AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ระวัง “เป่าอาหาร” เท่ากับส่งต่อแบคทีเรีย “ ลูกฟันผุ ” ไม่รู้ตัว

ลูกฟันผุ …รู้หรือไม่ว่า แม้ลูกจะแปรงฟันตลอดเช้าเย็นไม่เคยขาด แต่อาการฟันผุก็อาจมาเยือนได้อย่างไม่รู้ตัว  จากการส่งต่อแบคทีเรียทำให้ฟันผุ ได้โดยผ่านอาหาร เช่น น้ำจิ้ม หรือ ใช้ช้อนเดียวกัน ไปจนถึงการเป่าอาหารส่งต่อให้แก่กัน  เพราะน้ำลายของคนที่มีเชื้อฟันผุจะส่งต่อให้กับอีกคนหนึ่งได้

ลูกฟันผุ ไม่ใช่โรคติดต่อ จะติดกันได้อย่างไร? …แต่รู้หรือไม่ว่าการเป่าอาหาร กัดอาหาร หรือแม้แต่จูบเด็กๆ ก็อาจจะทำให้เด็กๆ มีโอกาสฟันผุได้ เพราะได้รับแบคทีเรียจากผู้ใหญ่ที่ฟันผุ

Good to know : แบคทีเรียที่ทำให้ฟันผุมีชื่อว่า Streptococcus mutans ขึ้นชื่อว่าแบคทีเรียมันก็ชอบกินเศษอาหารที่ติดฟัน ไปจนถึงกินแร่ธาตุที่เคลือบฟันหรือเนื้อฟันจนทำให้เกิดเป็นรูโบว๋  ในบางครั้งถูกเรียกว่า “แมงกินฟัน” ทำให้รูปฟันไม่สวยและมีกลิ่นเหม็นทำให้เสียความมั่นใจได้

คุณพ่อคุณแม่หลายท่านเข้าใจถึงผลที่ได้รับจากการเป่าอาหารนี้  แต่ว่าอาจจะมีปัญหากับญาติพี่น้อง ปู่ย่า ตายาย หรือพี่เลี้ยงที่เลี้ยงลูกอยู่ไม่น้อย  เป็นเพราะทุกคนอาจยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับผลเสียนี้ จึงจำเป็นที่ต้องอธิบายให้เข้าใจว่าเพราะอะไร ทำไมไม่ควรจะเป่าอาหาร หรือป้อน ชิมอาหารด้วยช้อนเดียวกับเด็กๆ

Must readป้อนอาหาร ด้วยการเคี้ยวให้ มีสิทธิ์ติดโรคเอดส์!!
Must read10 เคล็ดลับ ป้อนอาหารลูกเล็กอย่างปลอดภัย

จากเรื่องนี้ Amarin Baby & Kids จึงมีเรื่องราวจากคุณหมอกมลชนก ซึ่งเป็นทันตแพทย์ได้เคยเขียนไว้ใน blog มาแบ่งปันให้คุณพ่อคุณแม่ได้อ่านกันค่ะ ว่าทำไมจึง ไม่ควรเป่าอาหาร ชิมอาหารช้อนเดียวกับลูก?

โดยคุณหมอ บอกว่า : สมัยหมอเรียนอยู่นั้น มีงานวิจัยพบว่า เชื้อแบคทีเรียในช่องปากลูกที่ทำให้เกิดฟันผุได้นั้น มีสายพันธุ์เดียวกันกับแม่ ประมาณว่าลูกใครแม่ใครจับคู่กันไปเป็นคู่ๆ ได้จากเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งติดต่อถ่ายทอดทางความใกล้ชิดในการเลี้ยงดู เช่น

การเป่าอาหารให้ลูก การใช้ช้อนเดียวกับลูกชิมหรือทานอาหาร การกัดอาหารให้ชิ้นเล็กลงให้ลูกทาน รวมทั้งการจูบปากลูก ดังนั้นคุณแม่จึงไม่ควรมีปริมาณเชื้อแบคทีเรียในช่องปากมากเกินไปอีกด้วย ซึ่งคุณหมอคิดในใจว่าหากมีลูก หมอไม่มีทางเป่าอาหารให้ลูกแน่ โดยเราสามารถใช้พัดลมเป่า แล้วทดสอบว่าอุ่นหรือร้อนอยู่โดยเอาอาหารมาแตะหลังมือ ได้ก่อนป้อนอาหารให้ลูก

แต่พอมีลูกจริงๆ เมื่อลูกเริ่มอาหารเสริม ก็เข้มงวดกับทุกคนโดยเฉพาะพี่เลี้ยงลูกว่าห้ามเป่าอาหารให้น้อง หรือห้ามใช้ช้อนน้องชิมอาหาร แต่แล้วบางเวลา ตัวหมอเองกลับทำผิดกฎเอง ทั้งกัดขนมให้ชิ้นเล็กลงให้ลูก หรือกัดน้ำแข็งให้เล็กลงแม้จะเอาน้ำแข็งที่กัดแล้วนั้นไปแกว่งๆล้างน้ำอีกครั้งก่อนให้ลูกทานก็ตาม

ดังนั้น การควบคุมให้แบคทีเรียในช่องปากของคุณแม่และทุกคนที่เลี้ยงลูกไม่ให้มีปริมาณมากเกินไปก็จะเป็นการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อโรคฟันผุไปให้ลูกได้ เราควบคุมปริมาณเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้โดยการแปรงฟันให้สะอาดทุกวัน และไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจและทำความสะอาดฟันอย่างสม่ำเสมอทุก 6 เดือน หรือหากมีฟันผุควรอุดหรือรักษาให้เรียบร้อย

อ่านต่อ >> “การดูแลฟันและช่องปากให้กับลูกน้อย” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ลูกฟันผุ ได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?

ฟันลูกแข็งแรงเริ่มได้ตั้งแต่ในครรภ์ :: การจะให้ฟันลูกแข็งแรง ไม่ได้เริ่มเมื่อลูกมีฟันขึ้นในช่องปาก แต่เริ่มตั้งแต่ลูกเป็นทารกในครรภ์ เพราะหน่อฟันน้ำนมเริ่มสร้างตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์ได้ 6 สัปดาห์ มีการศึกษาแสดงว่า ทารกในครรภ์ที่ได้รับอาหาร แร่ธาตุ จากคุณแม่ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ, ซี,และดี รวมทั้งคุณแม่ที่ได้รับสารเคมีบางชนิด หรือคุณแม่ป่วยมากขณะตั้งครรภ์ อาจทำให้มีการรบกวนการสร้างฟัน จนทำให้เกิดความผิดปกติของฟันได้ ดังนั้น เมื่อเริ่มตั้งครรภ์ คุณแม่ควรดูแลตัวเองมากขึ้น  รับประทานอาหารให้ถูกสัดส่วนและเพียงพอแก่ความต้องการ เพื่อที่จะไปสร้างฟันที่สมบูรณ์

คำแนะนำจากทันตแพทย์ได้กล่าวว่า “ฟันผุมีโอกาสเกิดขึ้นกับฟันได้ตั้งแต่ซี่แรก”  ที่เป็นเช่นนั้นเพราะบางคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์  เคี้ยวข้าวส่งต่อให้กับลูก  ทำให้เด็กได้รับเชื้อแบคทีเรียฟันผุเข้าไป  ประกอบกับการดูแลฟันอย่างไม่ถูกวิธีอาจทำให้เด็กติดโรคฟันผุได้

ฟันผุเป็นอาการยอดฮิตที่คนไข้เดินเข้าไปหาหมอฟัน  และเด็กๆ ควรจะไปพบทันตแพทย์ตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้น  และควรไปพบทุกๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี  เพื่อดูแลฟันอย่างต่อเนื่อง  เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับเด็กว่าการพบหมอฟันไม่ใช่เรื่องน่ากลัว  และเพื่อรักษาอาการที่อาจบ่งชี้ว่าจะรุนแรงในอนาคตได้

พ่อแม่ก็อย่าลืมดูแลฟันและช่องปาก เพื่อป้องกัน ลูกฟันผุ

นอกจากนี้แล้วผู้ดูแลเด็กจะต้องรู้จักสุขภาพอนามัยสุขภาพช่องปากของตัวเอง  ตรวจสอบว่าตัวเองมีอาการฟันผุหรือไม่  ให้รีบอุดหรือรักษา  อย่านิ่งนอนใจ  และอาจใช้ตัวช่วยเป็นพัดลมตัวเล็กๆ หรือทิ้งอาหารไว้ให้หายร้อนก่อนค่อยป้อนให้กับลูกรักได้ค่ะ

ให้ลูกแปรงฟันเองได้เมื่อไหร่?

ในวัย 6 เดือน ถึง 3 ขวบ คุณพ่อคุณแม่ต้องทำความสะอาดช่องปากให้ลูกเป็นหลัก โดยจับนอนที่เบาะที่นอนหรืออ่างอาบน้ำ สร้างบรรยากาศที่สบายตัว ร้องเพลงไปด้วย พูดคุยไปด้วย เด็กจะไม่กลัวการแปรง

วัย 3 – 8 ขวบ  เริ่มให้เด็กแปรงฟันด้วยตัวเองได้แล้ว แต่ก่อนนอน เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องเช็คอีกรอบ ใช้แปรงกับยาสีฟันที่มีฟลูโอไรด์ บีบเท่าเมล็ดถั่วลันเตา แล้วเช็ดออก เด็ก 9 ขวบขึ้นไปจึงกล้ามเนื้อมัดเล็กทำงานได้ดีขึ้น จึงไว้ใจให้แปรงได้เอง แต่ห้ามเด็กกลืนยาสีฟัน

สัญญาณฟันแท้เริ่มงอก ถ้าคุณพ่อคุณแม่แปรงฟันให้ลูกเองทุกวันจะเห็นว่าในวัย 5-6 ขวบ จะเริ่มเห็นตุ่มๆ ด้านในสุด นี่แหละฟันกรามแท้คู่แรกกำลังจะมาแล้วจ้า

Must readเลิกนมมื้อดึก และฝึกหลับยาว สำหรับลูกน้อยวัยเด็กเล็ก

อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!


เรื่องโดย กองบรรณาธิการอมรินทร์เบบี้แอนด์คิดส์

ที่มาจาก : blog คุณหมอกมลชนก