คุณพ่อคุณแม่คงเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่าพันธุกรรมเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกฉลาด สิ่งแวดล้อม และการเลี้ยงดูก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่จะส่งเสริมให้ลูกฉลาดยิ่งขึ้น เด็กๆ สามารถเรียนรู้ และมีพัฒนาการที่ดีเมื่อช่วงอายุ 3 ขวบแรกของชีวิต วิธีสอนลูกเรียนเก่ง ทำได้โดยคุณพ่อคุณแม่ ดังนี้
1.พูดคุยกับลูกบ่อยๆ
เด็กทารกสามารถจดจำ และตอบสนองต่อเสียงของพ่อ และแม่ได้ตั้งแต่นาทีแรกของชีวิต และได้ยินเสียงของพ่อ และแม่ได้ตั้งแต่อยู่ในท้อง สัปดาห์ต่อมาหลังคลอดจะสามารถสบตากับคนที่กำลังพูดกับเขาได้ เมื่อคุณพ่อ คุณแม่อุ้มลูก ให้มองตาลูก ห่างจากลูก 30 เซนติเมตร พูดช้าๆ ชัดๆ รอการตอบสนองจากลูก
2.อ่านหนังสือให้ลูกฟัง
เด็กเล็กๆ ยังอ่านหนังสือไม่ออก คุณพ่อ คุณแม่ควรอ่านหนังสือให้ลูกฟังบ่อยๆ เริ่มจากการอ่านหนังสือตามวัย เช่น หนังสือนิทานสำหรับเด็ก เพื่อให้ลูกได้ยินคำพูด และฝึกให้เขาออกเสียงตาม ลูกจะคุ้นเคยการเรียนรู้ และลอกเลียนแบบ ซึ่งปลูกฝังนิสัยรักการอ่านตั้งแต่ยังเล็กๆ
3.ตั้งใจฟังลูกน้อยอ่านหนังสือ
เมื่อลูกรู้จักอ่านหนังสือได้แล้ว คุณพ่อ คุณแม่ควรส่งเสริมให้ลูกด้วยการช่วยเลือกหนังสือ เพื่อนำมาอ่านร่วมกัน ให้ลูกน้อยอ่านหนังสือให้ฟัง ฟังความคิดเห็นของลูกเกี่ยวกับเรื่องที่ลูกอ่าน การที่คุณพ่อ คุณแม่ตั้งใจฟังลูกน้อย จะทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ากับพ่อแม่ และเห็นคุณค่าในการเรียนรู้ และรู้ว่าอะไรที่ทำแล้วมีประโยชน์ เป็นการสร้างความอบอุ่นในครอบครัวอีกด้วย
4.ชื่นชม และให้รางวัลกับความสำเร็จของลูก
การพูดชื่นชม กอด หอมแก้ม ทำอาหารแสนอร่อยให้รับประทาน หรือพาไปเดินเล่นสวนสาธารณะ เพื่อบอกให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่ภูมิใจในความสำเร็จของเขา การจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ภายในบ้าน ก็เป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว
5.ส่งเสริมการเล่นของลูกอย่างถูกทาง
คุณพ่อ คุณแม่ควรเข้าใจในธรรมชาติของเด็ก เพราะการเล่นคือการส่งเสริมการเรียนรู้ ช่วยให้ลูกน้อยสนุกสนาน ผ่อนคลาย สิ่งแวดล้อมที่มีอยู่รอบตัวสามารถเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง เพียงแค่เลือกให้เหมาะสมกับวัยของลูกน้อย การเล่นที่มีคุณภาพของเด็กในแต่ละช่วงวัยควรระบุเอาไว้ ทำตารางกิจกรรมที่เหมาะสม ให้ลูกน้อยได้เล่นอย่างปลอดภัย
อ่านต่อ “วิธีสอนลูกเรียนเก่ง ข้อ 6 – 11” คลิกหน้า 2
6.พูดคุยเรื่องชีวิตประจำวันกับลูกน้อย
คุณพ่อ คุณแม่อาจจะถามลูกน้อยว่า “เรามาทำสลัดผักกันมั้ย รู้รึเปล่าว่าสลัดผักต้องมีอะไรบ้างจ้ะ?” “พ่อจะพาเราไปเที่ยวสวนสัตว์ ในสวนสัตว์มีสัตว์อะไรบ้างน้า?” “ลูกชอบสัตว์ตัวไหนมากที่สุดจ้ะ เพราะอะไรเอ่ย?” การพูดคุยกับลูกด้วยคำถามปลายเปิดจะช่วยให้เขาใช้ความคิด พัฒนาสมอง รู้จักการพูดคุยโต้ตอบกับคนอื่น ถ้าลูกพูดผิด อย่าดุลูก ให้อธิบายให้ลูกเข้าใจ
7.นับเลขเล่นกับลูก
ลองสอนลูกนับเลขจากสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่รอบตัว เช่น ในครอบครัวเรามีสมาชิกอยู่กี่คน? ลูกมีตุ๊กตาตัวโปรดอยู่กี่ตัว? ลูกใช้เงินไปเท่าไหร่ เหลือหยอดกระปุกเท่าไหร่?
