจกรรมต่างๆ ให้ถูกต้อง และควรเสริมด้วยการให้ลุกน้อยออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อช่วยคลายและเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลัง เพื่อบรรเทาอาการปวดหลังอีกทางหนึ่ง
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!
- “กระดูกสันหลังคด” ผู้ร้ายทำลายบุคลิกลูกโต
- ลูกน้อยแบกกระเป๋าหนัก เสี่ยงปวดหลัง ทำให้เตี้ย
- สังเกตสัญญาณ “พัฒนาการล่าช้า” ของลูก
ขอบคุณข้อมูลจาก : daily.khaosod.co.th , daily.khaosod.co.th www.xn--12cg1cxchd0a2gzc1c5d5a.net , www.bumrungrad.com