สอนลูกเจนอัลฟ่า ให้เป็นเด็กหลายภาษาพร้อมรับ AEC
สอนลูกเจนอัลฟ่า

สอนลูกเจนอัลฟ่า ให้เป็นเด็กหลายภาษาพร้อมรับ AEC

event
สอนลูกเจนอัลฟ่า
สอนลูกเจนอัลฟ่า

ครอบครัวตัวอย่างเด็ก 2 ภาษา

ครอบครัวตัวอย่าง 2 ครอบครัวที่มาร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กหลายภาษา เล่าว่า ความแตกต่างของเด็กแต่ละช่วงวัยกับการใช้ภาษาไม่แตกต่างกันมาก เด็กที่พ่อแม่พูดด้วยเป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่อยู่ในท้อง การส่งเสียง การปฏิสัมพันธ์กับลูกเรื่องสำเนียง พูดให้เป็นกิจวัตร ไม่ต้องเขินอาย เพราะแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติมมีมากมายในสื่อเทคโนโลยี

คุณครูอร คุณแม่ของน้องอาย ลูกสาววัย 15 ปี ที่สอบชิงทุนได้ไปศึกษาที่อเมริกา แนะนำว่า การเลี้ยงลูกก่อนอื่นต้องดูที่ธรรมชาติของลูก พยายามเข้าใจลูก และเปิดใจกับภาษาที่ 2 ทำให้มีความสนุกในการสอน สอนให้เป็นไปอย่างธรรมชาติ จับสำเนียงภาษาขั้นพื้นฐาน ABC ให้ได้ ถ้าคุณพ่อคุณแม่สำเนียงยังไม่ได้ ก็ใช้ตัวช่วยผ่านสื่อเทคโนโลยี หรือเปิดดิกชันนารี เป็นการปูคุณลักษณะในการเรียนรู้ สอนให้ลูกหาทางเรียนรู้ด้วยตัวเอง และอย่าคาดหวังกับลูกมากเกินไป เพราะลูกจะกดดัน

คุณพ่อ คุณแม่ของน้องคินนี่ เด็กชายวัยประมาณ 2 ขวบ ที่เป็นเด็ก 2 ภาษาเล่าว่า เมื่อคุณพ่อมีน้องคินนี่ ก็เกิดความสนใจในเด็ก 2 ภาษา โดยคุณพ่อมีหลักการสอนลูกอยู่ 2 อย่าง คือ พูดภาษาอังกฤษเป็นสัญลักษณ์กับลูก ให้ลูกเห็นภาพว่าสิ่งนั้นคืออะไร ลองพูดภาษาที่เราอย่างให้ลูกพูดในชีวิตประจำวัน คุณพ่อจะเป็นคนพูดภาษาอังกฤษกับลูก คุณแม่จะพูดภาษาไทย โดยรากฐานของคุณพ่อกับคุณแม่เป็นคนไทย เรียนที่ประเทศไทย แต่มีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษบ้าง เรื่องสำเนียงอาจต้องใช้ส่อเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย และคุณพ่อ คุณแม่ต้องควบคุมดูแลเรื่องการใช้สื่อเทคโนโลยีกับลูกด้วย

สอนลูกเจนอัลฟ่า
เลี้ยงลูกสองภาษา

ถ้าลูกไม่มีความรู้เรื่องภาษาอังกฤษเลยจะทำอย่างไร?

คุณพ่อของน้องคินนี่แนะนำว่า เทคโนโลยีช่วยให้ลูกได้เรียนรู้ แต่ควรให้ลูกใช้อย่างพอดี เลี้ยงลูกให้เหมือนเป็นลูกครึ่ง วิธีการคือพ่อพูด 1 ภาษา แม่พูด 1 ภาษา เด็กๆ สามารถแยกแยะได้ว่าควรพูดภาษาอะไรกับใคร

คุณครูอร คุณแม่ของน้องอายกล่าวว่า มีเด็ก 2 ขวบที่คุณครูอรสอน พูดไม่ได้เลยแม้แต่ภาษาเดียว เพราะที่บ้านมีการพูดกันถึง 3 ภาษา เด็กจึงใช้สมองในการจัดการด้านภาษาช้าเร็วไม่เท่ากัน พ่อแม่ หรือครู คือคนที่จะใส่สิ่งที่ถูกต้องให้ลูก และใช้ตัวช่วยทางเทคโนโลยีให้ถูกวิธี เพราะเด็กทุกคนเกิดมาพร้อมศักยภาพการรับภาษา ทำให้การเรียนรู้เรื่องภาษาเป็นสิ่งเล็กๆ และซึมซับอย่างเป็นธรรมชาติ

คุณโป่ง บก.นิตยสาร Amarin Baby & Kids แนะนำว่า ให้อ่านหนังสือให้ลูกฟังวันละ 10 นาที เป็นการฝึกทักษะทางภาษา และจินตนาการต่อยอดทางสมองของลูก เมื่อลูกมีความสนใจในการเรียนรู้ทางภาษา ลูกก็อาจจะนำความรู้ย้อนกลับมาถ่ายทอดให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง การฝึกภาษาเริ่มต้นจากการอ่าน การใช้เวลาพูดคุยกับลูก เป็นผู้ฟังลูก

คุณครูอร คุณแม่ของน้องอาย แนะนำให้ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ พูดคุยกับลูกอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งให้กำลังใจลูก

คุณพ่อคุณแม่ของน้องคินนี่ กล่าวว่า เด็กทุกคนมีศักยภาพของตัวเองอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับพ่อแม่ที่จะดึงศักยภาพเหล่านั้นออกมาได้อย่างไร รีบเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ เพราะถ้าเริ่มช้าเท่าไหร่ ลูกก็จะพัฒนาช้าออกไปเรื่อยๆ

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up