เลือกหนังสือให้ลูก …เพราะการอ่านถือเป็นพื้นฐานของการพูด และการเขียน มีคนตั้งหลายคนเคยประสบความสำเร็จในชีวิตได้ด้วยการอ่านหนังสือ ยิ่งอ่านมากยิ่งได้เปิดโลกทัศน์มาก และยิ่งอ่านมากเราจะยิ่งมีคลังคำศัพท์มากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เด็กที่ได้ปลูกฝังนิสัยรักการอ่านตั้งแต่เด็ก เขาจะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่รักการอ่านด้วย
การอ่านหนังสือภาพพร้อมเล่าเรื่องนั่นมีประโยชน์มากมายกับลูก ทั้งช่วยในการส่งเสริมพัฒนาการลูกและความสัมพันธ์ ความอบอุ่น และช่วยพัฒนาสมองให้ให้เกิดความรู้และพัฒนาการสูงมาก เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว Amarin Baby & Kids จึงขอแนะนำวิธีการเลือกหนังสือให้ลูก เพื่อให้ลูกรักของคุณพ่อคุณแม่ได้อ่านหนังสือที่ดี เสริมสร้างพัฒนาการ และเหมาะสมกับวัยของเขาค่ะ
เทคนิค เลือกหนังสือให้ลูก อย่างฉลาด เหมาะกับวัย
♠ 6 เดือน – ขวบครึ่ง : ชวนดูชวนจับหนังสือสวย
เด็กวัยนี้ยังอ่านหนังสือเองไม่ได้และไม่เข้าใจเรื่องราวที่เป็นเหตุเป็นผลเท่าใดนัก หลักการเลือกหนังสือจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเนื้อหา แต่เน้นที่ภาพประกอบ สี ผิวสัมผัส และความทนทาน โดยภาพประกอบต้องสวยงาม มีสีสันสดใสและมีพื้นผิวหลากหลายให้เด็กได้จับ ลูบ ขยำ เช่น อาจเป็นหนังสือรวมภาพสัตว์ที่มีขนนุ่มนิ่ม หรือหนังสือรวมภาพของใช้ในชีวิตประจำวันที่จำลองพื้นผิวของวัสดุต่างๆ เพื่อดึงดูดความสนใจ กระตุ้นประสาทสัมผัสของเด็ก และสอนคำศัพท์ให้เด็กไปด้วยในตัว และควรมีความทนทานเป็นพิเศษ เพราะเด็กน้อยยังกะประมาณน้ำหนักมือไม่ได้ เวลาเขาหยิบคว้าหนังสือแรงๆ จึงอาจทำให้หนังสือขาดเสียหายได้
อ่านต่อ >> “เทคนิคเลือกหนังสือให้ลูกอย่างฉลาดเหมาะกับวัย” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
♦ ขวบครึ่ง – 3 ขวบ : ชวนฟังนิทานก่อนนอน
เพราะเด็กวัยนี้คุณพ่อคุณแม่เริ่มพาเขาไปเที่ยวเพื่อหาประสบการณ์นอกบ้านมากขึ้นแล้ว เรื่องราวในหนังสือจึงต้องเริ่มกว้างขึ้น ไม่ใช่แค่คำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์หรือสิ่งของรอบตัวอย่างที่ผ่านมา นอกจากนี้เขายังชอบฟังนิทาน คุณพ่อคุณแม่จึงควรเลือกหนังสือนิทานที่มีภาพสวยงามและมีเรื่องราวง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ให้เป็นเหมือนนิทานก่อนนอนที่จะเล่าให้เขาฟังทุกคืน อาจเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน เรื่องราวที่ตัวละครมีปฏิสัมพันธ์กับสังคม นิทานเกี่ยวกับคุณลักษณะสิ่งของ เช่น สี รูปทรง หรือผิวสัมผัส หรือนิทานคำกลอนที่มีคำคล้องจองต่างๆ เพื่อให้เขาจดจำและร้องเล่นตามได้ง่าย
Must read : รวมนิทาน เรื่องสั้น รูปแบบ MP3 สำหรับเด็ก
◊ หนังสือลูกเล็กต้องซื้อมากแค่ไหน?