8.ให้ลูกน้อยบอกสีของสิ่งต่างๆ
ลองสอนลูกเรื่องสีสันก่อนเข้าโรงเรียน ชี้ไปตามสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่อยู่ภายในบ้าน เช่น ดอกไม้ เสื้อผ้า ของเล่น เพื่อให้ลูกเรียนรู้เรื่องสีสัน รู้จักการสังเกตสี และสิ่งรอบๆ ตัว
9.ทำให้ลูกสบายใจกับการไปโรงเรียน
ให้รางวัลลูกเป็นอุปกรณ์การเรียนน่ารักๆ ที่ลูกชอบ เช่น กล่องดินสอสวยๆ ยางลบเท่ห์ๆ ให้กำลังใจลูกเมื่อลูกทำความดี เช่น แอบเขียนข้อความให้กำลังใจเอาไว้ในหนังสือเรียนของลูก “สู้ๆ นะ” “ลูกทำได้อยู่แล้ว”
10.จัดมุมอ่านหนังสือให้ลูกน้อย
ถ้าในบ้านมีพื้นที่เพียงพอ คุณพ่อ คุณแม่สามารถจัดมุมสำหรับทำงาน อ่านหนังสือ หรือนั่งพักผ่อนกันได้ทั้งครอบครัว ช่วยให้ลูกได้มีเวลาอยู่กับพ่อแม่ มีความสุขในการเรียน และรักการอ่านเพิ่มขึ้นด้วย
11.การนอนทำให้ลูกฉลาด
คุณพ่อ คุณแม่ควรฝึกให้ลูกนอนแต่หัวค่ำ ลูกจะได้ตื่นนอนตอนเช้าได้อย่างไม่งอแง เพราะงัวเงียจากอาการง่วง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องบังคับให้ลูกไปโรงเรียน เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เป็นสิ่งที่คุณพ่อ คุณแม่ไม่ควรมองข้าม
อ่านต่อ “เมื่อลูกเรียนไม่เก่งทำอย่างไรดี?” คลิกหน้า 3
เมื่อลูกเรียนไม่เก่งทำอย่างไรดี?
1.ประเมินความสามารถของลูกด้วยสายตาที่เป็นจริง เมื่อพบว่าลูกเป็นเด็กเรียนไม่เก่ง คุณพ่อ คุณแม่ต้องยอมรับว่าลูกไม่ใช่เด็กหัวดี ควรส่งเสริมให้ลูกตั้งใจเรียน และมีความพยายามเพิ่มขึ้น และมีความสุขกับการเรียน อย่ากดดัน หรือบังคับลูก ด้วยการให้ลูกเรียนในสิ่งที่ลูกไม่ชอบ
2.ส่งเสริมให้ลูกเรียนหนังสืออย่างมีความสุข กระตุ้นให้ลูกมีความรับผิดชอบในตัวเอง สร้างความมั่นใจให้ลูกว่าไม่ว่าผลการเรียนจะออกมาเป็นอย่างไร ถ้าลูกได้ตั้งใจเรียน ขยันอ่านหนังสืออย่างเต็มที่แล้ว พ่อแม่ก็ภูมิใจ
3.ให้กำลังใจลูกถึงแม้ว่าลูกจะคะแนนดีขึ้นเพียงเล็กน้อย ชื่นชม ส่งเสริมในทางบวก ไม่โวยวาย ดุว่า หรือถามว่าทำไมถึงได้คะแนนแค่นี้
4.ลดความหวังในตัวลูกลง ไม่บังคับลูกให้มาก ขอให้ลูกเรียนจบ สอบไม่ตก พ่อแม่ก็พอใจ ทำให้ลูกไม่กดดันมากเกินไป และเดินตามความฝันของตัวเองได้อย่างเต็มที่โดยไม่เครียด
5.ให้ลูกเป็นตัวของตัวเอง เลือกในสิ่งที่ลูกเรียนแล้วมีความสุข แล้วเน้นไปที่สิ่งนั้น ลูกอาจมีความเก่งในด้านใดด้านหนึ่งอย่างชัดเจนก็เป็นไปได้ เช่น ชอบวาดรูป ส่งเสริมลูกให้เป็นจิตรกร เป็นต้น
เด็กที่เรียนเก่ง ได้คะแนนดีๆ ได้เกรดดีๆ ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าลูกจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่สอบได้ที่ 1 ได้เกรด 4 จบเกียรตินิยม หรือเรียนจบดอกเตอร์ แต่ไม่สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ เพราะชีวิตจริง และประสบการณ์จริง ไม่ได้มีสอนแค่ในห้องเรียน
“อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจเด็กจากการเรียน เพราะเด็กเรียนไม่เก่ง ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนไม่เก่ง”
เครดิต: ปภาดา ชิโนภาษ สำนักส่งเสริมสถาบันครอบครัว, ผู้จัดการออนไลน์
Save