เด็กวัยก่อนเรียน จะมีพัฒนาการต่อเนื่องจากวัยเตาะแตะ ช่วงวัยนี้การดูแลสุขภาพของลูกให้แข็งแรงถือว่าเป็นการเตรียมพร้อมพัฒนาการเพื่อสู่วัยเรียนอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ลูกวัยนี้ถือว่าเป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตและพัฒนาทางร่างกายอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวและความสูง เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางสรีระ การแสดงออกที่ชัดเจนมากขึ้น สามารถสื่อสารโต้ตอบได้อย่างเข้าใจมากขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพัฒนาการทางสมอง ดังนั้นการวางรากฐานสุขภาพที่ดีให้ลูกน้อยแข็งแรง มีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการได้อย่างรอบด้านทั้งร่างกายและสติปัญญาที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ ทีมแม่ ABK เลยมีเคล็ดลับดูแลสุขภาพลูกน้อยวัยก่อนเรียนมาฝากคุณแม่ ๆ กันค่า
เคล็ดลับดูแลสุขภาพ เด็กวัยก่อนเรียน ให้พร้อมก่อนเข้าเรียน
เคล็ดลับที่ 1 ดูแล เด็กวัยก่อนเรียน ด้านโภชนาการ
เด็กวัยนี้เป็นวัยที่กำลังอยากรู้อยากเห็น เริ่มเดินได้อย่างมั่นคง มักใช้พลังงานในการเล่นมากกว่าวัยทารกที่ผ่านมา โภชนาการของลูกในช่วงนี้จึงต้องการอาหารโดยเฉพาะโปรตีน และอาหารให้ครบ 5 หมู่ตามหลักโภชนาการที่เหมาะสมตามวัย นั่นคือต้องการ 1.5 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน ซึ่งอาหารของเด็กวัยก่อนเรียนก็เหมือนอาหารของทารกในระยะ 1 ขวบ แต่เพิ่มปริมาณให้มากขึ้น ได้แก่ ข้าวหรือแป้ง เนื้อสัตว์ต่าง ๆ เครื่องในสัตว์ ผักใบเขียวและผักอื่น ๆ ผลไม้ ไข่ (วันละฟอง) นมสด 2-3 แก้วต่อวัน ไขมัน เช่น กะทิ น้ำมันหมู ฯลฯ เป็นต้น และควรใช้เกลือหรือน้ำตาลปรุงรสแต่น้อย
สำหรับเด็กบางคนอาจเลือกกินมากขึ้น เลือกอาหารแต่ที่ตัวเองชอบ เขี่ยผักทิ้ง เพราะฉะนั้นในวัยนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องปลูกฝังการรับประทานอาหาร เริ่มฝึกวินัยให้ช่วยตัวเองในการกิน ควรให้ลูกได้ลองกินอาหารที่หลากหลาย แต่ในขณะเดียวกันก็อย่าปล่อยให้ลูกกินขนมจุบจิบ เช่น ลูกอม ขนมกรุบกรอบ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกติดรสชาติเค็ม ๆ หวาน ๆ ชอบกินแต่ขนม กินข้าวน้อยลง ก็จะทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมา หากลูกน้อยขาดสารอาหารก็จะทำให้การเจริญเติบโตช้า ร่างกายอ่อนแอ ภูมิต้านทานโรคน้อยลง โอกาสป่วยติดเชื้อก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย
นอกจากอาหารแล้ว การให้ลูกดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย และควรดื่มนมอย่างน้อยวันละ 1-2 แก้ว เพื่อช่วยในการเจริญเติบโตของเด็ก ก็เป็นสิ่งที่ควรดูแลในด้านโภชนาการให้ลูกในทุกวันเช่นกันนะคะ
เคล็ดลับที่ 2 ดูแล เด็กวัยก่อนเรียน ด้านสุขภาพในช่องปาก
ปัญหาสุขภาพในช่องปาก โดยเฉพาะ “โรคฟันผุ” เป็นปัญหาที่พบบ่อยในเด็กวัยก่อนเรียน พบได้ตั้งแต่ฟันเริ่มขึ้นในช่วงขวบปีแรก และอัตราการผุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงอายุ 1-3 ปี สาเหตุหลักที่ทำให้เด็กมีฟันผุ อาจเกิดขึ้นจากการปล่อยลูกกินของหวาน การดูแลทำความสะอาดช่องปากไม่ถูกวิธี เมื่อกินโดยไม่แปรงฟันหรือกินของหวานในปริมาณมากเกินไปต่อวัน ก็จะก่อให้เกิดการหมักหมมของเชื้อโรคมากขึ้น ก่อให้เกิดโรคฟันผุในฟันน้ำนมอย่างรุนแรง ซึ่งจะทำให้ฟันผุและหลุดจากการใช้ฟันน้ำนมเร็วก่อนวัยมากขึ้น
ในวัยเด็กควรใช้ฟันน้ำนมเป็นหลัก เพื่อรอฟันแท้มาขึ้นแทนในช่วงอายุ 7 ขวบ ดังนั้นเมื่อดูแลสุขภาพในช่องปากไม่ดี มีฟันผุ ก็จำเป็นจะต้องไปถอนออกซึ่งก็จะทำให้เกิดผลเสียตามมา เช่น ทำให้เคี้ยวอาหารไม่ได้ตามปกติ มักไม่อยากกินอาหาร สูญเสียความมั่นใจในการพูดหรือยิ้ม ในกรณีที่มีอการฟันผุรุนแรงก็จะทำให้เจ็บปวด ไม่สบาย การได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอและส่งผลต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูกน้อย และการเกิดฟันผุในฟันน้ำนมนอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยตรงของลูกแล้ว ยังส่งผลต่อฟันแท้ในอนาคตด้วย เพราะเมื่อฟันน้ำนมหลุดก่อนที่ฟันแท้จะขึ้นแทนที่จะทำให้ฟันซี่ที่อยู่ติดกันมีช่องว่างเกิดการ เก ล้ม เอียง และทำให้ฟันแท้ที่จะขึ้นแทนตำแหน่งนั้นไม่สามารถขึ้นได้อย่างปกติ เป็นปัญหาที่ทำให้เกิดความมั่นในตามมาของเด็กในอนาคตได้
การดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กวัยนี้จึงเป็นช่วงสำคัญในการวางรากฐานสุขภาพช่องปากที่ดีให้กับลูกน้อย โดยการฝึกให้ลูกรู้จักการแปรงฟัน ทำความสะอาดฟันวันละ 2 ครั้ง และพาลูกไปตรวจสุขภาพช่องปากกับทันตแพทย์ครั้งแรกเมื่อมีอายุครบ 1 ขวบ โดยทันตแพทย์จะทำการประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุของเด็ก และพิจารณาการใช้ฟลูออไรด์เคลือบฟันที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ นอกจากนี้ควรปรับพฤติกรรมด้านการกินหลีกเลี่ยงการให้ขนมกรุบกรอบ ขนมถุง ลูกอม เยลลี่ น้ำหวาน น้ำอัดลม ฝึกรับประทานอาหารให้เป็นเวลา รวมถึงการดูดนิ้ว ติดจุกนม กัดเล็บ ก็ควรปรับเปลี่ยนนิสัยลูกดังกล่าว เพื่อป้องกันโรคฟันผุในฟันน้ำนม เพื่อที่จะทำให้ลูกมีพัฒนาการที่สมวัย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ เคล็ดลับสอนลูกดูแลตัวเองให้พร้อมก่อนเข้าเรียน คลิกหน้า 2
เคล็ดลับที่ 3 ดูแลสุขภาพอนามัยทั่วไป
คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้เจ้าตัวเล็กสามารถช่วยเหลือตนเองเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอนามัยเบื้องต้นก่อนเข้าโรงเรียนได้ เช่น การทำความสะอาดอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
- ล้างมือ ล้างเท้า ควรสอนให้เจ้าตัวเล็กดูแลรักษามือ เท้า ให้สะอาดด้วยการล้างมือก่อนรับประทานอาหาร และหลังจากเล่นหรือสัมผัสสิ่งสกปรก ดูแลทำความสะอาดของเท้าหลังจากเล่นสนุกสนาน สอนให้ลูกสวมรองเท้าเมื่อต้องออกนอกบ้าน ไม่ควรเดินเท้าเปล่า เพื่อป้องกันการเหยียบถูกของแหลมคมทิ่มตำ นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลเล็บมือเล็บเท้าของลูก ตัดให้สั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
- อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย เพราะเด็กวัยก่อนเรียนจัดว่าเป็นวัยที่กำลังซุกซน เด็กจะสัมผัสกับดิน ทราย และต้องเจอกับฝุ่นละอองต่าง ๆ เนื่องจากผิวของเด็กบอบบางและละเอียดอ่อน สิ่งสกปรกอาจทำให้ผิวระคายเคืองเป็นผื่นแดง จึงควรให้ลูกได้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
- การทำความสะอาดดูแลหู ที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาด้านต่างๆ ของลูก เด็กสามารถใช้ภาษาพูดได้เมื่อเรียนรู้จากการได้ยิน การรักษาอนามัยของหูจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับหู คุณพ่อคุณแม่ควรเช็ดทำความสะอาดบริเวณใบหูและรูหูด้านนอกของลูกหลังอาบน้ำ สอนเจ้าตัวเล็กอย่าแคะหูเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อเยื่อแก้วหูได้
- สอนให้ลูกระมัดระวังไม่นำสิ่งแปลกปลอมใส่เข้าไปในจมูก สวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรคหวัด การไอ จามในกรณีที่ต้องอยู่ใกล้กับคนที่เป็นหวัด
นอกจากการดูแลตัวเองทำสุขอนามัยของตนเองแล้ว ยังรวมถึงการส่งเสริมให้ลูกได้ใช้ร่างกายในการเคลื่อนไหว ออกกำลังกาย พาออกไปเล่นนอกบ้าน เพื่อที่จะทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญพลังงานที่ดี ไม่ทำให้เกิดโรคอ้วน หรือโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา และส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพจิตที่ดีด้วย
การที่คุณพ่อคุณแม่ได้ดูแลเอาใจใส่ สอนให้ลูกน้อยมีความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เลี้ยงดูด้วยความรัก ก็จะส่งผลให้ลูกมีพัฒนาการ มีบุคลิกภาพเหมาะสม และสุขภาพดี ช่วยให้ลูกน้อยในวัยนี้เจริญเติบโตแข็งแรงพร้อมที่จะดูแลตัวเองในวัยเรียนได้อย่างสมวัยค่ะ.
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : resource.thaihealth.or.th, library.tru.ac.th
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ :
รู้ทัน! พฤติกรรม พัฒนาการลูก วัยก่อนเรียน ที่พ่อแม่ต้องรับมือ
13 เกม สำหรับเด็ก 3 ขวบ ช่วยกระตุ้นพัฒนาการเจ้าตัวเล็กก่อนเข้าเรียน
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่