AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

กุมารแพทย์เผย! ลูกสุขภาพดี ได้ถ้าพ่อแม่ไม่ประคบประหงม

เครดิต: The Gazette Review

อยากให้ ลูกสุขภาพดี ทำได้ไม่ยาก แค่ปล่อยให้เล่นเลอะเทอะบ้าง

 

 

สังเกตไหมคะว่า คุณพ่อคุณแม่สมัยนี้เลี้ยงลูกแบบประคบประหงมมากจนเกินไป เลอะอะไรนิดอะไรหน่อยก็ไม่ได้ ต้องคอยเช็ด ต้องคอยห้ามลูก บางทีแม้แต่เวลาที่ลูกเล่นหรือสัมผัสกับธรรมชาติอย่างดินและทราย ก็กลับโดนห้ามไปด้วย และนั่นส่งผลให้ลูกรักของเรานั้นกลับไม่มีภูมิ

ล่าสุดสำนักข่าว Mirror ได้เผยแพร่บทความน่าสนใจ จากมหาวิทยาลัยวอริค (University of Warwick) ประเทศอังกฤษ ได้เปิดเผยผลการศึกษาว่า เด็กที่ถูกปกป้องจากสิ่งสกปรกมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสและแพร่กระจายเชื้อโรคได้มากกว่าเด็กที่ถูกปล่อยให้เล่นกับดินทราย และการเล่นสกปรกนิด ๆ หน่อย ๆ ยังเป็นผลดีกับสุขภาพ อย่างน้อยๆ ก็สามารถช่วยให้โรคภูมิแพ้ดีขึ้นได้

แพทย์หญิง Maya Shetreat-Klein กุมารแพทย์ ระบุว่าเด็กที่เป็นภูมิแพ้ส่วนใหญ่จะถูกเลี้ยงมาแบบประคบประหงมมากเกินไป พร้อมเผยประสบการณ์ส่วนตัวจากลูกชายที่ป่วยเป็นโรคหอบหืด จนส่งผลต่อพัฒนาการ และการรักษาตัวยังไม่ได้ผล จึงค้นหาสาเหตุทางวิทยาศาสต์ ซึ่งนั่นก็ทำให้พบข้อมูลอันน่าตกใจ เพราะอาหารคือต้นเหตุของอาการป่วย ทำให้ส่งผลกระทบกับระบบย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและสมอง

นอกจานี้ ยังได้มีการเผยแพร่เหตุผลดังกล่าวผ่าน The Dirt Cure ซึ่งนำเอาผลการศึกษาอันน่าตกใจหลายอย่างมาเผยแพร่ ได้แก่ อัตรการเพิ่มขึ้นของการเกิดโรคเรื้อรังในเด็ก ทั้งจากโรคภูมิแพ้และสมาธิสั้น ไปจนถึงอาการป่วยทางจิต และโรคอ้วน ซึ่งสามารถหยุดยั้งได้ง่าย เพียงการปล่อยให้เด็ก ๆ ได้กลับสู่ธรรมชาติ ได้เล่นดินเล่นทราย ให้พวกเขาได้รับสารอาหารจากดินบ้าง

เพราะอะไร จึงควรปล่อยให้ลูกเล่นเลอะเทอะบ้าง อ่านต่อได้ที่หน้าถัดไปค่ะ


เครดิต: BECTERO

 

เครดิต: Wallpapers Craft

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยจาก ศูนย์เด็กโรงพยาบาลจอห์น ฮ็อปกิ้นส์แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของโลก โดยศูนย์แห่งนี้ได้ดำเนินการวิจัยภายใต้ชื่อ Urban Environment and Childhood Asthma หรือสิ่งแวดล้อมในเมืองกับโรคหอบหืดในเด็ก และผลการวิจัยได้รับตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Allergy and Clinical Immunology เกี่ยวกับภูมิแพ้และการป้องกัน

