เป็นไปได้หรือไม่ที่คุณพ่อ คุณแม่จะทำให้ลูกรู้สึกว่า รักลูกไม่เท่ากัน ในเชิงจิตวิทยา อาการที่ผู้ใหญ่มีความสัมพันธ์กับเด็กในลำดับขั้นต่างๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นฝาแฝดก็ตาม เด็กๆ อาจจะคิดว่ารักพวกเขาไม่เท่ากัน นั่นเพราะความดื้อ ความซน การเอาตัวรอด และความน่ารักที่แตกต่างกัน
รักลูกไม่เท่ากัน จริงหรือ?
คลิปวิดีโอที่จะให้ดูต่อไปนี้ เป็นภาพของคุณพ่อ และลูกชาย ลูกสาว ที่กำลังนอนอยู่ในห้องนอน แสดงถึงวิธีการปฏิบัติตัวของคุณพ่อ ที่มีต่อลูกสาว และลูกชาย
หลายคนมักพูดว่าลูกสาวคือคนรักชาติก่อนของพ่อ จริงหรือ?
หลายคนมักพูดว่าลูกสาวคือคนรักชาติก่อนของพ่อ จริงหรือ?
由 LIEKR 发布于 2016年9月20日周二
ความรู้สึกรักลูกไม่เท่ากัน ได้กลายเป็นปมด้อยของ “ลูกชัง” ที่เพาะพันธุ์และหยั่งรากลึก กลายเป็น “แผลเป็น” ติดตัวไปตลอดชีวิต บางครั้งทำให้เกิดโศกนาฏกรรมที่น่าสลดขึ้น ดังกรณีตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวอย่างที่ 1
“หมอสุพัฒน์” ถูกกล่าวหาในคดีฆาตกรรมแรงงานพม่าอย่างโหดเหี้ยม และผู้ที่กล่าวหาคือพี่ชาย ว่าเคยจงใจให้ยาผิด หรือวางยาแม่ตัวเอง เนื่องจากปมด้อยที่ทำให้รู้สึกมาตลอด ตั้งแต่เด็กว่า แม่รักพี่ชายมากกว่า และถึงแม้ “หมอสุพัฒน์” จะใช้ปมด้อยนี้เป็นพลังด้านบวก ผลักดันตัวเองให้เรียนหนังสือเก่งกว่า มีอาชีพที่ดีกว่าพี่ชาย เพื่อพิสูจน์ให้แม่เห็น และรักมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจแม่ได้ จึงเป็นมูลเหตุที่ทำให้เชื่อว่าปมด้อย และความรู้สึกว่าแม่รักลูกไม่เท่ากัน ยังฝังลึกในใจจนยากจะถอนได้
ตัวอย่างที่ 2
“นายวัฒน์” เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของบ้าน ลั่นไกสังหารบุพการีของตัวเอง พร้อมน้องชายอย่างโหดเหี้ยม โดยให้เหตุผลว่า พ่อแม่ไม่ยอมซื้อรถยนต์ให้ตามที่สัญญา หลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ถ้าพิจารณาอย่างถ่องแท้แล้ว เหตุผลนี้คงไม่เพียงพอที่ใครสักคน จะฆ่าพ่อแม่ตัวเองได้ เมื่อสาเหตุที่แท้จริงคือปมด้อยที่ “นายวัฒน์” รู้สึกมาตลอดว่า พ่อแม่ลำเอียง น้องชายได้รับการเอาใจใส่ และความอบอุ่น ส่วนตัวเองคือลูกชังที่ถูกดุด่าอยู่เป็นประจำ
“นายวัฒน์” คงคิดว่าการพยายามทำให้ดีที่สุด ด้วยการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่พ่อแม่มุ่งหวัง จะทำให้พ่อแม่รักตัวเองมากขึ้น เหมือนที่เอ็นดูน้องชาย แต่กลับกลายเป็นความสำเร็จที่ไร้ความหมายในสายตาพ่อแม่ เมื่อถูกปฏิเสธไม่ซื้อรถยนต์ให้ตามสัญญา จึงเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตัดสินใจทำผิดอย่างมหันต์ที่สุด สำหรับลูกมนุษย์คนหนึ่ง
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “เมื่อหนูไม่ใช่ลูกคนโปรดของพ่อแม่” คลิกหน้า 2
ตัวอย่างที่ 3
