AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ของเล่นอัตโนมัติทำลายสมองลูกจริงหรือ!?

การ เลือกของเล่นให้เหมาะสมกับวัย ของลูกน้อย เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ซึ่งพ่อแม่ส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะเลือกของเล่นที่ไม่เหมาะกับวัย หรือของเล่นที่ยากเกินไปสำหรับเด็กที่เพิ่งเริ่มหัดเล่น ซึ่งพบว่าของเล่นที่ยากเกินความสามารถของเด็กจะทำให้ความตื่นเต้นในของเล่นใหม่ลดลงไปอีกด้วย

ของเล่นปกติช่วยเสริมพัฒนาการให้เด็กปกติเท่านั้นจริงหรือ!?!?

แม้ของเล่นปกติจะถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นของเด็กปกติ  แต่เราจะใช้ของเล่นเพื่อพัฒนาเด็กได้อย่างเหมาะสมหรือไม่  พ่อแม่ต้องเป็นคนทำเอง  กับเด็กพิเศษก็เช่นกัน  คุณพ่อคุณแม่สามารถประยุกต์ใช้ของเล่นสำหรับเด็กปกติเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการให้ลูกได้  อยู่ที่การนำลูกเล่นของพ่อแม่ให้สอดคล้องกับกลุ่มอาการของลูกด้วย  เช่น  เด็กออทิสติกคือเด็กที่มีบกพร่องเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น  ฉะนั้นเขาจะมีปฏิสัมพันธ์ดีขึ้นได้พ่อแม่ก็ต้องมาเล่นกับลูกด้วย  แล้วสอนให้ลูกรู้ว่าเขาจะต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอย่างไร  ต่อให้เอาของเล่นอย่างดีมาให้เขามากมายแค่ไหน  แต่หากวางไว้ให้เขาเล่นคนเดียว  เขาก็จะพัฒนาได้ไม่ดี เด็กสมาธิสั้นก็เช่นกัน  อาการของเขาคือควบคุมตัวเองไม่ได้และทำงานไม่สำเร็จ  ถ้าพ่อแม่ไม่มานั่งควบคุมและเล่นไปกับเขา  แล้วใครจะมาควบคุมเขาได้  เพราะฉะนั้นลูกจะทำงานสำเร็จไหมโจทย์ก็อยู่ที่พ่อแม่ ของเล่นไม่สามารถช่วยควบคุมกำกับลูกสมาธิสั้นให้จดจ่อจนงานสำเร็จได้แน่

Good to know..  การเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กทั้งที่เป็นเด็กพิเศษและเด็กปกติ  ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์อย่างของเล่น  แต่ขึ้นอยู่กับกระบวนการซึ่งพ่อแม่ต้องเป็นคนสร้างเสริมให้ลูกเอง

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

การ เลือกของเล่นให้เหมาะสมกับวัย

ของเล่นอัตโนมัติทำลายสมองลูกจริงหรือ!?!?

A  : ไม่จริงค่ะ ของเล่นจะส่งเสริมพัฒนาการลูกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพ่อแม่ว่าอ่านโจทย์ออกไหม  ของเล่นสมัยนี้บางอย่างกดปุ่มก็เคลื่อนไหวเองได้  เหมือนของใช้ในบ้านอย่างเครื่องดูดฝุ่นไฟฟ้าที่เป็นโรบอททำงานอัตโนมัติ  ซึ่งแค่กดปุ่มมันก็วิ่งดูดฝุ่นได้เอง  วิ่งไปชนกำแพงก็ถอยได้เอง  หรือวิ่งไปขอบทางก็ไม่ตกลงไป  หากคุณพ่อคุณแม่ลองชวนลูกสังเกตลักษณะการวิ่งการทำงานของอุปกรณ์อัตโนมัติเหล่านี้  เช่น  “ลองดูสิจ๊ะ  มันต้องวิ่งไปตรงไหนนะมันถึงจะถอย”  มันมีอะไรให้สังเกตและคิดต่อยอดได้มากมาย  อาจชวนลูกสังเกตและคิดว่าทำไมมันถึงทำแบบนั้นได้  หรือชวนลูกจินตนาการว่าเราจะสร้างของใช้อะไรบ้างให้ทำงานอัตโนมัติได้แบบนี้  การตั้งคำถามจะทำให้เกิดโจทย์ท้าทายและการสร้างจินตนาการใหม่ๆ  เด็กก็จะได้คิดต่อยอด  เหมือนที่เดี๋ยวนี้มีคนคิดประดิษฐ์รถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติขึ้นมาแล้ว  นี่ก็เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดจากการคิดต่อยอดเช่นกัน

แล้วของเล่นหรือของใช้อัตโนมัติก็เป็นไปตามยุคสมัย  ในอนาคตอาจหาซื้อของเล่นไขลานไม่ได้แล้ว  ม้าก้านกล้วยเดี๋ยวนี้ก็แทบไม่เห็นแล้ว  เพราะในเมืองก็ไม่มีต้นกล้วยให้ตัดแล้ว  ก็จะมีของเล่นสมัยใหม่ที่เป็นระบบอัตโนมัติขึ้นมาแทนที่มากขึ้น  ขึ้นอยู่กับว่าพ่อแม่จะใช้โอกาสตรงนั้นสอนลูกได้อย่างไร  โทรศัพท์มือถือก็เป็นระบบอัตโนมัติ  คุณพ่อคุณแม่ก็ใช้สอนลูกได้  แต่เราต้องใช้อย่างเหมาะสม  ไม่ปล่อยให้ลูกเล่นจนติดหรือเล่นจนส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน  อยากให้ลูกฉลาด พ่อแม่ต้องฉลาดก่อน หากอยากให้ลูกคิดเป็น แต่ตัวเองไม่คิดเลย ลูกก็ไม่รู้จะเรียนรู้จากใคร พ่อแม่จึงต้องคิดเป็น ต้องสร้างสรรค์ ต้องต่อยอดได้ แล้วลูกจะเรียนรู้จากวิธีคิดของพ่อแม่

อ่านต่อ >> “วิธีเลือกของเล่นให้เหมาะกับลูกแต่ละวัย” คลิกหน้า 2

ของเล่นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลือกอย่างไรให้เหมาะกับลูก

การเลือกของเล่นให้เหมาะสมกับวัยมีความสำคัญต่อการส่งเสริมพัฒนาการของลูกอย่างมาก  แต่ของเล่นแบบไหนล่ะที่จะเหมาะกับช่วงวัยของลูกน้อย  คุณหมอมีตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณพ่อคุณแม่ใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อของเล่นมาแนะนำกันค่ะ

♣ ลูกวัยเบบี๋ 0-1 ปี

เด็กช่วงขวบปีแรกยังช่วยตัวเองไม่ได้จึงต้องพึ่งพาคุณพ่อคุณแม่อยู่ตลอดเวลา  เพราะฉะนั้นเด็กจะยังไม่ได้เล่นของเล่นด้วยตัวเอง  แต่ของเล่นจะถูกนำเสนอผ่านคุณพ่อคุณแม่  คุณพ่อคุณแม่จึงควรรู้วิธีการนำเสนอเพื่อให้เขาเล่นได้เหมาะสมตามวัย  นอกจากนี้ลูกวัยเบบี๋ที่เอื้อมมือคว้าหรือหยิบจับข้าวของได้ยังชอบเขย่า  อม  หรือปาข้าวของ  ซึ่งเป็นไปตามพัฒนาการของเขา  ของเล่นที่คุณพ่อคุณแม่เลือกซื้อหรือจัดหาให้จึงควรเลือกโดยคำนึงถึงความปลอดภัยให้มากที่สุด  ต้องใส่ปากอมได้ไม่อันตราย  ชิ้นใหญ่เกินกว่าจะกลืนได้  ไม่มีคม  และไม่แตกหักง่าย  เป็นต้น  ซึ่งของเล่นของเบบี๋ที่เราแนะนำมีดังนี้

อ่านต่อ >> “วิธีเลือกของเล่นให้เหมาะกับลูก วัยเตาะแตะ 1-3 ปี” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

♠ วัยเตาะแตะ 

เด็ก 1-3 ขวบเริ่มเล่นได้หลากหลายมากขึ้น  เพราะเขาช่วยเหลือตัวเองได้มากกว่าตอนยังเป็นเบบี๋  จึงพูดคุย  หยิบจับ  เดินเหิน  และเล่นได้หลายรูปแบบมากขึ้น  ของเล่นจึงมีให้เลือกหลากหลายกว่าเดิม  พ่อแม่จึงควรพิจารณาก่อนซื้อว่าอยากส่งเสริมลูกเรื่องอะไร  ของเล่นชิ้นไหนจึงจะส่งเสริมพัฒนาการทักษะต่างๆ ที่เขายังขาดหรือพัฒนาการด้านที่เราอยากเน้นให้เป็นพิเศษ

อ่านต่อ >> “วิธีเลือกของเล่นให้เหมาะกับลูก วัยอนุบาล 3-6 ปี” คลิกหน้า 4

♥ หนูน้อยวัยอนุบาล

เด็กช่วงอายุ 3-5 ขวบเริ่มเข้าสู่วัยของการทำความรู้จักกับสังคม  ของเล่นจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กเข้าสังคมได้  จึงควรปรับเปลี่ยนจากของเล่นที่เล่นคนเดียว  กลายเป็นของเล่นที่มีโอกาสต้องแชร์กับคนอื่นมากขึ้น  เพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้ชีวิตในโรงเรียน  และเพื่อให้เด็กเข้ากับสังคมได้ง่ายขึ้น

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

เลิกอ้าง “พ่อแม่ไม่มีเวลา” แล้วเริ่มสะสมเวลาเพื่อลูก

ทุกครอบครัวก็ต้องทำงานเหมือนกันหมด  เวลาจะมีหรือไม่จึงขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของพ่อแม่  เวลาเล็กๆ น้อยๆ บางทีพ่อแม่ก็คิดไม่ถึงว่าจะสามารถใช้สอนลูกได้  หมอเคยเห็นพ่อแม่ลูกเป็นครอบครัวนั่งไปในรถคันเดียวกัน  พ่อก็จะขับรถเงียบๆ  แม่นั่งเล่นโทรศัพท์  นั่นแหละคือเวลาน้อยนิดที่พ่อแม่ส่วนใหญ่บอกว่าไม่มี  เราไปดูตามร้านอาหารที่มีพ่อแม่ลูกนั่งกินข้าว  ทุกคนก็นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือเหมือนกันหมด อันที่จริงเวลาเพียงน้อยนิดก็ทำให้มีประโยชน์มากขึ้นได้ถ้าพ่อแม่ใส่ใจยิ่งเราเอาไปใช้กับโทรศัพท์มือถือน้อยเท่าไร  เราก็จะมีเวลากับตัวเองมากขึ้น  เพราะฉะนั้นถ้าพ่อแม่ทบทวนให้ดี  มันจะมีเศษเสี้ยวของเวลาที่รวมเข้ามาเป็นเวลาที่มีประโยชน์กับลูกได้มากขึ้น  เช่น  เวลาที่เรานั่งรถไปด้วยกันทำไมเราถึงไม่พูดคุยกับลูก  สอนเรื่องดีๆ ให้กับลูก  เราฝึกให้ลูกรู้จักคิดคณิตศาสตร์หรือสอนภาษาอังกฤษให้กับลูกบนรถได้  แต่ทุกวันนี้เราเอาลูกไปเข้าโรงเรียน  เอาลูกไปให้คนอื่นสอน  เคยมีคุณแม่บ้านหนึ่งสังเกตรู้ว่าลูกสายตาสั้น  เพราะได้พูดคุยและสอนลูกบนรถ  แม่ถามเลขทะเบียนรถคันข้างหน้า  แต่ลูกบอกว่ามองไม่เห็นทั้งที่แต่ก่อนเคยมองเห็น  แม่ถึงรู้ว่าสายตาลูกมีความผิดปกติและพาลูกไปหาคุณหมอได้ทันท่วงที  คุณแม่ท่านนี้รู้ความผิดปกติของลูกได้เพราะมีปฏิสัมพันธ์กับลูก  ถ้าต่างคนต่างนั่งไปแม่ก็คงไม่มีทางสังเกตรู้

อย่างที่คุณหมอย้ำมาโดยตลอดว่า  ของเล่นไม่สำคัญเท่ากระบวนการเล่นที่คุณพ่อคุณแม่ใช้เล่นกับลูก  เพราะหากคุณพ่อคุณแม่ลองสังเกตดูตามร้านของเล่นทั่วไป  ของเล่นบางชิ้นก็ไม่ได้บอกเราว่าของเล่นนั้นใช้เล่นกับลูกอย่างไรได้บ้าง  บ่อยครั้งที่คำอธิบายบนกล่องจะเขียนไว้เพียงว่า “ของเล่นสำหรับเล่น”  ซึ่งก็แน่ละ…ของเล่นมันต้องมีไว้เล่น  มันไม่ได้มีไว้กิน  เด็กเองเขาก็คิดไม่ได้หรอกว่าต้องเล่นอย่างไรของเล่นจึงจะมีประโยชน์  จึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องเล่นไปด้วยกันกับลูก  เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว  สอนให้ลูกรู้จักปรับตัวเข้าสังคม  และเพื่อให้เขาได้เล่นของเล่นผ่านกระบวนการสร้างสรรค์ที่คิดค้นโดยพ่อแม่  ซึ่งจะเสริมสร้างพัฒนาการของลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!


เรื่อง All about Toys จาก ผศ. นพ. พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช