รังสีจากโทรทัศน์ที่คุณแม่ถามมาน่าจะหมายถึงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งพบได้จากเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ เตาไมโครเวฟ คอมพิวเตอร์พัดลม ตู้เย็น
ในปัจจุบันยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลเสียของคลื่นดังกล่าวว่า ปริมาณมากน้อยเท่าใดจึงจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ อย่างไรก็ดีมีคำแนะนำว่าไม่ควรเอาตัวไปอยู่ใกล้ๆ กับอุปกรณ์เหล่านี้ขณะที่อุปกรณ์กำลังทำงาน สำหรับโทรทัศน์แนะนำให้อยู่ห่างอย่างน้อย 2 ฟุตจากหน้าจอเพื่อป้องกันการได้รับคลื่นดังกล่าว ส่วนคำแนะนำเกี่ยวกับการถนอมสายตาแนะนำว่าให้ห่างจากหน้าจอ 5 เท่าของเส้นทแยงมุมหน้าจอ
ผลเสียของโทรทัศน์ต่อลูกที่ชัดเจนยิ่งกว่าเรื่องของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คือเรื่องของปัญหาพัฒนาการและปัญหาพฤติกรรมที่เกิดจากการดูโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาพูดช้าพัฒนาการเคลื่อนไหวไม่สมวัย เพราะไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหว และทำให้เป็นโรคอ้วนตามมาเมื่อกินไปด้วยดูไปด้วยปัญหาสมาธิสั้น ขาดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เนื่องจากจดจ่อกับการดูโทรทัศน์ใช้เวลาว่างไม่เป็นประโยชน์ ไม่เหลือเวลาทำกิจกรรมอื่นที่มีประโยชน์มากกว่า เกิดการเลียนแบบหรือซึมซับความก้าวร้าวจากโทรทัศน์ เด็กได้รับรู้เรื่องเพศ บุหรี่ เหล้าและยาเสพติดแบบผิดๆ การรับค่านิยมมาจากรายการโทรทัศน์ เช่น แฟชั่น อยากสวยอยากผอม โฆษณาที่เกินจริงมัวเมาให้หลงใหลในวัตถุนิยม
มาป้องกันผลเสียจากโทรทัศน์ให้ลูกรักกันเถอะ
เพื่อปัองกันปัญหาพัฒนาการและปัญหาพฤติกรรมที่เกิดจากโทรทัศน์ สมาคมกุมารแพทย์ทั่วโลกต่างแนะนำว่า
• ไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบดูโทรทัศน์
• เด็กอาย 2 – 4 ขวบไม่ควรดูเกินวันละ ชั่วโมง
• เด็กอายุเกิน 4 ขวบไม่ควรดูเกินวันละ 1 ชั่วโมง
เมื่อถึงเวลาที่ให้ลูกดูโทรทัศน์ คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ใหญ่ในครอบครัวควรนั่งดูอยู่ด้วยเสมอ และคอยให้คำแนะนำที่ถูกต้อง
บทความโดย: แพทย์หญิงสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด