AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

แม่แชร์ประสบการณ์ ลูกขาดวิตามินซี หกล้มจนเดินไม่ได้เป็นเดือน!

โรค ขาดวิตามินซี เกิดจากการกินอาหารที่มีวิตามินซีไม่เพียงพอ  คนที่ขาดวิตามินซีมักจะเจ็บป่วยบ่อย  เนื่องจากมีความต้านทานโรคต่ำ

วิตามินซีหรือ L-ascorbic acid เป็นวิตามินซีที่มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ดี ซึ่งได้รับการสังเคราะห์ขึ้นจากกลูโคส เมื่อถูกออกซิไดซ์จะเปลี่ยนมาเป็น Dehydroascorbic Acid วิตามินซีในรูปแบบดังกล่าวนั้นรับได้จากอาหารตามธรรมชาติ โดยผักและผลไม้ชนิดต่างๆ อีกทั้งวิตามินซีจากอาหารเหล่านี้ ร่างกายยังสามารถนำไปใช้ได้อย่างทันทีอีกด้วย

โดยทั่วไป ร่างกายของคนปกติมีความต้องการวิตามินซีอยู่ที่ประมาณ 60-90 มิลลิกรัม/วัน หากรับประทานวิตามินซีมากหรือน้อยกว่าจำนวนดังกล่าว อาจทำให้เกิดอันตรายตามมา คือ

ซึ่งการขาดวิตามินซีนั้นมักจะเห็นได้ชัดในเด็กเล็กๆ หรือ เด็กๆ รุ่นใหม่ ที่ไม่ค่อยชอบกินผักหรือผลไม้  เพราะวิตามินซีเป็นสารอาหารที่มีอยู่ในอาหารหลายชนิด โดยเฉพาะในผัก ผลไม้ รสเปรี้ยว ถ้าลูกเป็นเด็กไม่ชอบผักอย่างหนึ่งก็ลองเลือกรับประทานชนิดอื่นๆ แทน และเลือกรับประทานผลไม้หลายๆ ชนิดเข้าไว้ อาการขาดวิตามินซีดังกล่าวก็คงไม่เกิดแน่นอน

♥ Must read : แร่ธาตุ + วิตามิน จำเป็นต่อร่างกายและสมอง

แม่แชร์ประสบการณ์ ลูก ขาดวิตามินซี หกล้มจนเดินไม่ได้เป็นเดือน

ทั้งนี้ได้มีคุณแม่ท่านหนึ่ง มาแชร์ประสบการณ์ ซึ่งเล่าถึงอาการเจ็บป่วยของลูกน้อย ซึ่งเกิดมาจากการมีค่าวิตามินซีที่น้อยกว่าปกติ โดยคุณแม่ใช้ชื่อฟซบุ๊กว่า Nu Lion และได้เล่าถึงประสบการณ์ที่ลูกน้อยป่วย ไว้ดังนี้

แชร์ประสบการณ์โดยตรงค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อปลายเดือนมกราคม 60 ลูกสาวเกิดอุบัติเหตุ ล้มลงจากที่นอนที่เราวางไว้กับพื้นนะคะ แล้วน้องก็เดินกะเผลกๆ มาตลอด อยู่มาสัก 2 วัน ใส่แพมเพิสให้น้องช่วงที่น้องยกขา แล้วเค้าก็ร้องไห้มาก แม่ก็ตกใจมาก แล้วเค้าก็ไม่เดินเลย (น้อง 2 ขวบ 9 เดือน) เป็นเด็กแข็งแรง ร่าเริง ปกติดีทุกอย่าง

อ่านต่อ >> แม่แชร์ประสบการณ์ ลูก ขาดวิตามินซี หกล้มจนเดินไม่ได้เป็นเดือน” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ต่อนะคะ พอเค้าร้อง น้องก็ไม่ยอมเดินเลย ให้อุ้มตลอด มีอาการร้องเจ็บปวดอยู่ตลอด โดนไม่ได้เลย แม้แต่ปลายเท้า กลุ้มใจมาก รีบพาน้องไปหาหมอ สงสารน้องมาก

หมอเลยส่งตัวน้องเอกซเรย์ช่วงสะโพก สงสัยที่สะโพก ช่วงเข่า ผลออกมาน้องก็ไม่เป็นไร หมอเลยให้แอดมิด ดูอาการ 1 คืน ไม่มีไข้ วันรุ่งขึ้นก็ให้กลับบ้าน แต่น้องกลับไปก็กินยาแก้ปวด ก็ยังไม่ดีขึ้น ร้องไห้ตลอด ไม่ยอมนอน จะนั่งหลับตลอด หน้าตาผิวพรรณ หมองคล้ำ ขี้หงุดหงิดตลอด

หาหมออยู่ประมาณ 5 โรงพยาบาล หมอแนะนำให้ทำ MRI (เข้าอุโมงค์หาโรค) สรุปผลออกมา หมอว่าคล้ายๆ เส้นเอ็นอักเสบ ให้ยาฆ่าเชื้อ+แก้ปวดมากิน นัดดูอาการทุกสัปดาห์ ทางบ้านเครียดมาก สงสารลูกมากๆ น้องร้องตลอด อาการไม่ดีขึ้นเลย หากระทั้งหมอโบราณ ใครบอกที่ไหนดีก็ไป หาสาเหตุไม่เจอ จนหมอหมดทางรักษา เข้าใจหมอค่ะ จนปัญญา

สรุปหมอแนะนำให้ไปไปทำสแกนกระดูก ที่ศูนย์มะเร็ง แม่ตกใจมาก นี่ก็ผ่านมาเดือนกว่าและ ลูกไม่ยอมเดิน และหมอมาแนะนำอย่างนี้อีก โคตรเครียด หมอแนะนำให้อีกทาง คือเข้ากรุงเทพ ไปโรงพยาบาลของรัฐ ตัดสินใจเข้ากรุงเทพพร้อมใบส่งตัวของคุณหมอ พบหมอที่รามา หมอดูอาการ แนะนำให้ MRI กระดูกสันหลังอีกรอบ พร้อมเจาะเลือด นอนโรงพยาบาล ผลเอกซเรย์ ไม่เจออะไร หมอขอเจาะเลือดหาค่าวิตามินน้อง สรุปแม่เจ้า เจอแล้วค่ะ

ผลน้องคือ น้องขาดวิตามินซีอย่างเยอะ (โดยปกติเด็กค่าวิตามินซีต้องมีตั้งแต่ 3-30) แต่น้องมีแค่ 1.9 หมอชี้แจงให้ฟัง พอน้องขาดวิตามินซีทำให้เลือดซึมออกที่ตามข้อกระดูก ทำให้เค้าเพลีย ต่อมรับรสที่ลิ้นไม่รับรสอาหาร ทำให้กินอะไรก็ไม่อร่อย น้องไม่กินข้าวเลย ผอมลงเยอะเลย วันๆกินแต่นม

พอเจอโรค หมอเลยให้ยาวิตามินซี ธาตุเหล็ก สังกะสี ลดนม อยู่ๆ น้องเริ่มอยากอาหาร เริ่มดีขึ้น กินนมน้อยลง อยู่ได้สัก 3-4 วัน กินข้าวกินยาได้ดี อาการเริ่มดีขึ้น นอนโรงพยาบาลได้ 10 วัน อาการเจ็บเริ่มหาย ร้องน้อยลง แต่ยังไม่ยอมเดิน หมอให้กลับบ้านได้ กลับมากินยาต่อที่บ้าน นัด 2 สัปดาห์ ดีขึ้นมาก เริ่มคลานได้

จนวันนี้ ผ่านมาครบ 1 เดือน น้องเดินได้และค่ะ  ดีใจมาก ขอบคุณหมอ ขอบคุณเพื่อนๆร่วมงาน ขอบคุณญาติพี่น้องทุกคน ที่เป็นห่วง ตอนนี้น้องเดินได้และค่ะ 

ปล. ขอบคุณที่อ่านนะคะ แต่น่าจะเป็นประโยชน์กับพ่อแม่หลายๆท่าน

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : Nu Lion

เด็กที่ขาดวิตามินซี จะเป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย การเจริญเติบโตช้า เกิดภาวะโลหิตจาง น้ำหนักตัวลด มีไข้ ท้องเสีย และอาเจียนบ่อย มีลักษณะบวมแดงบริเวณต้นขา นอกจากนั้นการสะสมแคลเซียมในการสร้างกระดูก (calcification) จะเสียไปด้วย ทำให้ปลายของกระดูกยาว  (long bone) และกระดูกซี่โครงขยายใหญ่คล้ายโรคกระดูกอ่อน แต่ภาวะในการขาดวิตามินซีจะมีอาการบวมแดงและเจ็บ ตามข้อต่อร่วมด้วย ทำให้เห็นความแตกต่างของโรคกระดูกที่เกิดจากภาวะการขาดวิตามินดีและวิตามินซี

อันจะเห็นได้ว่าจากประสบการณ์อาการป่วยของลูกน้อยที่คุณแม่เล่ามานั้น  เพียงแค่น้องหกล้มเล็กน้อยก็ทำให้เดินไม่ได้นานเกือบเดือน นั่นเป็นเพราะการขาดวิตามินซีนั่นเอง

อ่านต่อ >> ปริมาณวิตามินซีที่ร่างกายควรได้รับ” คลิกหน้า 3

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ปริมาณวิตามินซีที่ร่างกายควรได้รับ

ในปี ค. ศ. 2000 ได้มีการกำหนดค่า RDA สำหรับวิตามินซีขึ้นใหม่ โดยเพิ่มขึ้น 25-50 เปอร์เซ็นต์จากเดิมวันละ
60 มิลลิกรัม เป็น 100 มิลลิกรัม เพื่อให้เนื้อเยื่อต่างๆ ได้รับปริมาณวิตามินซีเพียงพอ

หน้าที่ของวิตามินซี

สาเหตุของการขาดวิตามินซี

การวินิจฉัยโรคขาดวิตามินซี

เจาะเลือดจะพบว่ามีระดับวิตามินซีต่ำ <0.2 mg%

การป้องกันและการรักษาโรคขาดวิตามินซี

♥ Must read : อาหารแก้หวัด 13 ชนิด! เพิ่มภูมิต้านทานให้กับลูกน้อย

วิตามินซี กินมากไป ใช่ว่าจะดี!

อาหารทุกอย่างทานน้อยไปก็ไม่ได้ ทานมากไปก็ไม่ดี รวมทั้งวิตามินซีด้วยค่ะ เพราะถ้าร่างกายได้รับน้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อภูมิคุ้มกัน ทำให้เป็นหวัดง่าย เลือดออกตามไรฟัน ผิวพรรณดูไม่ผ่องใส เพราะวิตามินซีมีสารแอนติออกซิแด้นท์ (antioxidant) ช่วยชะลอความแก่ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนด้วย

แต่ถ้าทานมากเกินไป เช่น ทานเกิน 1,000-2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกันนาน ๆ เข้า ก็อาจเกิดผลข้างเคียงอย่างเช่น ไม่สบายท้อง ปวดมวนท้อง ท้องเสียรุนแรง เกิดแผลในกระเพาะอาหาร ป่วยเป็นโรคโลหิตจาง รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในไต แต่ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะอาการข้างเคียงเหล่านี้พบได้น้อยมาก เนื่องจากวิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ จึงขับออกทางปัสสาวะได้นั่นเอง ดังนั้นแล้วหากใครจำเป็นต้องทานวิตามินซีในปริมาณสูงกว่าที่กำหนด ก็ควรทานพร้อมหรือหลังอาหาร และดื่มน้ำตามมาก ๆ ด้วยค่ะ

ทั้งนี้ วิตามินซีเสริม เป็นเพียงตัวช่วยหนึ่งเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วก็สู้วิตามินซีที่ลูกน้อยจะได้จากธรรมชาติไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นหมั่นทานผักผลไม้ให้มาก ๆ โดยเฉพาะ ฝรั่ง ส้ม มะละกอ มะนาว มะม่วง มะเขือเทศ มันฝรั่ง กีวี่ สตรอว์เบอร์รี ผักใบเขียว อาหารเหล่านี้เต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินซีที่จะช่วยคุ้มกันร่างกายให้ปลอดและหายจากโรค โดยไม่ต้องเสียเงินซื้ออาหารเสริมมาทานเลย

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก :  www.foodnetworksolution.com , www.siamhealth.net , health.kapook.com