การฉีดวัคซีนเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ทารกแรกเกิดไปจนถึงอยู่ 12 ปี สำหรับ สำหรับเด็กในวัย 4 ปีขึ้นไป แม้ลูกจะมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ แต่ก็ยังคงมีวัคซีนจำเป็นที่ลูกควรจะได้รับต่อเนื่อง หรือวัคซีนเสริมอื่น ๆ วัคซีน 4 ขวบ มีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ
วัคซีน 4 ขวบ ที่ควรพาลูกไปฉีดให้ครบ
ในวัคซีนแต่ละชนิดสร้างมาจากไวรัสหรือแบคทีเรียที่ถูกทำให้สิ้นฤทธิ์ด้วยกรรมวิธีทางการแพทย์จนไม่สามารถก่อให้เกิดโรค การฉีดวัคซีนช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคร้ายๆ ได้ในอนาคต
วัคซีน 4 ขวบ – 6 ปี ลูกควรจะได้รับวัคซีนจำเป็น
- วัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรนชนิดทั้งเซลล์ ครั้งที่ 5 (DTP5) วัคซีนชนิดทั้งเซลล์ ผลิตจากเชื้อและพิษของเชื้อที่ผ่านขั้นตอนการทำให้หมดฤทธิ์ในการก่อโรคเช่นเดียวกับวัคซีนชนิดอื่น ๆ มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคสูงหากได้รับวัคซีนครบตามกำหนด แต่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้บ้าง เด็กที่ฉีดวัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ครบ 5 ครั้งแล้ว ควรฉีดวัคซีนบาดทะยัก-คอตีบ เมื่อมีอายุ 12-16 ปี จากนั้นให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันซ้ำทุก 10 ปี*
- วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดหยอด ครั้งที่ 5 ( OPV5) วัคซีนชนิดนี้มาจากเชื้อโปลิโอที่มีชีวิตซึ่งผ่านกระบวนการทำให้เชื้อมีฤทธิ์อ่อนลงและไม่ก่อให้เกิดอาการกับผู้ที่รับวัคซีนชนิดนี้ โดยใช้เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยการเลียนแบบการติดเชื้อแบบธรรมชาติ ทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันมากขึ้น วัคซีนชนิดกินจะทำให้ผู้รับวัคซีนมีภูมิคุ้มกันทั้งในลำไส้และในเลือด อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีการพบว่าวัคซีนชนิดนี้อาจก่อให้เกิดการกลายพันธุ์และทำให้เกิดโรคได้ บางประเทศจึงหันมาใช้วัคซีนชนิดฉีดแทนเพื่อความปลอดภัย** (การให้วัคซีนป้องกันโปลิโอเกินกว่าที่กำหนดไม่มีข้อเสีย สามารถนำลูกมารับวัคซีน OPV เพิ่มในช่วงที่มีการรณรงค์หยอดวัคซีนเพื่อกวาดล้างโปลิโอได้)
- วัคซีนป้องกันโรคหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน ครั้งที่ 2 (MMR2) ลูกควรได้รับวัคซีนครั้งแรกเมื่ออายุ 9-12 เดือน และครั้งที่ 2 อายุ 4-6 ปี กรณีที่มีการระบาดหรือสัมผัสโรคอาจฉีดเข็มที่ 2 เร็วขึ้นก่อนอายุ 4 ปีก็ได้ โดยต้องห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน
วัคซีน 4 ขวบ อื่น ๆ ที่อาจให้เสริมหรือทดแทน
- วัคซีนป้องกันโรคคอตีบและบาดทะยักชนิดไร้เซลล์ (DTap หรือ Tdap) สามารถเริ่มฉีดเมื่อมีอายุ 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน 5 ปี และ 4-6 ปี โดยวัคซีนชนิดนี้ผลิตจากพิษของเชื้อคอตีบและบาดทะยักที่ผ่านขั้นตอนการทำให้หมดฤทธิ์ในการก่อโรคผสมกับเชื้อไอกรนที่ผ่านการแยกบริสุทธิ์ ทำให้มีผลข้างเคียงจากการฉีดน้อย รวมทั้งมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพป้องกันสูงหากได้รับวัคซีนครบตามกำหนด แต่ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคของวัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรนชนิดไร้เซลล์จะลดลงหลังจากผ่านไปแล้ว 5-10 ปี จึงควรฉีดวัคซีนคอตีบ-บาดทะยักสำหรับผู้ใหญ่เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันซ้ำอีกครั้งเมื่อมีอายุประมาน 10-18 ปี*
- วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดฉีด (IPV) เป็นวัคซีนที่ลูกควรได้รับให้ครบ 5 ครั้ง ตั้งแต่อายุ 2, 4, 6,18 เดือน และกระตุ้นอีกครั้งตอนอายุ 4-6 ปี วัคซีนชนิดนี้ที่ทำมาจากเชื้อโปลิโอที่ตายแล้ว จึงมีความปลอดภัยสูงกว่าชนิดกิน และทำให้มีภูมิคุ้มกันโรคนี้ในเลือดสูงขึ้น โดยปัจจุบันวัคซีนโปลิโอจะถูกรวมไว้ในวัคซีนรวมที่จะต้องฉีดให้กับเด็กแรกเกิดเป็นหลัก และในหลาย ๆ ประเทศก็มีการใช้วัคซีนชนิดนี้เป็นหลักแทนชนิดกิน เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง แต่ข้อเสียคือมีราคาแพงกว่า**
- วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบเอ (HAV) เริ่มให้ในอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป การฉีดวัคซีนจะฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 6 เดือน
- วัคซีนอีสุกอีใส (VZV) ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป แพทย์จะแนะนำให้เริ่มฉีดเข็มแรกเมื่ออายุ 12-18 เดือน และ วัคซีน 4 ขวบ ฉีดเข็มที่สองได้ หรือระหว่างอายุ 4-6 ปี ในกรณีที่มีการระบาดของโรคสามารถฉีดเข็มที่ 2 ก่อนอายุ 4 ปีได้ แต่ต้องทิ้งระยะห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน หรือสามารถใช้วัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน และอิสุกอิใส (MMRV) โดยใช้ฉีดแทนวัคซีนอีสุกอีใสแบบเดี่ยวได้ เริ่มฉีดในเด็กอายุตั้งแต่ 1-12 ปี
- วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ สามารถฉีดวัคซีนป้องกันได้ในเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปถึง 18 ปี และควรฉีดซ้ำทุกปี เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีต่อเชื้อไข้หวัดใหญ่มักอยู่ไม่นาน และเชื้อไข้หวัดใหญ่มักกลายพันธุ์ได้ในช่วงระยะเวลาไม่นานด้วย ทำให้สายพันธุ์ที่ระบาดในแต่ละปีไม่เหมือนกัน จึงควรที่จะให้ลูกได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในทุกปี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ปรับให้เหมาะสมกับเชื้อใหม่และป้องกันไข้หวัดได้อย่างต่อเนื่อง
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่