AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

เด็กป่วย ต้องป่วยแค่ไหน? ถึงหยุดเรียน

เมื่อถึงเวลาที่ลูกต้องไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ ในโรงเรียนแล้ว ลูกจะได้พบเจอเพื่อนที่หลากหลาย และประสบการณ์ที่มากมาย แต่สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เมื่อลูกเข้าเรียนแล้วก็คือ อาการป่วยนั่นเองค่ะ เมื่อ เด็กป่วย พ่อแม่ก็จะเกิดคำถามขึ้นมาในหัวว่าลูกป่วยขนาดนี้ ควรจะให้ลูกหยุดเรียนเพื่อพักผ่อนอยู่บ้านดีไหมนะ? ควรจะหยุดเรียนจนกว่าลูกหายสนิทเลยหรือเมื่อดีขึ้นแล้วก็ไปเรียนได้? เด็กป่วย ควรจะป่วยขนาดไหนถึงควรหยุดเรียน? แล้วถ้าหยุดเรียนบ่อยๆ แล้วเรียนไม่ทันเพื่อนจะทำอย่างไร? แต่ถ้าไม่หยุดเรียนแล้วลูกเราจะไปรับเชื้อมาเพิ่มหรือไม่? ไหนจะกังวลอีกว่าจะไปแพร่เชื้อให้เพื่อนๆ อีก ทีมงาน Amarin Baby&Kids  เลยมีแนวทางมาประกอบการตัดสินใจของแม่ๆ ค่ะ

เด็กป่วย ต้องป่วยแค่ไหน? ถึงหยุดเรียน

ลูกมีไข้

ไข้ คืออาการซึ่งร่างกายมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นกว่าปกติ (เกิน 37.5 องศาเซลเซียส) เป็นปฏิกริยาตอบสนองของร่างกายเมื่อมีการติดเชื้อโรคหรือมีการเจ็บป่วยจากสาเหตุบางสาเหตุ โดยไข้จะเกิดอยู่เพียงชั่วคราวเฉพาะในช่วงที่เกิดโรคหรือมีการเจ็บป่วย

เด็กป่วย ที่มีไข้เกิน 38 องศา ควรให้หยุดเพื่อพักผ่อนอยู่ที่บ้าน อาการไข้บ่งบอกว่าร่างกายของลูกกำลังต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้ามาสู่ร่างกาย จึงทำให้ร่างกายของลูกมีโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อและรับเชื้อเข้ามาเพิ่ม นอกจากเสี่ยงจากการติดเชื้อเพิ่มแล้ว ลูกจะเรียนไม่มีสมาธิในการเรียนเมื่อมีไข้อีกด้วยค่ะ ดังนั้นจึงควรให้ลูกหยุดเรียนจนกว่าจะหายไข้ และเมื่อลูกหายจากอาการไข้แล้ว ควรจะให้หยุดต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อให้แน่ใจได้ว่าลูกจะไม่กลับมามีไข้จากโรคเดิมอีกเมื่อไปโรงเรียนแล้ว

 

ลูกอาเจียน

อาเจียน คืออาการที่เกิดจากการบีบตัวของกระเพาะอาหารอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดแรงขับดันให้อาหารหรือน้ำย่อยที่อยู่ในกระเพาะอาหารพุ่งทะลักออกจากกระเพาะอาหาร ผ่านหลอดอาหารเข้าสู่ลำคอและช่องปากหรือช่องจมูก

เมื่อลูกมีอาการอาเจียน 1 ครั้งใน 24 ชั่วโมง และไม่มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยเช่น เป็นไข้ ท้องเสีย หรือซึม อาจไม่ใช่อาการป่วยจากโรค แต่อาจเป็นเพราะมีเสมหะค้างอยู่ที่ลำคอ ในกรณีนี้ สามารถให้ลูกไปเรียนได้ค่ะ

แต่หากลูกอาเจียน 2 ครั้งหรือมากกว่าใน 24 ชั่วโมง ควรให้ลูกหยุดเรียนเพื่อพักผ่อนและเพื่อเฝ้าระวังไม่ให้ลูกเกิดอาการขาดน้ำเนื่องจากอาเจียนบ่อย นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคไปสู่เพื่อนๆ ได้อีก

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 อ่านต่อ!! เด็กป่วย ต้องป่วยแค่ไหน? ถึงหยุดเรียน

ลูกท้องเสีย

ท้องเสีย คือการถ่ายอุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำมากกว่า 3 ครั้งขึ้นไปต่อวัน โดยอาจถ่ายเป็นน้ำหรือมูกเลือด

หากลูกมีอาการถ่ายเหลวแต่ไม่ถึงกับเป็นน้ำ ถ่ายไม่เกิน 3 ครั้งต่อวัน และไม่มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดมวนท้อง มีไข้ อาเจียน อ่อนเพลีย ถ่ายเป็นมูกเลือด ก็อาจเป็นการถ่ายเหลวจากอาหารที่ทานไม่ใช่การถ่ายเหลวจากการติดเชื้อ คุณแม่อาจพิจารณาให้ลูกไปเรียนได้

แต่หากลูกมีอาการถ่ายเป็นน้ำ ถ่ายบ่อยเกิน 3 ครั้งต่อวัน และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรให้หยุดเรียน เพื่อคอยเฝ้าระวังไม่ให้ลูกเกิดอาการขาดน้ำ และเพื่อไม่ให้ไปแพร่เชื้อสู่เพื่อนๆ ได้ค่ะ

 

ลูกอ่อนเพลีย

เหนื่อยล้า อ่อนล้า หรืออ่อนเพลีย เป็นอาการหรือความรู้สึก มักเกิตจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ อดนอน ทำงานหนักต่อเนื่อง และ/หรือมีปัญหาทางอารมณ์หรือจิตใจ

เมื่อลูกดูอ่อนเพลีย เหนื่อย เมื่อยล้า ง่วงนอนในเวลากลางวันหรือเลิกเรียน คุณแม่ควรจะดูให้แน่ใจว่าในเวลากลางคืน ลูกได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอและเต็มที่แล้วหรือยัง หากลูกยังคงแสดงอาการว่าเหนื่อยมาก เซื่องซึมมาก นี่อาจเป็นสัญญาณที่คุณแม่ควรจะพาลูกไปพบแพทย์

 

ลูกไอหรือเจ็บคอ

หากลูกมีอาการไอหนักมาก จนไม่สามารถควบคุมการไอได้ หรือเจ็บคอมาก ควรให้ลูกหยุดเรียน เพราะนอกจากเสียงไอจะรบกวนผู้อื่นแล้วยังเป็นโอกาสในการแพร่เชื้อสู่เพื่อนๆ ได้อีก แต่หากอาการไอไม่หนักมาก ยังสามารถควบคุมการไอได้ และไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่นมีไข้ ต่อมข้างคอบวมแดง ก็ยังสามารถไปเรียนได้ค่ะ

 

ลูกระคายเคืองตา ตาแดง เจ็บตา

อาการเจ็บตา ระคายเคืองตา ตาแฉะ จะเป็นอุปสรรคในการเรียนของลูกอย่างแน่นอนค่ะ นอกจากนี้ อาการระคายเคืองตาอาจหมายถึงการติดเชื้อได้ ดังนั้นควรที่จะพาไปพบแพทย์จะดีกว่าค่ะ และควรจะให้ลูกหยุดพักผ่อนอยู่ที่บ้านจนกว่าอาการระคายเคืองตาจะหายไป แต่หากลูกมีอาการตาแดง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะสามารถติดต่อได้ง่ายและเชื้อแพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็ว

 

อาการปวดต่างๆ เช่น ปวดหัว ปวดท้อง ปวดหู

โดยส่วนมากอาการปวดต่างๆ ที่เกิดขึ้น มักมีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายกำลังต่อสู้กับโรค เพราะนอกจากจะเป็นอุปสรรคในการเรียนแล้ว ยังสามารถแพร่เชื้อไวรัสไปให้เพื่อนๆ ได้โดยง่ายด้วยค่ะ ดังนั้นควรให้ลูกหยุดเรียนเพื่อพักผ่อนอยู่ที่บ้านจนกว่าอาการปวดจะหาย และหากลูกมีอาการปวดมาก นั่นหมายถึงลูกอาจจะเป็นโรคที่อันตรายได้ จึงควรไปพบแพทย์ทันทีค่ะ

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 อ่านต่อ!! แล้วเมื่อไรจะได้กลับไปเรียน?

แล้วเมื่อไรจะได้กลับไปเรียน?

เมื่อลูกป่วย เรามักจะตัดสินใจได้ง่ายว่าควรหยุดเรียนหรือไม่ แต่ตอนให้ลูกกลับไปเรียนนี่สิที่ยาก เพราะคุณแม่จะไม่ทราบได้เลยว่าหากให้ลูกกลับไปเรียนเร็วเกินไปก็อาจทำให้อาการป่วยหายได้ช้าลง และไม่อาจทราบได้เลยว่าอาการป่วยที่ลูกเป็นอยู่นั้นเลยระยะแพร่เชื้อหรือยัง และลูกก็อาจยังไม่แข็งแรงพอ หากไปรับเชื้ออื่นๆ มาเพิ่มอีก ก็อาจจะทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิมก็ได้ เรามีแนวทางคร่าวๆ เพื่อช่วยแม่ๆ ในการประกอบการตัดสินใจค่ะ

 

ปลอดไข้

หากลูกไข้ลดจนไม่ต้องป้อนยาลดไข้แล้ว ควรจะดูอาการว่าภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากหยุดป้อนยา ต้องไม่มีไข้กลับมาอีก หากปลอดไข้เกิน 24 ชั่วโมงแล้ว นั่นหมายถึงลูกจะไม่มีไข้จากเชื้อโรคตัวเดิมอีก จึงสามารถให้ลูกกลับไปเรียนได้ค่ะ (หากมีไข้หลังจากปลอดไข้ 24 ชั่วโมง นั่นหมายถึงเป็นไข้จากเชื้อโรคตัวใหม่ หรือ ร่างกายเจ็บป่วยจากสาเหตุอื่น ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที) แต่หากยังมีอาการอื่นๆ อยู่หลังจากหายไข้ เช่น ท้องเสีย อ้วก หรือ ไอหนัก ก็ยังควรให้หยุดต่อค่ะ

 

อาการป่วยดีขึ้นจนใกล้หายแล้ว

หากลูกมีน้ำมูกเพียงนิดหน่อย หรือ อาการป่วยดูดีขึ้นแล้ว ควรเตรียมผ้าปิดปากและกระดาษทิชชู่ให้ลูกพกติดตัวไปด้วย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อค่ะ

 

สุดท้ายนี้ อยากให้คุณแม่ทุกท่านเชื่อในสัญชาตญาณความเป็นแม่ของตัวเอง และใช้สัญชาตญาณนี้ตัดสินใจค่ะ เพราะไม่มีใครรู้จักลูกเราดีได้เท่าตัวแม่เอง ดังนั้นคุณแม่จะรู้ได้เองว่าลูกจะไปเรียนไหวหรือไม่ อาการหนักขนาดไหนควรจะไปพบแพทย์ หรืออาการแบบนี้แสดงว่าหายป่วยแล้วหรือไม่  ทีมงาน Amarin Baby & Kids ขอเอาใจช่วยให้ เด็กป่วย ทุกคน ให้หายจากอาการป่วยแล้วกลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้งไวๆ นะคะ

อ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่

รวม 8 วิธีสุดเริ่ด! สร้างภูมิต้านทานให้ลูก ที่คุณแม่ๆควรรู้ ถ้าไม่อยากให้ลูกป่วยบ่อย

“ลูกป่วยบ่อย” ต้องอ่าน! 10 วิธีเลี้ยงลูกให้ปลอดจากโรคภัย

7 ข้อ รู้ให้เท่าทัน กัน ลูกป่วย โรคRSV บ่อย!

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids