2. ลูกตีเราเวลาไม่พอใจ หรือเวลาโดนดุ
ปัญหาคลาสสิกเชื่อว่าเกือบทุกคนเคยเจอ ครูฝึกบอกว่าเป็นเพราะลูกยังไม่รู้จักวิธีควบคุมตัวเอง ยังไม่รู้วิธีระบายความโกรธและเค้าอาจเลียนแบบพ่อกับแม่เพราะบางครั้งเวลาปรี๊ดมากๆเราก็เคยตีลูกเหมือนกัน เหมือนเราบอกลูกว่าห้ามสูบบุหรี่ และเราสูบให้ลูกเห็น ลูกก็จะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงห้ามในเมื่อพ่อกับแม่ยังทำ
วิธีที่จะรับมือเค้า คือ บอกเค้าด้วยเสียงที่นิ่งและมั่นคงว่า ลูกตีแม่หรือตีคนอื่นไม่ได้ และที่สำคัญต้องบอกเค้าให้เค้ารู้ตรงๆเลยว่า ลูกกำลังโกรธอยู่ครับ เราลองแล้วได้ผลค่ะ วิธีการนี้เพจและหนังสือเรื่องการเลี้ยงลูกแนะนำอยู่เหมือนกัน แต่มันไม่ได้ดีขึ้นในครั้งแรกนะคะต้องให้เวลาเค้าและใช้เวลาและแต่ว่าเด็กแต่ละคนพร้อมเมื่อไหร่ที่จะเข้าใจ บางคนต้องทำแบบนี้ซ้ำๆหลายครั้ง แต่ในเด็กบางคน 2-3 ครั้งก็ดีขึ้นแล้ว หน้าที่ของคุณพ่อและคุณแม่คือ อดทน เข้าใจและให้อภัยค่ะ
3. พฤติกรรมที่เราและคุณพ่อเถียงกันบ่อยครั้ง คือ เรื่องการสวัสดีเวลาเจอผู้ใหญ่ คุณครูและเวลาเจอญาติๆ
ทุกๆครั้งที่ต้องเจอญาติพี่น้องเหมือนเริ่มนับ 1 ทำความรู้จักกันใหม่ ลูกเราจะหลบด้านหลัง ไม่ยอมสวัสดีอาจจะยอมสวัสดีในบางครั้งที่อารมณ์ดี หรือมีข้อต่อรองจูงใจ แต่การที่จะพูดคุยหรือเล่นด้วยไม่มีทางเป็นไปได้เลย ลูกจะซุกตัวอยู่กับเราถ้าบรรดาญาติๆหรือใครที่พยายามจะเข้ามาเล่นด้วยเพราะเข้าใจว่าครั้งที่แล้วใช้เวลาด้วยกัน เล่นกันจนสนิทสนมแล้วไง คิดผิดเลยค่ะ ลูกเราจะไม่ยอมเข้าใกล้เลยเราทั้งปลอบ ทั้งขู่ ทั้งทำเฉยๆสารพัด
ปัญหานี้ทำให้เรากับคุณพ่อน้องเถียงกันเพราะว่าคุณพ่ออยากให้น้องเป็นเด็กที่มีสัมมาคารวะ ไปลามาไหว้เหมือนที่ถูกปลูกฝังกันมาตามวัฒนธรรมไทย หลังจากพบครูฝึก ได้รับคำแนะนำสรุปง่ายๆได้ว่า ไม่ต้องไปเร่งเค้า อย่าบังคับ
ที่สำคัญเราต้องบอกลูกว่า พฤติกรรมที่ลูกเป็นอยู่ตอนนี้คือ “ลูกกำลังเขินนะครับ แม่อยู่ด้วยให้แม่ช่วยไม๊ หายเขินแล้วค่อยเล่นกับพี่ๆหรือน้าๆนะครับ”
ลูกเราไม่ได้หายในทันที ยังคงมีพฤติกรรมประมาณนี้อยู่ แต่ใช้เวลาสั้นลง จนตอนนี้ไม่ต้องบังคับแล้วค่ะบอกลูกก่อนเจอคนรู้จักว่าให้สวัสดีนะครับ หลังจากที่ลูกสวัสดีแล้วจะปล่อยให้ลูกมีระยะเวลาในการเรียนรู้ที่จะหายเขินค่ะ
พฤติกรรมนี้ คุณพ่อและคุณแม่สำคัญเหมือนข้อที่ 2 เราต้องช่วยอยู่ข้างๆลูก ให้ลูกรู้ว่าตอนนี้ลูกกำลังเขินอาย ไม่ต้องตีแม่ เกาะแม่หรือหลบหลังแม่ แต่แม่จะอยู่ข้างๆรอจนกว่าลูกจะหายเขินนะครับ
4. ไม่ยอมกินข้าว
เมื่อถึงเวลากิน ก่อนหน้านี้เราไม่ใช่คุณแม่สายโหด เวลาลูกไม่กินเราจะเรียก เรียก และเรียกจนเราเองเบื่อมากเมื่อถึงเวลาทานข้าว ก่อนถึงเวลาทานอาหารลูกมักจะขอกินยาคูลท์ ขนม เยลลี่และเราก็ตามใจให้เค้ากิน ถึงเวลากินข้าวเลยไม่หิว เคยได้อ่านมาบ้างว่าปล่อยหิวไปเลย ลูกไม่ตายเพราะอดข้าวแค่ 1 มื้อ พอไปเจอครูฝึกเล่าปัญหา ครูฝึกแนะนำคล้ายๆที่อ่านมาค่ะ วิธีแก้ปัญหาคือ
เรียกทานข้าว ไม่เกิน 3 ครั้ง (3 ครั้งถือว่าเยอะแล้ว) โดยให้ทานพร้อมมื้ออาหารที่คุณพ่อคุณแม่ทานปกตินะคะ ไม่ต้องแยกให้ทานเอง หรือนั่งป้อนต่างหาก เรียกครบ 3 ครั้ง หรือรอจนพ่อและแม่อิ่มให้เก็บจานเลย โดยบอกด้วยเสียงนิ่งๆไม่มีอารมณ์เจอปนว่า แม่เก็บจานข้าวนะครับ หลังจากนั้นงดอาหารทานเล่น ยาคูลท์ เยลลี่ นม ให้ทานได้แต่น้ำเปล่าเท่านั้น ถ้าลูกร้องขอทานข้าว คุณพ่อและคุณแม่อย่าลืมสอนว่า หมดเวลาทานข้าวแล้วถ้าหิวให้รอมือต่อไป ทำแบบนี้ประมาณ 3 – 4 ครั้ง คุณแม่และคุณพ่อจะไม่ต้องเหนื่อยเรียกลูกมากินข้าวค่ะ ใจแข็งซักนิดแต่จะไม่ทำให้เราไม่เหนื่อย ไม่เบื่อ ลูกก็ไม่เบื่อเวลาเราจ้ำจี้จ้ำไช และถ้าเราต้องเหนื่อย ไม่ต้องเบื่อกับเรื่องเหล่านี้เราจะได้มีแรงสู้รบกับเรื่องอื่นๆของลูกที่จะเข้ามาทดสอบคุณพ่อและคุณแม่ในเรื่องต่อๆไปค่ะ
วิธีนี้เราได้ผลประมาณครั้งที่ 2 เป็นจริงอย่างที่ทฤษฎีคุณหมอด้านจิตวิทยาบอกนะคะว่าเด็กๆไม่ปล่อยให้ตัวเองหิวจนตายหรอก เค้าจะปรับตัวได้เร็วมากโดยเฉพาะเรื่องกิน ^___^