เลี้ยงลูกไม่ให้สบายเกินไปป้องกันโรคไม่รู้จักลำบาก

ลูก คือเหตุผลที่ทำให้พ่อแม่ทุ่มเท อยากเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดเพื่อให้ลูกจดจำ การเลี้ยงลูกต้อง เลี้ยงลูกไม่ให้สบายเกินไป เพราะพ่อแม่บางครั้งด้วยความรักลูกมักจะโอบอุ้มลูก และตามใจจนลูกเคยตัว ไม่ได้หมายความว่าต้องเลี้ยงให้ลำบาก แต่ฝึกให้รู้จักดูแล และช่วยเหลือตัวเองได้

เลี้ยงลูกไม่ให้สบายเกินไป

การสอนลูกให้เป็นคนมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น และรู้จักมีความรับผิดชอบ มีความอดทน และไม่อ่อนแอก็เป็นเรื่องสำคัญ คุณพ่อ คุณแม่ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง เข้มแข็งพอที่จะดุลูก และสั่งสอนลูก

สอนลูกอย่างไรในสังคมปัจจุบัน

ในช่วงขวบปีแรกพ่อแม่ต้องให้ความรักให้ลูกน้อยอย่างเต็มที่ ลูกจะรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย รักตัวเอง ครอบครัว และคนรอบข้าง ป้องกันการเป็นเด็กที่มีปัญหาในสังคม ทำให้ลูกรักคนเป็น เคารพผู้อื่น เห็นใจผู้อื่น ลูกที่ขาดความรักจะไม่สนใจใคร รักแต่ตัวเอง และกล้าที่จะต่อสู้กับพ่อแม่ของตัวเอง

ฉะนั้นพ่อแม่ต้องให้ความรักด้วยการอบรมลูก สอนให้เขารู้จักเคารพผู้อื่น ไม่เจ้าระเบียบมากจนเกินไป อย่าใช้ความรุนแรง เพราะลูกจะต่อต้าน และมีปัญหาทางอารมณ์

คุณพ่อ คุณแม่เคยเจอเหตุการณ์นี้บ้างมั้ย?

• ลูกขี้เกียจมากๆ พอทำอะไรไม่ได้ ก็ร้องไห้ วิ่งไปหาพ่อแม่ ให้พ่อแม่ช่วย
• ลูกขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าตัดสินใจ
• ลูกค้นหาตัวเองไม่เจอ ความอดทนต่ำ โลกสวย ทุกอย่างง่ายไปหมด

ต้นเหตุของพฤติกรรมเหล่านี้ คือ ความสบายที่มากจนเกินไป ชีวิตนี้มีพ่อแม่ทำให้ หาให้ จัดการให้ทุกอย่าง อยากได้อะไรก็ได้ เมื่อไม่ได้ดังใจ ไม่ทันใจ ไม่ถูกใจ ก็โมโห อาละวาด และโทษคนอื่น แต่ลืมมองดูตัวเอง เมื่อลูกร้องไห้ งอแงหนักเข้า พ่อแม่ก็จะรีบตอบสนองความต้องการของลูก ด้วยการตามใจ กลัวลูกไม่มีความสุข กลัวลูกไม่รัก

พ่อแม่ทุกคนรักลูก และอยากให้ลูกมีความสุข แต่คุณพ่อ คุณแม่อยู่เลี้ยงลูก ตามใจลูกไปตลอดชีวิตไม่ได้ ต้องปล่อยให้ลูกรู้จักโต รู้จักดูแลตัวเอง และรู้จักความลำบาก

“ลำบาก” ไม่ใช่ปล่อยให้หิว อดตาย อดมื้อกินมื้อ ให้ลูกไปทำงานหนัก เพื่อแลกกับอาหาร แต่เป็นการมอบหมายหน้าที่ให้รับผิดชอบ และฝึกให้ลูกรู้จักรอ

อ่านต่อ “การมอบหมายหน้าที่ให้เหมาะสมกับวัย” คลิกหน้า 2

การมอบหมายหน้าที่ให้เหมาะสมกับวัย

• เด็กวัย 2 ขวบ สอนให้รู้จักเก็บของเล่นได้ด้วยตัวเอง
• เด็กวัย 5 ขวบ สอนให้รู้จักรับประทานอาหาร แล้วเก็บจานได้ด้วยตัวเอง และช่วยพ่อแม่ล้างจาน
• เด็กวัย 9 ขวบ สอนให้รู้จักจัดตารางสอนด้วยตัวเอง ทำการบ้านด้วยตัวเอง ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน

หน้าที่ที่พ่อแม่มอบหมาย จะปลูกฝังลูกตั้งแต่ยังเล็ก ให้เขารู้จักความรับผิดชอบ ให้เขาเรียนรู้ และเข้าใจว่าบางสิ่งบางอย่างไม่ได้หามาได้ง่ายๆ ต้องใช้ความพยายาม และอดทน อย่าเลี้ยงลูกให้สบายวันนี้ แล้วลำบากไปทั้งชีวิต

