ไม่เพียงเด็กๆ ต้องบริหารเวลาขณะที่อยู่ใน โซเชียลมีเดีย เด็กยังต้องบริหารเวลาเมื่ออยู่นอกโซเชียลมีเดียด้วย นอกโซเชียลมีเดียเด็กมีพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมที่ยังดำเนินไป มีน้ำต้องอาบ มีข้าวต้องกิน มีงานบ้านที่ควรทำ และที่สำคัญคือ มีการละเล่นกลางแจ้ง
โซเชียลมีเดีย กับข้อเสียที่มีต่อลูกน้อย
กิจกรรมกลางแจ้งเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการ กล้ามเนื้อใหญ่ (Gross Motor) กล้ามเนื้อเล็ก (Fine Motor) และพัฒนาการด้านภาษา (Language) กิจกรรมเหล่านี้ไม่มีในโซเชียลมีเดีย
การเสียเวลานำไปสู่การเสียโอกาสที่จะพัฒนาบุคลิกภาพตามวัย (Personality Development) พัฒนาการของบุคลิกภาพแต่ละขั้นตอนมีเวลาวิกฤติ (Critical Period) กล่าวคือ เด็กมีเวลาจำกัดเพียงช่วงหนึ่งในการพัฒนาแต่ละประเด็น หากเราปล่อยเวลานั้นผ่านเลย เมื่อเขาอายุมากขึ้นจะไม่สามารถ พัฒนาได้อีก หรือทำได้ด้วยความยากลำบากอย่างมาก การเสียเวลากับโซเชียลมีเดีย จึงเป็นเรื่องสำคัญ
นอกจากนี้คือ พัฒนาการด้านการสร้างความสัมพันธ์กับบุคคล (Object Relation) เด็กมีเวลาวิกฤติในพัฒนาการด้านนี้เพียง 2 – 3 ปีแรกของชีวิตเท่านั้น การมีโอกาสมองสบตาแม่และพ่อ การได้เล่นและแตะเนื้อต้องตัวกับแม่และพ่อ ไปจนถึงการใช้มือ และสิบนิ้วน้อยๆ สำรวจโลก (มิใช่เพียงใช้นิ้วเขี่ยหน้าจอ) เหล่านี้เป็นรากฐานของชีวิต
“ปัจจุบันเราพบเด็กที่ไม่สบตาพ่อแม่ หรือไม่สบตาคนมากขึ้น โดยมีประวัติว่า พ่อแม่ ยื่นแท็บเล็ตให้เด็กเล่นตั้งแต่ก่อนอายุ 2 ขวบ” บางบ้านให้เล่นขณะรับประทานอาหาร และบางบ้านให้เล่นบนที่นอนก่อนนอน
อ่านต่อ “เข้าโซเชียลมีเดีย เด็กเสียอะไร” คลิกหน้า 2
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ พัฒนาการด้านภาษา (Language Development) ภาษาในที่นี้มิได้หมายถึงภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ แต่หมายถึงภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร ความต้องการในใจ (Communication) พัฒนาการด้านนี้เกิดจากการเล่น และดีที่สุด คือ เกิดจากการเล่นสมมุติ (Pretend Play) หรือบทบาทสมมุติ (Role Play) เช่น สมมุติกล่องเปล่าเป็นบ้าน สมมุติจานเป็นเรือ สมมุติตัวเองเป็นพ่อครัวแม่ครัว เป็นครู เป็นหมอ เป็นต้น ภาษาเพื่อการสื่อสาร จะเกิดขึ้นระหว่างการเล่นมากที่สุด
แต่บ้านที่ปล่อยให้ลูกดูโทรทัศน์ตั้งแต่ ก่อน 2 ขวบ หรือปล่อยให้ลูกใช้เครื่องมือไอที ตั้งแต่ก่อน 3 ขวบมากเกินไป ย่อมเสียเวลาเล่น และส่งผลต่อการขัดขวางพัฒนาการ ปัจจุบันเราจึงพบเด็กที่ไม่สามารถพูดเพื่อ แสดงความต้องการได้มากขึ้น และเมื่อแสดงความต้องการด้วยคำพูดไม่ได้ก็จะแสดงออกด้วยอาการอื่นมากขึ้น เช่น ร้องไห้ไม่หยุด กรี๊ดเสียงดัง ตีหัวตัวเอง ตีคนอื่น นอนดิ้นพราดๆ ถีบแขนขา พูดอะไรก็ไม่ฟัง ไปจนถึงอยู่นิ่งไม่ได้ เป็นต้น
ถึงขั้นตอนนี้เราควรสรุปได้ว่า โซเชียลมีเดียเป็นเรื่องสำคัญ ช่วยพัฒนาทักษะไอทีซึ่งเป็น 1 ใน 3 ทักษะสำคัญของทักษะศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills) แต่ทำให้เสียเวลา
อ่านต่อ “เข้าโซเชียลมีเดีย เด็กเสียอะไร” คลิกหน้า 3
เวลาที่เสียนั้นไม่เพียงกระทบพัฒนาการบุคลิกภาพ แต่กระทบความสามารถในการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ (Learning Skills) และทักษะชีวิต (Life Skills) ซึ่งเป็นอีก 2 ใน 3 ทักษะในศตวรรษที่ 21 ด้วย
ทักษะการเรียนรู้ ได้แก่
- ความสามารถในการคิดวิพากษ์
- สื่อสารความคิด
- ทำงานเป็นทีม
- มีความคิดสร้างสรรค์
ทักษะชีวิต ได้แก่
- ความสามารถในการกำหนดเป้าหมาย
- วางแผน
- ตัดสินใจ
- ลงมือทำ
- รับผิดชอบการกระทำ
- มีความยืดหยุ่น
มนุษย์สื่อสารกันด้วยอวัจนภาษาหรือภาษาท่าทาง (Nonverbal Communication) มากกว่าภาษาพูดอยู่แล้ว หลายครั้งที่เราสื่อสารด้วยการมองหน้า มองมือ และด้วยการทำนายว่าคู่สนทนาคิดอะไร ทักษะการสื่อสารด้านอวัจนภาษาไม่สามารถฝึกได้ในโซเชียลมีเดีย แม้ว่าจะมีอิโมติคอน (Emoticon) หรือคำอุทานอื่นใดในโซเชียลมีเดียก็เป็นอวัจนภาษาอย่างหยาบ ไม่มีความละเอียดอ่อนมากพอที่จะเข้าใจคู่สนทนาได้ถูกต้องเท่ากับการพบหน้ากัน
นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์จิตแพทย์แผนกจิตเวชโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
นิตยสาร Amarin Baby & Kids ฉบับคู่มือระวังภัย โลกยุคใหม่อันตรายรอบด้าน
Save