“นายเต้ย” วัย 22 ปี ก่อเหตุจ้างวานให้ผู้อื่นสังหารบุพการีของตัวเอง พร้อมพี่ชายสายเลือดเดียวกัน เพราะมรดกที่ดิน 100 กว่าล้าน เพราะปมด้อยที่ฝังรากลึกมานาน เขาจึงกลายเป็นลูกทรพี ที่สั่งฆ่าพ่อแม่ และพี่ชายของตัวเอง เมื่อมีความรู้สึกว่าพ่อแม่ลำเอียงรักพี่ชายมากกว่า เพราะพี่ชายดีกว่า เก่งกว่า และกำลังจะเป็นนายตำรวจอนาคตไกล พ่อแม่จึงภูมิใจมากกว่าเมื่อเทียบกับตนเอง จนมาถึงเรื่องการแบ่งมรดกที่ไม่เท่ากัน จึงทำให้เกิดเหตุน่าสลดนี้ขึ้น
เมื่อหนูไม่ใช่ลูกคนโปรดของพ่อแม่
หากย้อนไปในวัยเด็ก เชื่อว่าคุณพ่อ คุณแม่หลายคนคงเคยรู้สึกน้อยใจ ว่าทำไมตัวเองไม่ใช่ลูกคนโปรด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และมีผลวิจัยล่าสุดเปิดเผยว่า พ่อแม่ที่รักลูกไม่เท่ากัน อาจส่งผลให้ลูกมีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจในวัยเด็ก จนกลายเป็นอาการซึมเศร้า และส่งผลไปถึงตอนโตเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคนได้
พญ.สินดี จำเริญนุสิต กุมารแพทย์ ด้านพัฒนาการ และพฤติกรรม โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้พ่อแม่แสดงออกว่ารักลูกไม่เท่ากันนั้น มาจากรูปร่างหน้าตา บุคลิก และลักษณะนิสัยของลูก ซึ่งคุณพ่อ คุณแม่บางคนเข้าใจ และระมัดระวังไม่แสดงออกให้ลูกเห็น แต่สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ที่แสดงออก ทำให้ลูกเข้าใจว่ารักลูกไม่เท่ากัน ส่งผลต่อสุขภาพใจ และการแสดงออกทางพฤติกรรมของลูก
เด็กที่รู้สึกว่า พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน จะมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาสูง ทั้งพฤติกรรมต่อพี่น้อง และความสัมพันธ์ต่อพ่อแม่ เมื่อโตขึ้นอาจมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับคนอื่นด้วย เช่น ไม่ไว้วางใจ มองโลกในแง่ร้าย ถ้ามีพื้นฐานหรือประวัติซึมเศร้าอยู่แล้ว ก็อาจจะมีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าสูง
นอกจากนี้ ลูกคนโปรด หรือลูกรักก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้เช่นกัน เพราะได้รับการตามใจ เอาใจในทุกเรื่อง อยากได้อะไรพ่อแม่ก็หามาให้ เด็กก็อาจจะมีแนวโน้มเอาแต่ใจตัวเองสูง เพราะเขารู้ว่าตัวเองเป็นลูกรัก
ไม่ใช่กับทุกครอบครัวที่มีกรณีแบบนี้ ครอบครัวที่มีลูกวัยเข้าโรงเรียน และลูกเล็กที่ยังเป็นทารก คุณพ่อ คุณแม่อาจละเลยพี่คนโต เพราะต้องหันมาเอาใจใส่ลูกคนเล็กที่ยังดูแลตัวเองไม่ได้ จนบางครั้งอาจลืมมองถึงลูกคนโต ว่าเขาจะมีพัฒนาการอย่างไรต่อไป ไม่ใช่ความรักที่มีพ่อแม่มีให้ไม่เท่ากัน แต่เป็นความห่วงใยที่มีให้ลูกไม่เท่ากันต่างหาก เพราะลูกคนโตอาจเอาตัวรอดได้มากกว่าลูกคนเล็กนั่นเอง
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ “ความรัก ความลำเอียง และความเป็นกลาง” คลิกหน้า 3
ความรัก ความลำเอียง และความเป็นกลาง
นักวิจัยอเมริกันจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย พบว่า 70% ของพ่อแม่มักมี “ลูกรัก” ที่รักมากกว่าลูกคนอื่นๆ นักวิชาการเชื่อว่าพ่อแม่มีความรัก 2 มาตรฐาน เช่นเดียวกับนักวิชาการอังกฤษจากมหาวิทยาลัยบริสตอล ที่พบว่าพ่อแม่จะรักลูกคนโตมากกว่าคนเล็ก ลูกคนแรกจะได้รับการเอาใจใส่มากกว่า ได้รับการเลี้ยงดูดีกว่า ได้รับของขวัญที่มีค่ากว่า ส่งผลให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง มีไอคิวสูง เนื่องจากได้รับการเอาใจใส่
