พันธุกรรม เป็นหนึ่งใน ปัจจัยทำให้ลูกฉลาด แล้วถ้าพ่อแม่ไม่ฉลาดล่ะจะทำอย่างไร? ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนก็จะบอกว่า เป็นไปตามบุญ ตามกรรม หรือพรสวรรค์ของคนนั้น แต่ปัจจุบันความฉลาดเป็นเรื่องที่พ่อแม่สามารถเสริมให้ลูกได้มากขึ้น และปัจจัยที่สำคัญที่สุด ก็คือ ตัวของคุณพ่อคุณแม่ ที่จะสามารถส่งเสริมความฉลาดของลูกได้มากน้อยแค่ไหนนั่นเอง
พญ.จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ นายกสมาคมนักวิจัยไทยเพื่อการพัฒนาเด็ก และครอบครัว หนึ่งในกลุ่มผู้บุกเบิกงานวิจัยเรื่องสมองเด็กไทย มองว่า คุณพ่อคุณแม่จำนวนไม่น้อยเลี้ยงลูกผิดวิธี ส่งผลให้เด็กยิ่งเติบโตพัฒนาการด้านต่าง ๆ ยิ่งลดต่ำลง
“โดยส่วนใหญ่จะฝึกลูกแบบไม่ประณีต ชุ่ย ๆ หรือแบบสำเร็จรูป บางคนเลี้ยงลูกด้วยโทรทัศน์ และแท็บเล็ต/สมาร์ทโฟน …แต่หารู้ไม่ว่า เทคโนโลยีเหล่านี้ไปทำลายสมองส่วนหน้า ทำให้เด็กเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ ไม่ชอบคิด และกลายเป็นเด็กสมาธิสั้น”
สอดรับกับงานวิจัยหลาย ๆ ชิ้นที่เปรียบเทียบระดับไอคิวของเด็กที่ดูโทรทัศน์วันละ 1 ชั่วโมงกับเด็กที่ไม่ดูโทรทัศน์เลย พบว่า เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี ระดับพัฒนาการของเด็กที่ดูโทรทัศน์จะต่ำกว่าเด็กที่ไม่ดูอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ดี พญ.จันทร์เพ็ญ มีข้อแนะนำในทางปฏิบัติให้คุณพ่อคุณแม่นำไปช่วยลูกปฐมวัย หรือก่อน 6 ขวบเพื่อกระตุ้นสมอง และพัฒนาการทางภาษาอย่างถูกวิธี ตามแนวทางดังต่อไปนี้
- คุยกับลูกอย่างสนุกสนาน ลูกต้องคุ้นเคย และได้ยินเสียงคุณพ่อคุณแม่บ่อยที่สุดเท่าที่จะบ่อยได้ บอกเขาว่า คุณคือใคร คุณกับลูกอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไรอยู่ และอธิบายถึงสิ่งรอบตัวที่ลูกเห็น ได้ยินเสียง และสัมผัสได้ เริ่มจาก สิ่งเล็ก ๆ ใกล้ตัว ไปสู่สิ่งที่ใหญ่ขึ้น และไกลตัวออกไป รวมถึงการทักทายเด็กตั้งแต่ตื่นนอนเป็นประจำทุกวัน พร้อมกับโอบกอด หอมแก้ม หรือหยอกล้อไปด้วยจะยิ่งกระตุ้นสมองมากขึ้น
- รับฟังลูกอย่างอดทน และตั้งใจ แม้ในช่วงแรก ๆ จะยังไม่เข้าใจภาษา หรือคำพูดที่ลูกใช้ แต่เมื่อลูกรับรู้ว่ามีคนตั้งใจฟังเขา จะเป็นแรงกระตุ้นให้เขาอยากฝึกออกเสียง หรือเปล่งคำพูดใหม่ ๆ มากขึ้น และอย่าเบื่อที่จะตอบคำถามลูก เพราะการขยันตอบคำถามลูกวัยเด็กเล็กก็เพื่อกระตุ้นสมองให้เด็กเป็นคนกล้าคิด ทำให้เกิดวงจรเรียนรู้แบบถาวร
- ให้เวลาลูกตอบสนองหรือตอบคำถาม เพราะต้องไม่ลืมว่าเด็กเล็ก ๆ ต้องการเวลาทำความเข้าใจ เพื่อเรียบเรียงความคิดก่อนที่จะสามารถสื่อสารกับคุณได้ ดังนั้นอย่าใจร้อน เร่งรัด หรือพูดแทน หรือพยายามเติมคำในช่องว่างเวลาที่ลูกพูดกับเรา ควรให้เขาได้พยายามคิด และพูดออกมาด้วยตัวเอง
- พูดคำง่าย ๆ สั้น ๆ และช้า ๆ เพราะในสมองลูกยังมีคำจำกัด อายุเขาต่างจากเรามาก ความเข้าใจในถ้อยคำต่าง ๆ จึงยังมีไม่มาก หากต้องอธิบายอะไรให้ลูกเข้าใจ ต้องปรับประโยคให้ง่าย สั้น ชัดเจน พูดทีละเรื่อง แล้วลูกจะเรียนรู้คำต่าง ๆ ได้รวดเร็ว
- ตอบสนอง และชื่นชมกับความพยายามของลูกที่จะสื่อสารกับเรา ไม่จำเป็นต้องคอยแก้ไขคำพูดที่ลูกพูดผิด แต่สิ่งที่ควรทำคือ ทบทวนคำ หรือประโยคที่ลูกพูดให้ถูกต้อง เช่น ลูกพูดว่า “แม่ไปหลาด” แทนที่จะตำหนิว่า “ไม่ใช่ ๆ ลูกพูดผิด” ควรทวนโยคของลูกด้วยประโยคที่ถูกต้อง คือ “จ้ะ แม่ไปตลาด”
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนอกจากที่กล่าวมาแล้ว ก็ยังมีวิธีที่ทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์มาแล้วและคุณพ่อคุณแม่สามารถเสริมสร้างความฉลาดให้ลูกได้มากขึ้น โดยมีปัจจัยสำคัญที่ช่วยได้จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าสิ่งที่ทำให้เด็กตั้งแต่ทารกจนถึงวัยรุ่นฉลาด มี 10 อย่าง ดังนี้…
อ่านต่อ >> “10 ปัจจัยทำให้ลูกฉลาดเป็นเด็กอัจฉริยะ” คลิกหน้า 2
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.manager.co.th
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
10 ปัจจัยทำให้ลูกฉลาด เป็นเด็กอัจฉริยะ
1.เรียนดนตรี
จากผลการวิจัยเมื่อเทียบกับเด็กที่ไม่ได้เรียนดนตรีเด็กกลุ่มที่เรียนดนตรีสามารถพัฒนา ไอคิวได้เต็มรูปแบบโดยวัดจากการทดสอบ IQ จากคะแนนต่างๆ
⇒ Must read : 10 ข้อดี ดนตรีเสริมพัฒนาการลูก ให้รอบรู้ในหลาย ๆ ด้าน
2.ออกกำลังกาย
จากการวิจัยพบว่า หลังจากออกกำลังกายคนเราสามารถเรียนรู้คำศัพท์คำใหม่ได้เร็วขึ้น 20% ในปี 2007 การศึกษาของนักวิจัยเยอรมันพบว่าคนสามารถเรียนรู้คำศัพท์ได้เร็วขึ้นร้อยละ 20 ก่อนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังมีการศึกษาสมองของกลุ่มอาสาสมัครที่ออกกำลังกายในระยะสามเดือนแล้วเอาภาพของสมองของพวกเขาก่อนและหลังมาเทียบกับ สิ่งที่พบก็คือว่าปริมาณของเส้นเลือดฝอยในความทรงจำ
⇒ Must read : ออกกำลังกายช่วยลดอาการเหวี่ยงของลูกน้อยได้
3.อ่านหนังสือกับเด็ก
การอ่านหนังสือกับเด็ก อย่างเพียงอ่านแล้วพวกเขาจ้องมองที่ภาพในหนังสือในขณะที่คุณอ่าน แต่ควรให้เด็กสนใจกับตัวหนังสือและคำที่อ่าน ซึ่งจะช่วยสร้างทักษะการอ่านและส่งเสริมความสามารถในการอ่านออกเขียนได้
⇒ Must read : อ่านหนังสือให้ลูกฟังทุกคืน ดีอย่างไร? และทำได้อย่างไร?
⇒ Must read : ชวนลูกอ่านหนังสือ พัฒนาสมอง ด้วยเคล็ดลับ 7 ข้อ
⇒ Must read : ลูกไม่ชอบอ่านหนังสือ ให้ลูกอ่านจากจอแทน จะดีไหม?
4.การนอน
มีการวิจัยพบว่า “การสูญเสียของหนึ่งชั่วโมงของการนอนหลับจะเทียบเท่ากับ การสูญเสียสองปีของการเจริญเติบโตและการพัฒนาองค์ความรู้” ยังมี อีกงานวิจัยพบว่า นักเรียนที่ได้รับเกรด A นอนหลับมากกว่านักเรียนที่ได้รับเกรด B ประมาณ 15 นาทีและเช่นเดียวกัน นักเรียนที่ได้รับเกรด B นอนหลับนานกว่านักเรียนที่ได้รับเกรด C ประมาณ 15 นาที แสดงว่า แค่สิบห้านาทีก็สำคัญ
⇒ Must read : การนอนของลูก แรกเกิด ถึง 6 ปี แค่ไหนถึงจะพอ?
