AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

สิ่งที่ต้องสอนลูกก่อนวัย 3 ขวบ เพื่อเตรียมตัวก่อนเข้าโรงเรียน

เตรียมลูกเข้าอนุบาล

เตรียมลูกเข้าอนุบาล …คุณพ่อคุณแม่สงสัยกันบ้างไหมคะว่า ก่อนที่ลูกจะถึงวัย 3 ขวบหรือก่อนที่ลูกจะเข้าโรงเรียนนั้น เราจะต้องฝึกสอนลูกในเรื่องใดก่อนบ้าง จึงจะให้ลูกอยู่ร่วมกับเพื่อนๆ หรือสังคมรอบข้างได้

สิ่งที่ต้องสอนลูกก่อนวัย 3 ขวบ เพื่อ เตรียมลูกเข้าอนุบาล

ซึ่งลูกในวัย 3 ขวบของคุณแม่คุณพ่อ อาจนับเลข 1 – 30 หรือจำคำศัพท์ได้บ้างแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ จำเป็นไหมที่ควรสอนให้เขาอ่านเขียนก่อนเข้าโรงเรียน คำตอบ คือ ไม่จำเป็นเลย เพราะเด็กส่วนใหญ่จะเข้าใจภาษาและตัวเลขได้ก็ต่อเมื่ออายุ 5 ขวบขึ้นไป ดร.แอน เอฟสเตน ผู้อำนวยการแผนกเด็กเล็ก มูลนิธิวิจัยเพื่อการศึกษาระดับสูง ใน Ypsilanti มิชิแกน แนะนำว่าถ้าพ่อแม่ไปเร่งลูกตอนที่ยังไม่ถึงเวลา เขาจะรู้สึกฝืนและไม่อยากทำŽ แล้วเด็กในวัยนี้รู้อะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ

สอนลูกก่อนเข้าอนุบาล

เด็ก 3 ขวบ สิ่งที่ทำได้


√ วิธีช่วยเสริมสร้างทักษะ

เด็ก 4 ขวบสิ่งที่ทำได้

√ วิธีเสริมสร้างทักษะ : เมื่อคุณอ่านหนังสือกับลูก ออกเสียงให้เขาฟังว่ากากับไก่มีเสียงต่างกันอย่างไรจะช่วยให้ลูกแยกความแตกต่างของคำได้

เด็ก 5 ขวบสิ่งที่ทำได้

√ วิธีเสริมสร้างทักษะ

7 พื้นฐานสำคัญ ก่อน เตรียมลูกเข้าอนุบาล

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเลี้ยงลูกในวัยไม่เกิน 3 ขวบ มีความสำคัญมาก เพราะมีการศึกษาพบว่า ความสามารถและอุปนิสัยของคนนั้น ส่วนใหญ่จะก่อรูปเรียบร้อยระหว่างอายุ 0-3 ขวบ หากพ้นจากวัยนี้ไปแล้วการปูพื้นฐานการเรียนรู้หลาย ๆ อย่างก็อาจฝึกได้ยากขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ ค่ะ ฉะนั้นหากคุณพ่อคุณแม่ไม่อยากได้ยินคำว่า “รอให้ถึงอนุบาลก็สายเกินไปแล้ว”

การปูพื้นฐานการเรียนรู้หลายๆ ให้กับลูกก่อนอายุ 3 ขวบ หรือวัยก่อนไปโรงเรียน จึงเรียกได้ว่าเป็นโอกาสทองที่คุณแม่จะต้องเติมเต็มและสอนสิ่งที่ควรรู้ตามวัยให้เจ้าตัวเล็กค่ะ Amarin Baby & Kids จึงขอแนะนำกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะนำมาฝึกหัดให้กับลูกน้อยของคุณก่อนไปโรงเรียนมาฝากกันค่ะ

อ่านต่อ >> “7 ทักษะสำคัญ เตรียมลูกก่อนเข้าอนุบาล” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

1. สอนให้ลูกช่วยเหลือตนเอง

อันดับแรกที่ควรเริ่มฝึก คือ การช่วยเหลือตัวเองในชีวิตประจำวันให้สามารถทำได้เอง เช่น เข้าห้องน้ำ ล้างมือ ล้างก้นเองได้ ใส่หรือถอดเสื้อผ้าได้เอง กินข้าวได้เอง รวมทั้งอื่นๆ อีกมากมายค่ะ คุณแม่ลองค่อยๆ คิด เรื่องไหนที่ควรฝึกให้ลูกน้อยรู้จักช่วยตนเองให้ได้มากที่สุดก่อนจะถึงวัยที่เขาต้องเข้าเรียน เพื่อให้ลูกใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเองเมื่ออยู่ที่โรงเรียน

2. การใช้/พัฒนาประสาทมือ

ก่อนที่ลูกจะเข้าโรงเรียน ประสาทสัมผัสต่างๆ ทั้ง หู ตา และมือ จะต้องได้รับการพัฒนาให้แข็งแรง แล้วสมอง ก็จะพัฒนาตามไปด้วย ทั้งนี้อุปกรณ์ที่ช่วยพัฒนาประสาทมือของลูกน้อยให้แข็งแรงก็คือ ของเล่น ซึ่งเด็กๆ ชอบอยู่แล้ว เมื่อเด็กได้สัมผัสของเล่นทั้งสองมือ สมองทั้งสองซีกก็จะได้รับการพัฒนาไปด้วย

นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ยังต้องเตรียมเรื่องการสอนเจ้าตัวเล็กให้รู้จักคำศัพท์ที่ใช้เรียกสิ่งของรูป ร่าง ขนาด จำนวน ตำแหน่ง และทิศทาง หรือาจะฝึกประสาทตากับมือให้สัมพันธ์กัน เพื่อเป็นพื้นฐานทางด้านการเขียนต่อไปในอนาคต

-----> บทความแนะนำน่าอ่าน : กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก เพื่ออนาคตที่ดีของลูกน้อย

3. ฝึกเชาว์ปัญญา สมาธิต้องไม่สั้น

ให้คุณพ่อคุณแม่หากิจกรรมสุดโปรดทำร่วมกันกับลูก ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง อาจเริ่มจากเพลงที่มีทำนอง จังหวะ และภาษาง่าย ๆ รวมไปถึงการอ่านหนังสือ หรือนิทานให้ลูกฟังบ่อยๆ เวลาไหนก็ได้แต่ถ้าก่อนนอนจะดีที่สุด ทั้งยังถือเป็นการเสริมทักษะการฟัง และความเข้าใจเรื่องราวให้ลูกน้อยได้อีกด้วย และที่สำคัญยังเป็นการฝึกในเรื่องของสมาธิให้ลูกในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดีต่อไปในอนาคต

-----> บทความแนะนำน่าอ่าน : เทคนิคดูแลเรื่องเรียน เมื่อลูกสมาธิสั้น
เตรียมพร้อมก่อนเข้าอนุบาล

4. เรียนรู้การเข้าสังคม

การอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ในสังคมก็ต้องฝึก และให้เด็กๆได้เรียนรู้ก่อนไปโรงเรียน เพราะจะได้การช่วยเตรียมภูมิต้านทานให้ลูกพร้อมเผชิญโลกกว้างที่กำลังจะเข้าไปสัมผัส รวมทั้งการฝึกฝนพฤติกรรมดี ๆ ที่ต้องมีเพื่อเข้าสู่สังคมของโรงเรียน เช่น การรู้จักการแบ่งปัน การรู้จักระเบียบวินัย การเข้าแถว หรือการรู้จักดูซ้ายดูขวาทุกๆ ครั้งก่อนข้ามถนน เป็นต้น

-----> บทความแนะนำน่าอ่าน : Socialize Study ทำอย่างไรให้เด็กเข้าสังคมได้ และไม่กลัวคน

อ่านต่อ >> “ทักษะสำคัญ เตรียมลูกก่อนเข้าอนุบาล” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

5. ฝึกทักษะการสื่อสาร

ทั้งในเรื่องของ ภาษา การฟัง และความเข้าใจในการสื่อสาร พ่อแม่ต้องสอนให้เด็กรู้จักบอกความต้องการของตัวเองได้เพราะถ้าอยู่บ้านก็คงไม่จำเป็น แต่ที่โรงเรียนคงไม่ใช่อย่างนั้น โดยเริ่มต้นฝึกง่ายๆ ด้วยการให้ลูกสามารถพูดได้ว่า ต้องการหรือไม่ต้องการอะไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร เช่น ถ้ามีเพื่อนมาแย่งของเล่นของลูกแล้ว ลูกจะต้องพูดโต้ตอบเพื่อนอย่างไร

ต้องลองเริ่มฝึก ถ้าลูกสามารถบอกความต้องการของตนเองกับคนอื่นๆ ได้แล้ว เขาก็สามารถปรับตัวให้เข้าสถานที่ใหม่ ๆ อย่างโรงเรียนได้เร็วยิ่งขึ้น และยังลดพฤติกรรมก้าวร้าวต่างๆ ลงได้อีกด้วย เพราะไม่รู้จักเทคนิคการสื่อสาร เช่น เวลาที่เห็นเพื่อนเล่นของเล่น แทนที่จะพูดขอเล่นด้วยดีๆ กลับเข้าไปแย่งจากเพื่อนเอาดื้อๆ เลย ถ้ามีพฤติกรรมอย่างนี้บ่อยๆ วุ่นวายไม่จบไม่สิ้นแน่นอนค่ะ

6. ไม่เป็นเด็กเอาแต่ใจ

นิสัยเอาแต่ใจอาจใช้ได้แค่ในบ้าน แต่หากลูกต้องเข้าโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยฝึกสอน เรื่องการลดความเอาแต่ใจของลเจ้าตัวเล็กให้ได้ ซึ่งในเด็กเล็กอาจค่อนข้างทำได้ยาก คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็นและให้โอกาสลูกมาก ๆ ต้องปรับเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มง่ายๆ เช่น ปู่ย่าตายายที่มักโอ๋เด็ก คิดว่าหลานยังเล็ก ไม่เป็นไรปล่อยไปก่อน เดี๋ยวเข้าโรงเรียนแล้วค่อยมาฝึก ซึ่งการทำแบบนี้จะยิ่งทำให้นิสัยเอาแต่ใจติดเป็นความเคยชิน เมื่อโตขึ้นก็จะแก้ไขยากมากๆ ดังนั้นการเลี้ยงเด็กต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งบ้านจึงจะถูกต้องค่ะ

-----> บทความแนะนำน่าอ่าน : ให้ใครเลี้ยงลูกดี? พี่เลี้ยงหรือปู่ย่าตายาย

7. รู้จักมีความรับผิดชอบ

ก่อนเข้าโรงเรียนคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องสอนให้ลูกรู้จักรับผิดชอบหน้าที่บางอย่างในบ้าน เช่น ช่วยรดน้ำต้นไม้ ช่วยหยิบไม้หนีบผ้าตอนที่แม่ตากผ้า ช่วยถูพื้นเล็กๆ น้อยๆ ฯลฯ และหากคุณพ่อคุณแม่ทำงานอะไร ก็สามารถมอบหมายหน้าที่เล็กๆ น้อยๆ ให้ลูกน้อยช่วยได้ เพราะเด็กแทบทุกคนอยากมีส่วนร่วมในกิจกรรมของพ่อแม่อยู่แล้ว แม้ในระยะเริ่มต้นที่ให้เด็กลองทำอาจจะทำให้งานได้ช้าหรือเสี่ยงสกปรก เสียเวลาไปบ้าง แต่ก็คุ้มค่าที่จะฝึกนิสัยความรับผิดชอบ เพราะเมื่ลูกโตขึ้นก็จะสามารถรับผิดชอบหน้าที่ช่วยตัวเองและช่วยครอบครัวได้

-----> บทความแนะนำน่าอ่าน : ชีวิตลูกต้อง (ฝึกให้) ลูกรับผิดชอบเองได้

ชวนเช็คลิสต์ เตรียมความพร้อมก่อนเปิดเทอม

ก่อนจะพาลูกเข้าโรงเรียน บางครอบครัวอาจเตรียมตัวล่วงหน้านานหลายเดือน (หรือเป็นปีก็มี!) เอาเป็นว่า พกเช็คลิสต์นี้ไว้ เตรียมไว้ก่อนไม่เสียหายนะคะ

√ สำรวจโรงเรียนให้ทั่ว ทั้งห้องเรียน ห้องน้ำ โรงอาหาร สนามเด็กเล่น เพื่อดูความปลอดภัย
√ ฝึกลูกตื่นนอนให้เป็นเวลา
√ สอนลูกเรื่องการเข้าห้องนํ้าสาธารณะ ขับถ่ายให้เป็นเวลา
√ สอนลูกให้รู้จักพูดคำสุภาพ ทักทาย ขอบคุณ ขอโทษ โดยอาจจะเล่นบทบาทสมมุติกันบ่อยๆ
√ สอนลูกให้รู้จักป้องกันโรคโดยปิดปากทุกครั้งเมื่อไอหรือจาม ล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร
√ สอนเรื่องความปลอดภัย เช่น ไม่ตามคนแปลกหน้า ระวังรถราแถวโรงเรียน
√ ฝึกลูกให้ดูทีวีเป็นเวลา
√ สอนสัญญาณบอกลาเมื่อไปส่งตอนเช้า เช่น การกอด หอมแก้ม เพื่อให้ลูกรู้ว่าคุณต้องไปแล้ว
√ หาวิธีจัดการกับของที่ลูกติดมากๆ และอยากนำไปโรงเรียนด้วย อาจใช้วิธีถ่ายรูปให้ลูกพกติดตัวไป หรืออนุญาตเฉพาะของเล็กๆ
√ เลือกซื้อของอย่างชาญฉลาด โดยซื้อเพียงแค่ที่จำเป็นก่อน เช่น กล่องข้าว ปากกา สมุด ที่เหลือไว้ทีหลังก็ได้ (จะได้รอซื้อตอนลดราคาได้ด้วย) ทั้งนี้อ่านระเบียบของโรงเรียนให้ละเอียด เพราะอาจมีบางอย่างที่โรงเรียนไม่อนุญาตให้นำไปด้วย
√ สอนลูกจัดกระเป๋า เช่น ใส่ของหนักไว้ตรงกลาง ไม่เอียงข้างใดข้างหนึ่ง สะพายด้วยไหล่ทั้งสองข้าง
√ ติดชื่อลูกที่ของทุกอย่าง
√จดรายชื่อให้คุณครูรู้ว่าผู้ที่จะมารับลูกได้มีใครบ้าง
√ โน้ตวันสำคัญที่ต้องไปโรงเรียน เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า
√ เตรียมพื้นที่ที่สงบให้ลูกได้ทำการบ้าน
√ เตรียมของว่างมีประโยชน์ติดตู้เอาไว้ เช่น นม โยเกิร์ต ผลไม้

จริง ๆ แล้วการเตรียมความพร้อมเรื่องต่าง ๆ ให้ลูกไม่ใช่ว่าจะมาเตรียมกันตอนก่อนเข้าโรงเรียนเท่านั้น เพราะพัฒนาการของลูกไม่ใช่สิ่งที่จะมาเนรมิตได้ภายในข้ามคืน คุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมมาตั้งแต่ขวบปีแรก เรียกว่าในช่วง 3 ขวบปีแรกก่อนที่จะเข้าเรียน ซึ่งในส่วนคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกยังไม่ถึงวัยเข้าโรงเรียน ก็ค่อยๆ เตรียมพัฒนาการของลูกเรื่องต่าง ๆ ไปตามวัย เมื่อถึงเวลาจะได้ไม่ต้องมาเร่งลูกหรือกังวลว่าลูกจะไม่พร้อม

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!

ขอบคุณข้อมูลจาก : women.sanook.com