หนังสือนิทานสำหรับเด็กวัย 1-3 ขวบเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่ไม่จำเป็นต้องซื้อหลายสิบหลายร้อยเล่มค่ะ เพียงเลือกซื้อตามกำลังทรัพย์และความเหมาะสม เพราะเด็กวัยนี้ชอบอ่านเรื่องซ้ำๆ อยู่แล้ว เพียงเลือกนิทานที่มีภาพสวยงาม และเนื้อเรื่องหลากหลายน่าประทับใจ เขาจะอ่านซ้ำๆ และท่องจำจนขึ้นใจ เพียงเท่านี้ก็สร้างแรงบันดาลใจให้เขากลายเป็นนักอ่านตัวน้อยได้แล้ว
♥ 4-6 ขวบ : ชวน (หัด) อ่านนิทานสนุก
เด็กวัยนี้จะต้องเริ่มเข้าเรียนในระดับชั้นอนุบาลแล้ว นิทานที่เหมาะจึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการอยู่ในสังคมภายนอก เช่น เรื่องราวภายในโรงเรียน นิทานเสริมสร้างคุณธรรม หรือนิทานเสริมสร้างสุขลักษณะนิสัย เช่น การแบ่งปัน การไม่ขโมยของเพื่อน การล้างมือ การเข้าห้องน้ำ การอาบน้ำแปรงฟัน หรือการกินอาหาร เพื่อให้เขารู้จักการอยู่ร่วมกับผู้อื่น รู้วิธีรักษาความสะอาด รู้กฎระเบียบ และช่วยเหลือตนเองได้เมื่ออยู่ในโรงเรียน ซึ่งการใช้คาแรกเตอร์ตัวละครในหนังสือจะได้ผลดีกว่าการพูดพร่ำอบรมสั่งสอนลูกน้อยโดยตรง นอกจากนี้เด็กๆ วัยนี้ยังชอบเล่นบทบาทสมมุติและชอบจินตนาการแฟนตาซี เขาจึงชอบหนังสือนิทานแนวเทพนิยายหรือซูเปอร์ฮีโร่อีกด้วย
Must read : “อ่านให้ฟัง” หรือ “อ่านเอง” ถูกใจวัยช่างพูดทั้งนั้น
อ่านต่อ >> “วิธีเลือกหนังสือให้ลูกอย่างฉลาดเหมาะกับวัย” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
♣ 7-9 ขวบ : ชวนเลือกชวนอ่าน
หนังสือสำหรับเด็กวัยนี้อาจมีตัวหนังสือเยอะขึ้น มีรูปภาพน้อยลง แต่ควรใช้ภาษาที่อ่านเข้าใจง่าย และตัวหนังสือไม่แน่นจนเกินไป อาจเป็นนิทานที่มีเนื้อเรื่องยาวขึ้น เรื่องสั้น นวนิยายขนาดสั้น หรือหนังสือสารคดีตามความสนใจของเด็ก เพื่อสร้างนิสัยใฝ่รู้ ให้เขาเรียนรู้ว่าหากเขาอยากรู้หรือสนใจเรื่องใด ก็สามารถหาคำตอบได้จากหนังสือ และเนื่องจากเด็กวัยนี้เริ่มมีความสนใจแตกต่างไปตามเพศของตนเอง เด็กผู้ชายจึงชอบหนังสือนิทานแนวผจญภัย ส่วนเด็กผู้หญิงอาจชอบนิทานเกี่ยวกับเพื่อน โรงเรียน หรือเทพนิยาย คุณพ่อคุณแม่จึงควรเริ่มพาเขาไปร้านหนังสือและให้เลือกหนังสือตามความสนใจของตัวเอง เด็กบางคนอาจเลือกได้ดี เหมาะสมกับความสามารถในการอ่านของเขา และตรงกับความสนใจของตนเอง