⇒ Must read : 5 ข้อดีของการให้ลูกนอนกลางวัน ที่แม่อาจไม่เคยรู้มาก่อน
5.การมีวินัยในตัวเอง
การศึกษาแสดงให้เห็นว่าความมีวินัยในตัวเองเป็นหลักสำคัญที่สุดสำหรับความสำเร็จของแต่ละบุคคล ตัวอย่างเช่น นักเรียนที่มีวินัยในตัวเองจะได้รับเกรดที่สูงเพราะ มีการขาดเรียนน้อยกว่าและมีความสำคัญมากกว่า IQ
⇒ Must read : สร้างวินัยเด็กอนุบาล อย่างไร? ให้ได้ผลดี
⇒ Must read : เลี้ยงลูกแบบญี่ปุ่น อย่างไร? ให้พึ่งพาตัวเองได้ มีวินัย ไม่งอแง
คลิกอ่านต่อ “ปัจจัยทำให้ลูกฉลาดเป็นเด็กอัจฉริยะ” หน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
6.การเรียนรู้ด้วยตัวเอง
การศึกษาพบว่าเด็กทารก 17-24 เดือนที่ดู DVD สอนหนังสือเด็กตัวอย่างเช่น Baby Einstein หนึ่งชั่วโมงต่อวันจะ เรียนรู้คำศัพท์ได้น้อยกว่าทารกที่ไม่ได้ดูประมาณหกถึงแปดคำ สมองของเด็กจะพัฒนาการเรียนรู้ได้ดีเมื่อ เด็กได้กระทำโดยผ่านประสบการณ์ การทำตามกิจกรรม แบบฝึกหัด การทดลอง การเรียนรู้ทำให้เด็กมีประสบการณ์ต่างๆ เพิ่มขึ้นเพราะเด็กได้ทำกิจกรรมต่างๆ ได้เห็น ได้ฟัง และได้สัมผัส
7.การทานอาหารมีประโยชน์
อาหาร เป็นอีกหนึ่ง ปัจจัยทำให้ลูกฉลาด ได้ เพราะอาหารมีความสำคัญต่อชีวิตตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ เด็กจำนวนมากขาดสารอาหารตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ทำให้มีน้ำหนักแรกคลอดต่ำกว่า 2500 กรัม ระยะหลังคลอดถึง 6 เดือน เป็นระยะที่เด็กควรได้รับอาหารที่เหมาะสมที่สุด คือ นมแม่ ซึ่งมีคุณค่าทุกอย่างพร้อม เมื่อเด็กอายุ 6 เดือน ควรเริ่มให้อาหารเสริมโดยเริ่มทีละอย่างและทีละน้อยจนเด็กได้รับอาหารเสริมครบ 5 หมู่ เด็กต้องการอาหารในปริมาณและคุณภาพดี
8.เด็กที่มีความสุข = เด็กที่ประสบความสำเร็จ
มนุษย์ทุกคนต้องการความรักความอบอุ่น ความรู้สึกปลอดภัยและความไว้วางใจกัน สิ่งเหล่านี้เป็นอาหารใจและเป็นรากฐานที่สำคัญมาก ถ้าพ่อแม่และครูเข้าใจเด็กรู้จักตอบสนองความต้องการเด็กอย่างเหมาะสมและสามารถสร้างความผูกพันทางใจกับเด็กได้อย่างดีแล้วเด็กจะมีอารมณ์แจ่มใส เจริญเติบโตไว ร่าเริงน่ารัก เมื่อโตขึ้นจะมีความมั่นใจในตัวเองและมองโลกในแง่ดี รู้จักปรับตัวอยู่กับผู้อื่นได้อย่างดีด้วย
9.สิ่งแวดล้อม
การที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงที่มีความสุขและไปให้กับโรงเรียนที่มั่นคงและทำให้แน่ใจว่าเด็กออกไปเที่ยวกับเด็กที่ดีสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมาก
หนึ่งการศึกษาของนักศึกษาวิทยาลัย Dartmouth โดยบรูซ Sacerdote เขาพบว่าเมื่อนักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ยต่ำไปพักอยู่กับกับนักเรียนที่คะแนนสูงกว่า คะแนนของเค้าจะดีขึ้น
10.เชื่อในพวกเขา
การเชื่อว่าลูกของคุณฉลาดกว่า จะทำให้เค้าฉลาดขึ้น จากงานวิจัยของโรเซนธาลและ Lenore Jacobson (1968) ได้ศึกษาว่า ครูโรงเรียนประถมศึกษาได้ทำการทดลองโดยสุ่มนักเรียนขึ้นมาแล้วบอกว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มนักเรียนที่มีไอคิวดีกว่าคนอื่น ในตอนสิ้นของปีโรงเรียน ร้อยละ 30 ของเด็กกลุ่มนี้ มี IQ เพิ่มขึ้น 22 จุด
อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!
- 12 ทางลัด ช่วยลูกฉลาด-อารมณ์ดีพ่อแม่ทำได้
- เผยความลับ! 10 วิธีการเลี้ยงลูก ที่ทำให้เด็กชาวยิวฉลาดที่สุดในโลก
- แนะนำ 50 วรรณกรรมเพื่อลูกฉลาด ต้องอ่านก่อนโต
- 7 พฤติกรรมแม่ท้อง กระตุ้นลูกในครรภ์ฉลาด
เครดิต: OohLaLaBabies