รักลูกต้องไม่เอาใจลูก

ในทุกๆ วัน จะต้องมีสิ่งที่ลูกไม่อยากทำ และมักจะพูดว่า “แม่คะ หนูไม่อยากทำ หนูไม่ชอบ” คุณพ่อคุณแม่บางคนพอได้ยินแล้วก็โมโห แล้วจะตัดสินใจอย่างไร ระหว่างตามใจลูก กับขัดใจลูก

เราต้องสอนให้ลูกเข้าใจ รู้จักฟัง และคิดอย่างมีเหตุผล โดยใช้ประโยคการพูดง่ายๆ แต่หนักแน่น ไม่ตะโกน ตะคอกด้วยความโมโห

ยกตัวอย่างเช่น ลูกมีอาการปากแตก แห้ง จนบางครั้งปากลอก เลือดออกซิบๆ จำเป็นจะต้องทาลิปบาล์ม แต่เด็กๆ ไม่ยอมทา

ลูก: แม่ หนูไม่ทา หนูไม่ชอบ (เอามือปัด)

แม่: ลูกปากแห้ง เดี๋ยวปากแตก ถ้าไม่ทาจะเจ็บมากนะคะ (อธิบายด้วยเหตุผล ใช้คำพูดสั้นๆ ง่ายๆ)

ลูก: ไม่ชอบ หนูไม่ชอบ

แม่: ลูกฟังแม่นะคะ ในบางครั้งเราต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบบ้าง แต่สิ่งนั้นมีประโยชน์ต่อลูก แม่ก็ไม่ชอบเหมือนกัน แต่แม่ก็ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ (อาจทาให้ลูกดูด้วย)

ลูก: (คิด ลังเล หรือยังปฏิเสธ)

แม่: ลูกจะทาเอง หรือให้แม่ทาคะ (ฝึกให้ลูกมีโอกาสเลือกด้วยตัวเอง เป็นการฝึกการตัดสินใจด้วยตัวเอง)

รอให้ลูกเลือก แล้วชมเชยเมื่อลูกทาเสร็จแล้ว ความเข้าใจ ความอดทนเป็นสิ่งสำคัญ ค่อยๆ สอน และปรับใช้ตามสถานการณ์ต่างๆ ได้

อ่านต่อ “ประโยคง่ายๆ ไม่ให้ลูกเอาแต่ใจ” คลิกหน้า 3

ประโยคง่ายๆ ไม่ให้ลูกเอาแต่ใจ

คุณพ่อคุณแม่หลายบ้านคงมีปัญหา ลูกน้อยบางคนเอาแต่ใจมาก ขัดใจปุ๊บ ร้องไห้ปั๊บ บางคนถึงขั้นกรี๊ดเสียงดัง ไม่ยอมเงียบ ยิ่งตามใจลูก ยิ่งเลี้ยงยาก การขัดใจลูก ถึงจะทำให้ร้องไห้บ้าง แต่มันคือการฝึก ไม่ต้องกลัวลูกจะเครียด หรือไม่รักเรา

ยกตัวอย่างเช่น ลูกอยากดูการ์ตูน เมื่อขอดูแล้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่ให้ดูก็ร้องไห้ ให้พ่อแม่นั่งลงระดับเดียวกับลูก มองตา แล้วพูดกับลูก ใช้น้ำเสียงต่ำ แต่เข้มแข็ง อย่าพูดอ่อนหวาน เพราะลูกจะแยกไม่ออก

“ถ้าลูกร้องไห้ แม่จะไม่ให้ดูการ์ตูน แต่ถ้าลูกเงียบ แม่อาจจะให้ดูการ์ตูนก็ได้นะคะ” แล้วปล่อยให้ลูกเงียบ

เป็นการฝึกให้ลูกมีเหตุผล ฝึกให้คิดตาม และเชื่อฟังในสิ่งที่พ่อแม่พูด สอนให้ลูกรู้จักควบคุมอารมณ์ ไม่ใช่อะไรไม่ได้ดังใจก็ร้องไห้ คุณพ่อคุณแม่ต้องชัดเจน และบอกให้ลูกเข้าใจว่าทำแบบนี้ไม่ได้เพราะอะไร

เมื่อลูกเงียบแล้วให้ชมลูก เช่น “น่ารักมากเลยค่ะ” เพื่อย้ำให้ลูกรู้ว่าพฤติกรรมไหนน่ารัก และควรทำ แล้วอธิบายเหตุผลว่าทำไม จะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่มีเหตุผล

เครดิต: สารพันปัญหาการเลี้ยงลูก, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส, Basic-Skill for young children

อ่านเพิ่มเติม คลิก!!

โรคไม่รู้จักลำบาก โรคใหม่ของเด็กไทยในยุคปัจจุบัน

ฝึก “วินัย” ลูก ให้ความสามารถนำทางชีวิตด้วยตัวเอง

วิธีพูดให้ลูกทำตาม และไม่ต่อต้าน 30 วิธี

Save

Save