ซึ่งการเลือกหนังสือได้ดีจะยิ่งส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน เพราะเด็กจะอ่านหนังสืออย่างสนุกสนานได้จนจบ ทำให้เขาอยากอ่านหนังสือเล่มต่อๆ ไป แต่เด็กบางคนที่ยังไม่รู้ชัดเจนว่าตนเองสนใจเรื่องใด ก็อาจเลือกเพียงเพราะสนใจรูปบนหน้าปกหรือของเล่นที่มากับหนังสือเท่านั้น คุณพ่อคุณแม่จึงมีหน้าที่ให้คำแนะนำ และช่วยวางแผนให้เขาอ่านหนังสือเล่มที่เลือกให้ได้จนจบ อาจแบ่งอ่านวันละ 1 ตอน หรือวันละไม่กี่หน้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เขาไม่รู้สึกท้อและเลิกอ่านหนังสือไปกลางคัน
Must read : การอ่านที่แท้จริงคืออะไร
⊕ 9-12 ขวบ : อิสระเลือก อิสระอ่าน
เด็กวัยนี้จะรู้สิ่งที่ตัวเองสนใจอย่างชัดเจน เมื่อพาลูกไปร้านหนังสือจึงควรมีข้อตกลงกับเขาว่า คุณพ่อคุณแม่จะให้เขาเลือกหนังสือเล่มที่ชอบที่สุดได้กี่เล่ม และอาจให้คำแนะนำวิธีการเลือกหนังสือ เช่น ควรลองอ่านก่อนสัก 1 บทเพื่อดูว่าถูกใจจริงๆ ไหม หรือหากเป็นหนังสือห่อพลาสติกที่ไม่สามารถเปิดอ่านได้ก็ควรอ่านจากปกหน้าและปกหลังก่อน และสอนให้ลูกหยิบจับหนังสืออย่างทะนุถนอม แม้เราจะเลือกซื้อหรือไม่ก็ตาม แล้วให้เวลาเขาค่อยๆ ดู ค่อยๆ เลือกด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ เขาจะได้ไตร่ตรองความสนใจของตัวเอง และเลือกหนังสือที่ใช่ได้ตรงใจที่สุด
สุดท้ายนี้อาจารย์สุธาวัลย์ฝากไว้ว่า “นิสัยรักการอ่านจะเกิดขึ้นได้ ต่อเมื่อเขารู้สึกสนุกกับการอ่านหนังสือ ดังนั้นจึงควรเลือกหนังสือของลูกให้เหมาะกับวัยและตรงกับความสนใจของเขา นอกจากนี้การเล่านิทานและชวนลูกพูดคุยหรือตั้งคำถามยังต้องใส่ลีลาหรือความตื่นเต้นเข้าไปบ้าง เพื่อให้ลูกตื่นเต้นหรือลุ้นไปตามเรื่องราว เพราะหากคุณพ่อคุณแม่เร่งแต่จะให้เขาอ่านออกเขียนได้ แล้วเด็กเกิดความเบื่อหน่าย ไม่สนุกสนาน เขาก็จะไม่ได้อะไรจากหนังสือเล่มนั้น แถมยังมีทัศนคติไม่ดีกับการอ่านติดตัวไปจนโต แตกต่างจากเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ให้อิสระในการเล่น เล่านิทานสนุกๆ ให้ลูกฟัง ชวนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เด็กจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายและจดจำได้เอง เมื่อถึงวัยที่ต้องเรียนอ่านเขียน แม้จะเริ่มช้ากว่าเด็กคนอื่นแต่ใช้เวลาไม่นานก็ตามทันเพื่อน ไม่ได้มีปัญหาพัฒนาการล่าช้าแต่อย่างใดเลยค่ะ”
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!
- วิธีสร้างลูกน้อยรักการอ่าน 8 step
- รวมชุดหนังสือนิทานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
- 20 เคล็ดลับสร้างลูกรักให้เป็นนักอ่านตัวน้อย
เรื่อง : ดร.สุธาวัลย์ หาญขจรสุข สถาบันวิจัยและพัฒนาการศึกษาพิเศษ (ศูนย์พัฒนาอัจฉริยภาพเด็ก) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร