คุณกำลังเลี้ยงลูกด้วยความฝันของตัวเองอยู่ หรือเปล่า? อย่าเอา ความฝันของพ่อแม่ “ยัดเยียดหรือโยนให้ลูกรับผิดชอบ” เพราะนั่นอาจไม่ใช่ความฝันของลูกเสมอไป
หมอเตือน! อย่ายัดเยียด ความฝันของพ่อแม่ ให้ลูกตั้งแต่ในท้อง
อย่าเลี้ยงลูกเพื่อทำตาม ความฝันของพ่อแม่ เพราะ ความฝันของพ่อแม่ อาจไม่ใช่ความฝันของลูกเสมอไป … คนเราเกิดมาต่างก็มีความรัก ความชอบ ความหลงใหลที่แตกต่างกันไป เมื่อค้นพบว่าชอบสิ่งไหนแล้ว ก็จะทำสิ่งนั้นได้อย่างมีความสุข โดยที่ไม่ต้องให้ใครมาบังคับให้ทำ ดังนั้น การนำความฝันของตนเอง (พ่อแม่) มาตั้งเป้าหมายให้ลูก เอามาใช้เลี้ยงลูก เพื่อหวังให้ลูกเป็นอย่างที่ตัวเองฝัน (เพราะตัวเองทำตามความฝันนั้นไม่ได้) จนบางครั้งลืมมองความฝันของลูกว่าอยากเป็นอะไร นั่นคือ การยัดเยียดความฝัน ถือเป็นหนึ่งในวิธีทำลายชีวิตลูกด้วยมือพ่อแม่ โดยไม่รู้ตัว!
พญ.ชัญวลี ศรีสุโข สูตินรีแพทย์ ระดับนายแพทย์เชี่ยวชาญ หัวหน้าแผนกสูตินรีเวช โรงพยาบาลพิจิตร ได้เล่าถึง กรณีศึกษาเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกเพื่อทำตาม ความฝันของพ่อแม่ ของสามี ภรรยาคู่หนึ่ง >> เมื่อทั้งคู่รู้ว่ากำลังจะมีลูก ก็ตื่นเต้นดีใจ สามีบอกให้ภรรยารีบไปหาคุณหมอ เพื่อให้คุณหมอตรวจอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าลูกที่จะเกิด เป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย สามีก็เชื่ออย่างหนักแน่นว่าเป็นผู้ชายอย่างแน่นอน!
ตั้งแต่แต่งงาน.. สามีบอกเสมอว่าอยากได้ลูกชาย เพื่อทำตามความฝันที่เขาทำไม่สำเร็จ นั่นคือการเป็นทูต ถ้ามีลูกชาย ลูกของเขาจะต้องเป็นทูตให้ได้
สามีภรรยาคู่นี้ อยู่กินกันมา 1 ปี แต่ก็ยังไม่มีลูก จึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีเจ้าตัวน้อย เมื่อผลการตรวจออกมา พบว่าตั้งครรภ์แน่นอน ภรรยาก็ดีใจ หัวใจพองโต ภรรยาตรวจอัลตร้าซาวนด์ จึงทราบว่าตั้งครรภ์ได้ 5 สัปดาห์แล้ว จึงโทรไปบอกสามี
คุณหมอให้ยาบำรุงครรภ์ และอธิบายวิธีปฏิบัติตัวในขณะตั้งครรภ์อย่างละเอียด เพราะว่าที่คุณแม่อายุมากแล้ว จึงมีความเสี่ยงสูง และนัดตรวจอีกครั้งใน 2 สัปดาห์
Must read >> ไขข้อข้องใจ มีลูกตอนแก่ เสี่ยงหรือไม่
คุณแม่มีความเสี่ยงสูงที่จะให้กำเนิดเด็กดาวน์ เสี่ยงต่อการแท้ง คลอดก่อนกำหนด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ครรภ์เป็นพิษ ฯลฯ ความเสี่ยงนั้นไม่ได้เกิดขึ้น 100% แต่มีโอกาสมากกว่าคนอายุน้อย
อ่านต่อ “อย่าเลี้ยงลูกเพื่อทำตามความฝันของพ่อแม่” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
(ต่อ) เรื่องเล่าจาก พญ.ชัญวลี ศรีสุโข อย่าเลี้ยงลูกเพื่อทำตาม ความฝันของพ่อแม่
เมื่อคุณแม่อายุมากแล้วและรู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยง จึงดูแลตัวเองเป็นอย่างดีตลอด 3 เดือนแรก เมื่อกลับมาหาคุณหมออีกครั้ง ก็อยากจะรู้ว่าได้ลูกชายหรือลูกสาว คุณหมอจึงตรวจให้ดู และพบว่าได้ลูกชายสมใจ เพราะลูกจะได้เป็นทูต
คุณหมอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า หมอไม่สบายใจ เพราะยังไม่รู้เลยว่า ลูกที่อยู่ในครรภ์จะเป็นดาวนส์หรือไม่ เพราะอายุครรภ์ยังไม่ถึงที่จะตรวจได้ ไม่อยากให้คาดหวังมากจนเกินไป ว่าลูกจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย ลูกจะแข็งแรงสมบูรณ์ดีหรือไม่ หรือกำหนดให้ลูกที่อยู่ในท้องเป็นอย่างไรในอนาคต เพราะลูกรักก็คงไม่อยากทำให้พ่อแม่ผิดหวัง
มีเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่เป็นตัวอย่างได้ดี เช่น ลูกสอบติดคณะอื่น แต่พ่อแม่กลับบอกให้ลาออก แล้วสอบใหม่ บางคนสอบครั้งเดียวก็ติดคณะที่พ่อแม่ต้องการ บางคนสอบครั้งแล้ว ครั้งเล่าก็ไม่เคยเข้าคณะนั้นได้ บางคนโดนบังคับให้เรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากเรียนจนจบ บางคนเรียนไม่จบก็ถูกไล่ออก บางคนเครียด ซึมเศร้า ลงท้ายด้วยการจบชีวิตอย่างน่าเศร้า และบางคนจบออกมาถือว่าตัวเองทำตามความต้องการของพ่อแม่แล้ว แต่เปลี่ยนอาชีพไปเป็นอย่างอื่น และไม่ทำตามสิ่งที่พ่อแม่ต้องการอีกต่อไป
เมื่อเรามีลูก หน้าที่ที่สำคัญของพ่อแม่ คือดูแลลูกให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ ป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเขาเมื่อเขายังเล็ก เมื่อเขาโตขึ้น ควรสนับสนุนให้ลูกทำในสิ่งที่เขารัก หรือชอบ ตามศักยภาพที่เขามีอยู่ ไม่ใช่ทำตามความใฝ่ฝัน หรือทำแทนความฝันของตัวเอง การยัดเยียดความฝันของคุณให้ลูก โดยที่ไม่สนใจว่าลูกจะมีความสุขหรือไม่ เป็นการทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว
จงจำเอาไว้ว่า!! ความฝันของพ่อแม่ ไม่ใช่ความฝันของลูก
แต่ความสุขของลูก คือ “ความสุขของพ่อแม่”
ขอบคุณข้อมูจาก พญ.ชัญวลี ศรีสุโข สูตินรีแพทย์ ระดับนายแพทย์เชี่ยวชาญ
หัวหน้าแผนกสูตินรีเวช โรงพยาบาลพิจิตร
หน้าที่ของพ่อแม่ (เพื่อความฝันที่ดีของลูก) คือ…
ความรักของคุณพ่อคุณแม่ที่แท้จริงและถูกต้อง คือ ค้นหาศักยภาพของลูกให้เจอ แล้วสนับสนุนในสิ่งที่ลูกชอบ อยากทำ และอยากเป็น ช่วยหาแรงบันดาลใจ ให้กำลังใจลูก สุดท้ายเมื่อลูกมีความสุข คุณพ่อคุณแม่ก็ย่อมมีความสุขไปด้วย ทั้งนี้ในปัจจุบันก็มีเด็กหลายคนที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องการอะไร อยากทำอะไร ชอบอะไร หรืออยากเป็นอะไร เพราะฉะนั้นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่คือ
1. พยายามให้ลูกได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ตามที่เค้าต้องการให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นพื้นฐานและเป็นข้อมูลให้เค้าได้ตัดสินใจได้ถูกต้อง
2. ไม่ควรห้าม หรือปิดกั้นความฝันของลูก แต่ควรยอมรับความชอบที่แตกต่าง ยอมรับในความคิดเค้า ให้เค้าได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง
3. ยอมรับในความต้องการของลูก เช่น หากลูกต้องการเรียนพิเศษเอง ไม่มีใครบังคับ ก็ควรปล่อยให้เค้าได้เรียน คุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งสับสนกับการเข้มงวดเรื่องเรียน เพราะถ้าหากเค้าอยากเรียนโดยสมัครใจเองควรปล่อยเค้า เราแค่สนับสนุนพอ
เพราะบางครอบครัวคาดหวังว่าอยากให้ลูก เรียนเปียโน เรียนว่ายน้ำ หรืออื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับวิชาการ แต่อย่าลืมถ้าลูกทำแล้วมีความสุขก็ควรปล่อยให้ทำ เพราะลูกยังเล็ก เค้ายังไม่รู้ว่าเค้าอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมเค้าให้ได้ทำสิ่งต่างๆ ได้มากที่สุดเท่าที่ลูกอยากทำ … ขอให้นึกไว้เสมอว่า ลูกมีความสุข พ่อแม่มีความสุข สังคมก็จะมีแต่คนมีความสุข คนมีคุณภาพ เมื่อทุกคนได้ทำตามความฝัน ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักนั่นเองค่ะ
อ่านเพิ่มเติม คลิก!!
- ให้ลูกเล็กเรียนเสริม แต่ไม่บังคับ ถือว่ามากไปไหม?
- 7 ข้อห้าม อย่าบังคับให้ลูกทำหากยังไม่พร้อม!
- อย่า(พยายาม)บังคับลูก โชว์ออฟต่อหน้าคนอื่น
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
Save