ซึ่งงานวิจัยนี้ถูกจัดทำด้วยการเก็บและติดตามข้อมูลเด็ก 560 คนที่อาศัยอยู่ในย่านภายในนครบัลติมอร์ บอสตัน นิวยอร์ก  และเซนต์หลุยส์ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคดังกล่าว โดยเก็บและติดตามตั้งแต่เด็กยังเป็นทารก วิธีคือ ตรวจวัดคุณภาพอากาศและระดับเชื้อโรคที่ปนอยู่ในฝุ่นภายในบ้าน กับตรวจบันทึกของการเกิดอาการไอจามและอาการภูมิแพ้ ทั้งหมดใช้เวลา 3 ปี

ผลปรากฏว่าเด็กที่โตภายในบ้านที่เต็มไปด้วยขี้แมลงสาบ ขนหนูและขนแมว ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 1 ขวบ เมื่อถึง 3 ขวบมีอัตราไอจามต่ำกว่าเด็กที่โตภายในบ้านที่สะอาด

และเมื่อแยกข้อมูลออกมาก็พบว่า ร้อยละ 40 ของเด็กที่ไม่เคยไอจามและแพ้สารใด ๆ เป็นเด็กที่อยู่ในบ้านที่มีระดับสิ่งสกปรกสูงสุด และความหลากหลายของเชื้อโรคมากที่สุด ขณะที่อัตราของเด็กที่อยู่ในบ้านเหล่านี้และเคยไอจามและเคยแพ้มีเพียงร้อยละ 8 ที่เหลือร้อยละ 42 เป็นพวกที่อาศัยอยู่ในบ้านที่มีระดับสิ่งสกปรกและความหลากหลายของเชื้อโรครองลงมา

สรุปคือเด็กที่มีโอกาสสัมผัสกับสิ่งสกปรกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 1 ขวบ มีอัตราไอจามและแพ้สารต่าง ๆ ต่ำกว่าเด็กที่ไม่ได้สัมผัส 3 เท่า

อ่านต่องานวิจัยเพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไปค่ะ

 

 

จริงหรือไม่? อยากให้ ลูกสุขภาพดี ต้องปล่อยให้อยู่บ้านสกปรก?

ซึ่งจากผลการวิจัยดังกล่าว ก็ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากว่า ทำไมเด็กอยู่บ้านสกปรกถึงเสี่ยงเป็นโรคหอบหืดและโรคภูมิแพ้น้อยกว่าเด็กที่อยู่บ้านสะอาด

ความเห็นในประเด็นนี้ที่น่าสนใจก็คือ เป็นธรรมชาติของเด็กอยู่แล้วที่ตอนยังเล็กมากเป็นต้องจับสิ่งของรอบตัวเข้าปาก ตั้งแต่ฝุ่นเศษขยะ มูลสัตว์ รวมไปจนถึงของเล่นชิ้นเล็ก ๆ คือเผลอไม่ได้ เห็นอะไรก็ต้องเป็นหยิบจับเข้าปาก และที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะธรรมชาติเด็กรู้ดีว่า สิ่งของเหล่านี้เป็นของดี และจำเป็นในการทำให้เด็กมีภูมิคุ้มกันโรคตอนโตขึ้น

ซึ่งก็ตรงกับความเห็นของวงการกุมารแพทย์ที่ระบุว่า เด็กในช่วงแรกเกิดจนถึง 1 ขวบ มีการพัฒนาระบบภายในร่างกายครั้งสำคัญ โดยเฉพาะที่เป็นระบบสมองและระบบภูมิคุ้มกันโรค

นอกจากนี้ หากคุณพ่อคุณแม่สังเกต จะพบว่า เด็กที่เติบโตในไร่นาและคอกปศุสัตว์ ซึ่งอยู่นอกเมืองนั้น มักจะมีสุขภาพดีกว่าเด็กที่เติบโตในเมือง และที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมีโอกาสสัมผัสผืนหญ้าที่เจือปนสิ่งสกปรก จนร่างกายต้องปรับระบบภูมิคุ้มกันเพื่อรองรับนั่นเองค่ะ

อย่างไรก็ดี คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปล่อยให้ลูกอยู่ในบ้านที่สกปรกหรอกค่ะ เพียงแค่พาลูก ๆ ไปสัมผัสกับธรรมชาติ ไปเดินกับหญ้าบ้างก็พอ ร่างกายของลูกจะได้ปรับระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้

 

เครดิต: The Mirror และ iflscience.com

อ่านต่อเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids