AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

“ลูกอ้วก” แบบไหน ควรพาไปโรงพยาบาล

“ลูกอ้วก” แบบไหน ควรพาไปโรงพยาบาล

เรื่องที่แม่ต้องรู้ ลูกอ้วก แบบนี้เมื่อไร อย่ารอช้า!! รีบนำตัวลูกส่งโรงพยาบาลโดยด่วน

 

 

ลูกอ้วก หรือลูกอาเจียนคืออาการปกติที่เด็ก ๆ ทุกคนหรือแม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเราก็เป็นได้ แต่หากอ้วกหรืออาเจียนมากเกินไป ย่อมไม่ส่งผลดีแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการต่าง ๆ เหล่านี้ร่วมด้วย บอกคำเดียวเลยค่ะว่า มีเมื่อไรอย่ารอช้า หนทางเดียวที่จะช่วยลูกให้พ้นขีดอันตรายได้คือ การนำตัวลูกส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

ซึ่งอาการที่ว่านี้ จะมีอะไรบ้างนั้น ทีมงาน Amarin Baby and Kids ได้เตรียมข้อมูลเอาไว้คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านได้รับทราบกันแล้วค่ะ พร้อมวิธีการดูแลที่ถูกต้อง

คุณพ่อคุณแม่คะ ทราบหรือไม่คะว่า การที่ ลูกอ้วก หรืออาเจียนนั้น เกิดได้จากหลากหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งบางอย่างก็อาจเป็นอันตรายถึงขั้นทำให้ลูกเสียชีวิตได้เลยละค่ะ ถามว่าทำไม สาเหตุเพราะอาเจียนนั้นไม่ใช่โรค แต่เป็นอาการนำของโรคอื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น ไข้สมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เนื้องอกในสมอง เบาหวาน หรือความดันสูงในสมอง เป็นต้น

สมองของลูกสั่งให้ ลูกอ้วก ได้จริง ๆ หรือ

คำตอบคือ จริงค่ะ ซึ่งอาการอาเจียนที่ว่านี้ ถูกควบคุมโดยสมอง สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ศูนย์ด้วยกัน คือ
  1. ศูนย์อาเจียน – เป็นตัวทำหน้าที่ควบคุมและสั่งร่างกายให้เกิดการอาเจียน โดยเมื่อไรก็ตามที่ร่างกายได้รับการกระตุ้นจากภายนอก เช่น จากทางเดินอาหาร และส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จากอวัยวะที่ควบคุมการทรงตัวภายในหูชั้นใน ซึ่งเกี่ยวกับอาการเมารถเมาเรือ
  2. ศูนย์ซีทีแซด (CTZ) จะได้รับการกระตุ้นจากศูนย์อาเจียน หลังจากนั้นจะส่งสัญญาณประสาทออกจากศูนย์ไปยังกะบังลม ทำให้กำบังลมบีบตัว ส่งสัญญาณไปยังกล้ามเนื้อหน้าท้อง ทำให้เกิดอาการเกร็ง และไปยังกระเพาะอาหาร หลอดอาหาร ทำให้คลายตัว ทำให้เศษอาหารนั้นถูกผลักดันออกจากปาก และเกิดการเจียนในที่สุด

สาเหตุที่ทำให้ลูกอ้วก คืออะไร?

1. สาเหตุที่ทำให้ ลูกอ้วก หรืออาเจียนส่วนใหญ่แล้วเกิดจากโรค หรือความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร การอุดตันของกระเพาะ ลำไส้ หรือมีการอักเสบของทางเดินอาหาร
2. เกิดภาวะการติดเชื้อในตำแหน่งต่าง ๆ ของร่างกาย โรคติดเชื้อเฉียบพลันในเด็ก
3. เกิดจากโรคของสมองและระบบประสาทที่กระตุ้นศูนย์ควบคุมการอาเจียนโดยตรง อาการอาเจียนจากสมอง มักทำให้อาเจียนพุ่ง
4. ยา สารพิษ หรืออาหารบางชนิดก็ทำให้อาเจียนได้ ยกตัวอย่างเช่น ยาสลบ ยารักษามะเร็ง
5. สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบ สาเหตุทางกายอื่น ๆ เช่น ไข้สูง ไซนัสอักเสบ คออักเสบ ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ รับประทานอาหารมากเกินไป
6. สำหรับปัญหาทางศัลยกรรมที่ควรคิดถึง ได้แก่ โรคไส้ติ่งอักเสบ
7. ในกรณีที่อาเจียนติดต่อกันรุนแรงควรนึกถึงภาวะความดันในสมองสูง และโรคไมเกรนด้วยเสมอ ในผู้ป่วยที่มีอาเจียนพุ่ง โดยเฉพาะเวลาหลังตื่นนอน ร่วมกับมีอาการปวดศีรษะ ชัก กระหม่อมโป่งตึง หัวโต ให้คุณพ่อคุณแม่คิดถึงโรคทางสมองก่อนเลยค่ะ หากไม่มั่นใจว่าลูกเป็นหรือไม่แนะนำให้พาลูกไปตรวจเช็กอย่างละเอียดดีที่สุดค่ะ

ลูกอ้วกแบบนี้ รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล

หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นว่า ลูกอาเจียนและมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย อย่ารอช้าค่ะ รีบพาไปพบแพทย์ทันที

ลูกมีอาการคอแข็งเกร็ง พร้อมกับมีไข้สูง อาจเป็นอาการหนึ่งของสมองได้รับการติดเชื้อ ไข้สมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ฯลฯ หรืออาจเกิดจากการมีก้อนเนื้องอกในสมอง หรือเลือดออกในสมองจากอุบัติเหตุ หรือเส้นโลหิตแตกในสมอง ก็เป็นได้
ท้องบวมและนุ่ม
ลูกหายใจติดขัด หรือหายใจไม่ออก
ภาวะร่างกายขาดน้ำ วิธีการสังเกตคือ ตาลึก เป็นไข้หนาวสั่น ผิวหนังแห้ง ชีพจรเต้นเร็ว โซเซ เวียนศีรษะ หรือสติเลื่อนลอย เป็นต้น
ปวดท้อง โดยเฉพาะปวดท้องไล่จากบริเวณสะดือลงไปถึงท้องส่วนล่างทางด้านขวา อาจเป็นสัญญาณของไส้ติ่งอักเสบ
อาเจียนเป็นน้ำดี (ของเหลวสีเขียว) หรือมีเลือดสีน้ำตาลเข้มปน หากเป็นกรณีนี้ ควรเก็บตัวอย่างอาเจียนไปด้วย เพราะแพทย์อาจจำเป็นต้องใช้ในการวินิจฉัย
อาเจียนมากกว่า 1 ครั้ง หลังจากศีรษะถูกกระแทก

สำหรับในกรณีที่ลูกเป็นเด็กเล็ก หรือมีอายุต่ำกว่า 6 เดือน เมื่อไรก็ตามที่มีการอาเจียนหรือท้องเสียค่อนข้างมาก ควรพบแพทย์โดยเร็ว เพราะอาจเกิดอันตรายจากการขาดน้ำหรือการติดเชื้อรุนแรงได้ง่ายค่ะ

ทารกอ๊วกอย่าชะล่าใจ

วิธีการดูแลลูก

ในกรณีที่ลูกอ้วกหรืออาเจียนนั้น ให้คุณพ่อคุณแม่คอยดูแลลูกด้วยวิธีดังต่อไปนี้ค่ะ

ขอบคุณที่มา: Bangkok Health Research Center

บทความโดย: กองบรรณาธิการ Amarin Baby and Kids

อ่านต่อบทความอื่นที่น่าสนใจ:

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids