AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

“แสงแฟลช” ทำลายดวงตาเด็กจริงหรือ?

มีหลายคนพูดกันไปว่าแสงแฟลชทำให้ตาของเด็กเสียหรือเกิดโรคของจอตา  แต่จริงๆ แล้วยังไม่เคยมีเด็กที่เป็นโรคตาเพราะแสงแฟลช  และยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจนด้วย  เพราะเด็กมีกลไกตามธรรมชาติที่ช่วยปกป้องดวงตาจากแสงต่างๆ รวมถึงแสงแฟลชอยู่แล้วค่ะ เพราะว่า

 

 

“นอกจากนี้การใช้แสงแฟลชยังเป็นการยิงแสงให้กระจายออก  แสงไม่ได้รวมเป็นจุดเดียว  ความเข้มข้นของแสงจึงถูกกระจายออกไป  และการถ่ายรูปในแต่ละครั้งยังใช้เวลาไม่นาน  ไม่ได้ถ่ายทั้งวัน  แสงแฟลชจึงไม่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อดวงตาของลูกได้  แม้จะเป็นลูกเบบี๋แรกคลอดก็ถ่ายรูปได้  คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ”

 

Q : ทำอย่างไรเมื่อหลังจากถ่ายรูปแล้วลูกมีอาการระคายเคืองหรือมีน้ำตาซึม

A : ถ้าเป็นเพียงระยะสั้นๆ และหายได้เอง สัญนิฐานลูกอาจเป็นภูมิแพ้บางชนิดซึ่งทำให้สายตาไวต่อแสงไปด้วย  กรณีนี้ไม่เป็นอันตรายค่ะ แต่ในกรณีที่ดวงตาของลูกเกิดอาการแพ้มากกว่าปกติ  อาจเป็นสัญญาณบอกถึงโรคตาอื่นๆ ที่ลูกเป็นอยู่ก่อนแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและทำการรักษาต่อไป”

 

อ่านเรื่อง ““แสงแฟลช” ทำลายดวงตาเด็กจริงหรือ?” คลิกหน้า 2

ถึงคุณหมอจะยืนยันว่าแสงแฟลชไม่เป็นอันตราย  แต่ป้องกันไว้บ้างย่อมไม่เสียหาย และเพื่อความสบายใจของคุณพ่อคุณแม่ คุณกัญชนิกา เมืองวงษ์ หัวหน้าช่างภาพนิตยสาร Amarin Baby & Kids จะมาบอกเล่าวิธีการหลีกเลี่ยงแสงแฟลชและแสงไฟ ในการถ่ายภาพแฟชั่นตามแบบฉบับมืออาชีพ รวมถึงเทคนิคที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปใช้ถ่ายรูปลูกน้อยได้ด้วยค่ะ

 

เทคนิคการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ ปลอดภัย 100%

  1. ใช้แสงธรรมชาติช่วย ถ้าเป็นการถ่ายในห้อง นอกจากจะเปิดไฟเพื่อช่วยให้ห้องสว่างแล้ว การเลือกมุมที่มีแสงธรรมชาติเข้ามาก็จะช่วยให้การถ่ายภาพได้บรรยากาศธรรมชาติมากขึ้น ภาพไม่ดูแข็งจนเกินไป ส่วนการเช็ตถ่ายในสดูดิโอก็เช่นกัน ถ้าต้องมีการจัดไฟถ่ายการใช้แสงไฟผสมกับแสงธรรมชาติ ก็จะช่วยลดความเข้มของแสงได้
  2. มีตัวกรองแสง เพราะตราบใดที่ไฟไม่ได้ยิงตรงเข้าหน้า ก็ไม่มีอันตรายต่อเด็กแน่นอน นี่เป็นสิ่งที่พวกเราใส่ใจมากที่สุดในการถ่ายแบบทุกครั้ง เราจึงต้องมีตัวกรองแสงเพื่อช่วยในการถ่ายภาพ อย่างเช่น ผ้าขาว หรือ Softbox เป็นต้น
  3. ระยะตำแหน่งการตั้งไฟ ไม่ตั้งใกล้เด็กมากเกินไป วิธีที่ลดความเข้มของแสง ก็คือการตั้งไฟให้ห่างจากตัวเด็ก 1-2 เมตรหรือตั้งอยู่นอกหน้าต่างแล้วให้แสงสะท้อนผ่านผ้าม่านเข้ามา ซึ่งเทคนิคนี้เราใช้กันในคอลัมน์ “Welcome New born”
  4. ทิศทางการตั้งไฟ นอกจากระยะตำแหน่งการตั้งไฟแล้ว ทิศทางการตั้งไฟก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ถ้าเราจะต้องถ่ายเด็กในระยะใกล้ ซึ่งปกติแล้วการถ่ายภาพเด็กในสตูดิโอเราจะไม่ตั้งไฟตรงหน้าเด็ก เพื่อป้องกันไม่ให้แสงลงที่เด็กโดยตรงแต่ใช้วิธีเอียง 45 องศา หรือตั้งให้สะท้อนกับวัตถุ เช่น แผ่นโฟม เพื่อลดความเข้มของแสงเช่นกัน

เทคนิคการถ่ายภาพในที่แสงสว่างน้อย

 

เรื่อง : รศ.พญ.สุดารัตน์ ใหญ่สว่าง ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยา (โรคตาเด็ก) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
ภาพ : Shutterstock