ป้องกันโรคภูมิแพ้ ด้วยวิธีที่คุณพ่อคุณแม่คนไหน ๆ ก็สามารถทำได้ แถมลูกสนุกสนาน เพลิดเพลินไม่มีเบื่อ
สมัยนี้เด็กเป็นโรคภูมิแพ้กันเยอะขึ้นว่าไหมคะ แม้แต่ลูกของตัวผู้เขียนเองก็เป็นค่ะ ว่าจะพาไปตรวจเสียหน่อยว่าแพ้อะไรบ้าง คงต้องรออีกสักหน่อย แต่กว่าจะถึงวันนั้น คงต้องหาวิธีการป้องกันและดูแลกันไปก่อน
และวันนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสไปอ่านข่าวฉบับหนึ่งของ BBC Thai ค่ะ พออ่านเสร็จนี่ต้องรีบมานำเสนอให้คุณพ่อคุณแม่ชาว Amarin Baby and Kids ได้อ่านกันทันทีเลยละค่ะ
โดยเนื้อข่าวที่ได้อ่านนั้นกล่าวว่า แค่พ่อแม่ให้ลูกกินปลาอย่างน้อยเดือนละครั้งตั้งแต่ยังเล็ก รวมถึงพาไปให้สัมผัสใกล้ชิดกับปศุสัตว์หรือสัตว์เลี้ยงตามฟาร์มในชนบทเป็นประจำ เด็กก็จะเติบโตขึ้นมาอย่างห่างไกลโรคเยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือที่เรียกกันว่า ไข้ละอองฟาง!
อ่านต่อ >> บทความนี้เพิ่มเติม คลิก!
ได้มีผลงานวิจัยจาก แพทย์หญิงเอมมา ก๊อกซอร์ จากภาควิชากุมารแพทย์ มหาวิทยาลัยโกเทนเบิร์กของประเทศสวีเดน ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสาร Pediatric Allergy and Immunology (PAI) ว่า
จากการศึกษาระยะยาวในเด็ก 4,000 คนตั้งแต่ปี 2003 โดยให้พ่อแม่ของเด็กตอบแบบสอบถามเรื่องสุขภาพของลูกเป็นระยะ ตั้งแต่อายุ 6 เดือน เรื่อยไปจนเด็กมีอายุครบ 12 ปีเต็ม พบว่า “เด็กในจำนวนนี้ร้อยละ 20 มีอาการภูมิแพ้และไข้ละอองฟางเมื่อมีอายุครบ 12 ปี โดยในจำนวนนี้เป็นเด็กชายถึงร้อยละ 57 เรียกได้ว่า กว่าครึ่งเริ่มมีอาการแพ้สิ่งกระตุ้นต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นละอองเกสร สัตว์มีขนฟู และตัวไรเป็นครั้งแรก โดยพบว่าเริ่มมีอาการชี้ชัดตอนมีอายุ 8 ปี”
ดร. มีมี่ ถัง ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยเด็กเมอร์ด็อกในออสเตรเลียบอกว่า กรดไขมันโอเมกาทรี (Omega-3) ในปลาอาจช่วยต้านการอักเสบและอาการแพ้สารกระตุ้นต่าง ๆ ได้ ในขณะที่อาหารของคนเราส่วนใหญ่ในทุกวันนี้มีกรดไขมันโอเมกาซิกซ์ (Omega-6) ที่ได้จากน้ำมันพืชและเนยเทียมมาการีนเป็นหลัก ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย
นอกจากกรดไขมันโอเมกาทรีแล้ว ดร.ถังยังบอกว่าปลามีวิตามินดีและโปรตีนชนิดอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ ในการช่วยต่อต้านการอักเสบและอาการภูมิแพ้ด้วย
ซึ่งผลการวิจัยดังกล่าวนั้น สอดคล้องกับงานวิจัยของ แพทย์หญิงก๊อกซอร์ ที่พบว่า เด็กที่อาศัยอยู่ใกล้ฟาร์มปศุสัตว์ตั้งแต่อายุ 4-12 ปี มีอาการภูมิแพ้น้อยกว่าเด็กกลุ่มอื่นถึงครึ่งหนึ่ง โดยสันนิษฐานว่าการที่เด็กได้สัมผัสกับจุลินทรีย์ชนิดต่าง ๆ จากสัตว์เลี้ยงอย่างหลากหลายแต่อายุยังน้อย จะช่วยพัฒนาภูมิต้านทานได้เป็นอย่างดี ซึ่งครอบครัวที่อาศัยอยู่ในเมืองก็อาจพาลูกไปเที่ยวฟาร์มในชนบทเป็นประจำแทนก็ได้นั่นเองค่ะ
ป้องกันลูกให้ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้ … พ่อแม่ทำได้ คลิก!
อ้างอิงเนื้อหาข่าว: BBC Thai
7 วิธี ป้องกันโรคภูมิแพ้ ให้กับลูก
- หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดหน้าต่างให้อากาศในห้องถ่ายเท ทำความสะอาดพื้นบ้าน ห้องนอนและห้องนั่งเล่นเป็นประจำทุกวัน เพื่อเป็นการกำจัดสิ่งของที่ขึ้นรา หลีกเลี่ยงการกองทับของหนังสือ ที่สำคัญเน้นใช้เครื่องกำจัดไรฝุ่น ฝุ่นละอองภายในบ้าน ควันบุหรี่ ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ เป็นต้น
- ดื่มน้ำให้มาก เพราะน้ำสามารถละลายเสมหะได้ค่ะ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการขับของเหลวออกจากร่างกายได้อีกด้วย จะดีมากเลยละค่ะ ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่สามารถห้ลูกดื่มน้ำไม่ต่ำกว่าแปดแก้วต่อวัน
- นอนหลับให้เพียงพอและใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบ อย่าพยายามให้ลูกนอนดึกค่ะ เพราะการมีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์และการพักผ่อนที่เพียงพอ มีส่วนช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานได้ดี ป้องกันโรคภูมิแพ้ได้
- ระวังอาหารที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ หากคุณพ่อคุณแม่ทราบว่าลูกของเราป่วยแพ้อาหารอะไร การป้องกันในเบื้องต้นนั้น จะช่วยให้อาการของลูกไม่กำเริบได้
- การนอนในห้องปรับอากาศ ส่วนมากผู้ป่วยโรคภูมิแพ้นั้นมักจะมีความรู้สึกไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ จึงไม่ควรปรับอุณหภูมิต่ำจนเกินไป อาจใช้พัดลมช่วยให้อากาศในห้องถ่ายเทและรักษาอุณหภูมิให้คงที่ได้ค่ะ
- ปกป้องดวงตา ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคเยื่อบุนัยน์ตาอักเสบจากภูมิแพ้ ควรสวมแว่นตาเมื่อออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันเกสรดอกไม้หรือฝุ่นละอองไม่ให้เข้าตา จะทำให้อาการกำเริบ
- รักษาสภาพจิตใจให้ปกติ พยายามไม่ให้ลูกเครียด พาลูกไปทำกิจกรรมนอกบ้านบ้าง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
หากคุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ตาม 7 ข้อที่กล่าวมาละก็ อาการภูมิแพ้ของลูกที่เป็นอยู่นั้น โอกาสที่จะกำเริบก็น้อยมาเลยละค่ะ
ขอบคุณที่มา: HonestDocs
เรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
- พ่อแม่ระวัง! ลูกขยี้ตาบ่อยเสี่ยงเป็น ภูมิแพ้ขึ้นตา
- รวม 8 วิธีสุดเริ่ด! สร้างภูมิต้านทานให้ลูก ที่คุณแม่ๆควรรู้ ถ้าไม่อยากให้ลูกป่วยบ่อย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่