งานวิจัยนี้ยังยืนยันว่า ตามธรรมชาตินั้น พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน ทุกคนมี 2 มาตรฐาน แต่เป็นเรื่องยากที่พ่อแม่จะกล้ายอมรับ ว่ารักลูกไม่เท่ากัน แต่การแสดงออกจะเป็นสิ่งที่ “ลูกชัง” รู้สึกถึงความลำเอียงนั้นได้ไม่ยาก และนั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญหาต่างๆ ตามมาในอนาคต ทั้งต่อตัวลูก พ่อแม่ และสังคม
“ลูกรัก” ของพ่อ และแม่ อาจไม่ใช่คนเดียวกันเสมอไป บางครั้งพ่ออาจจะรักลูกคนโตมากกว่า ส่วนแม่อาจจะเอนเอียงไปทางลูกคนเล็ก บางครั้งอาจเป็นลูกสาว หรือลูกชายที่เป็น “ลูกรัก” ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างประกอบ เช่น ลูกคนไหนเหมือนพ่อแม่มากกว่ากัน ลูกคนไหนเข้าใจพ่อแม่ได้ดีกว่า ลูกคนไหนประสบความสำเร็จ เจริญรอยตาม หรือชดเชยในสิ่งที่พ่อแม่ทำไม่สำเร็จ ใครเข้มแข็งหรืออ่อนแอกว่ากัน ใครได้ดังใจ หรือทำให้พ่อแม่ปลื้มมากกว่ากัน เป็นต้น
กล้ายอมรับหรือไม่? ว่ารักลูกไม่เท่ากัน
“พี่น้องต้องรักกัน” เป็นประโยคที่พ่อแม่ทุกบ้านคอยปลูกฝังลูกตั้งแต่ยังเล็ก แต่ไม่มีพ่อแม่คนไหนยอมรับว่า สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกทะเลาะกัน มาจากพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน ไม่มีใครกล้าขุดคุ้ยให้เกิดรอยร้าวในครอบครัว ทั้งที่รู้กันอยู่แก่ใจว่า นั่นคือก้นบึ้งในจิตใจของพ่อแม่
นักเขียนชื่อดังชาวอเมริกัน เจฟฟรีย์ คลูเกอร์ อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส และนักเขียนอาวุโสนิตยสารไทม์ ใช้เวลาค้นคว้าศึกษานานหลายปี และเขียนหนังสือ “THE SIBLING EFFECT” ระบุว่า 95% ของพ่อแม่ทั่วโลกรักลูกไม่เท่ากัน และโอ๋ลูกคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ ขณะที่อีก 5% เป็นพวกโกหกตัวเอง พยายามห้ามไม่ให้ตัวเองแสดงออกว่าลำเอียง
จากผลการศึกษาแบบเจาะลึก ทำให้พบว่าลูกชายคนโต มักจะเป็นลูกคนโปรดของแม่โดยธรรมชาติ ขณะที่ลูกสาวคนเล็ก ซึ่งมีแนวโน้มขี้อ้อน มักจะเป็นลูกคนโปรดของพ่อ สำหรับลูกคนกลาง มักจะรู้สึกน้อยใจ ไม่ได้รับความรัก ความสนใจของพ่อแม่ มีผลวิจัยยืนยันว่า “ลูกคนกลางไม่มีวันได้เป็นลูกรัก”
ความเข้าใจของพ่อแม่จึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณพ่อ คุณแม่ เอ็นดูลูกต่างกันได้ แต่ต้องรักลูกให้เท่ากัน พูดให้ลูกเข้าใจว่าทำไมคุณพ่อ คุณแม่ต้องใส่ใจลูกอีกคนมากกว่า และไม่แสดงความลำเอียงให้ลูกเห็น จนน้อยใจ
เครดิต: LIEKR, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการออนไลน์, ไทยรัฐออนไลน์
อ่านเพิ่มเติม คลิก!!
สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ 15 สิ่ง เพื่อให้ลูกรู้ว่า “พ่อแม่รักลูก”
เลี้ยงลูกให้ “พี่น้องรักกัน” คุณเองก็ทำได้!
หนูต้องซื้อปาฏิหาริย์ราคาเท่าไหร่ ให้น้องหายป่วย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
Save
Save
Save