สัญญาณร้ายเตือนพ่อแม่ยุคใหม่หันมาใส่ใจลูก หลังพบตัวเลขเด็กปฐมวัยช่วยเหลือตัวเองได้น้อยลง และขาดทักษะทางการพูด โดยชี้ว่าปัญหามาจากพ่อแม่ และผู้ดูแลขาดการเอาใจใส่ที่ดีพอ เนื่องจากพ่อแม่ให้ความสนใจกับสมาร์ทโฟนมากกว่าลูกนั่นเอง
เตือน! พัฒนาการลูกเสีย จากมือถือของพ่อแม่
ปัญหาดังกล่าวถูกรายงานโดยเทเลกราฟ สื่อของอังกฤษ โดยพบว่า เด็กถึง 1 ใน 3 ที่อยู่ในชั้นเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนในระดับชั้นประถมศึกษา (ปฐมวัย) นั้นยังไม่พร้อมสำหรับเรียนในโรงเรียน เนื่องจากพวกเด็กๆ ขาดทักษะทางสังคม มีปัญหาด้านการพูด บ้างก็ยังไม่เคยถูกฝึกการเข้าห้องน้ำ ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา เผยว่า ปัญหาที่เกิดต่อเด็กปฐมวัยเหล่านี้มาจากในวัยเด็ก พวกเขาถูกละเลย ทอดทิ้งโดยผู้ดูแล ซึ่งอาจเป็นพ่อแม่ หรือพี่เลี้ยง
“เราพบว่าการพูดคุยกันระหว่างพ่อ แม่ ลูกมีน้อยลง เด็ก 4 ขวบบางคนรู้วิธีกดปุ่มเพื่อเข้าหน้าจอหลักของโทรศัพท์มือถือ แต่ไม่สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างถูกต้อง ทุกวันนี้เรามีเด็กปฐมวัยที่มีปัญหาในการพูด และไม่พร้อมสำหรับการเรียนในโรงเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ” คุณครูระดับหัวหน้ารายหนึ่งกล่าว
ทั้งนี้ สภาพที่เกิดขึ้นต่อเด็กๆ อาจเป็นความท้าทายครั้งใหม่ของสถาบันครอบครัวในการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้อยู่ห่างจากเทคโนโลยีเสียบ้าง เพราะที่ผ่านมาเราอาจได้เห็นว่าพ่อแม่จำนวนมากหมกมุ่นอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือมากกว่าจะคุยกับลูกๆ ของตนเองเสียแล้ว
อ่านต่อ >> “พัฒนาการลูกเสียจากมือถือของพ่อแม่” คลิก หน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
รวมถึงในบางครั้งการให้ลูกรับโทรศัพท์ให้หรือให้ลูกเล่นเกมในโทรศัพท์ทั้งวันจะทำให้พัฒนาการของลูกหยุดนิ่ง เพราะในขณะที่มือถือทำงานอยู่นั้น จะมีรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นรังสีเดียวกันกับรังสีคลื่นวิทยุ และรังสีไมโครเวฟ รังสีตัวนี้จะทำให้ระบบการทำงานของ ดีเอ็นเอ เสียหายได้ เมื่อใช้มือถือบ่อย ๆ เด็ก ๆ อาจจะมีอาการปวดหัว มึนงง อ่อนเพลีย หรือนอนไม่หลับ หรือที่ร้ายแรงที่สุดคือ อาจเกิดเนื้องอกตรงประสาทหู ประสาทตา ลูกตา ต่อมน้ำลาย และสมอง
คุณแม่ที่มีลูกอายุไม่เกิน 9 ขวบไม่ควรปล่อยให้ลูกใช้โทรศัพท์มากเกินไป เพราะระบบประสาทของลูกยังทำงานไม่สมบูรณ์ คลื่นรังสีนี้อาจเข้าไปทำลายได้ เนื่องจากกะโหลกศีรษะของลูกยังไม่หนาพอที่จะผลกระทบจากรังสีตัวนี้ (อ่านต่อ >> อย่าฆ่าลูกน้อย!! ด้วยโทรศัพท์มือถือ คลิกเลย)
นอกจากจะทำลายระบบประสาทของลูกแล้ว การใช้มือถือมากเกินไปยังทำให้ พัฒนาการของเด็ก เสียอีกด้วยค่ะ ถ้าคุณแม่ปล่อยให้ลูกใช้มือถือบ่อย ๆ ลูกจะชินอย่างเช่นลูกเอาไว้เล่นเกม ลูกก็จะติดเกมในมือถือ ทำให้ลูกไม่อยากเล่นหรือสำรวจสิ่งใหม่ ๆ รอบตัว ทำให้พัฒนาการทางด้านนี้เสียไป และการที่ลูกไม่ออกไปเล่นนอกบ้านหรือทำกิจกรรมอย่างอื่น เล่นแต่เกมในมือถือ กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายลูกก็จะไม่เกิดการพัฒนาอาจทำให้ร่างกายของลูกไม่แข็งแรงเท่าเด็กคนอื่น ๆ
นอกจากจะไม่พัฒนาด้านร่างกายแล้ว การพัฒนาด้านสังคมของลูกก็เสียไปด้วยเนื่องจากลูกไม่อยากเล่นกับกลุ่มเพื่อน พูดคุยกับเพื่อนรุ่นเดียวกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ทำให้พัฒนาการด้าน การพูด การอ่าน และ การเขียนช้าลงกว่าเด็กวัยเดียวกันค่ะ
คนในครอบครัวสามารถช่วยเด็ก ๆ ไม่ให้ติดมือถือได้ โดยการชวนลูกทำกิจกรรมที่ทำด้วยกันได้ เช่น ชวนเล่นจิ๊กซอว์ ต่อบล็อก ชวนเล่นเกมต่าง ๆ ลูกจะลืมเรื่องมือถือไปเองค่ะ แต่ถ้าจำเป็นต้องให้ลูกใช้มือถือก็ควรให้ลูกพูดให้สั้น ๆ เข้าใจง่ายที่สุด หรือให้ใช้อุปกรณ์เสริมเช่น แฮนด์ฟรี เพื่อลดความเสี่ยงของคลื่นไฟฟ้าจะส่งตรงเข้าสมองของลูก และควรวางมือถือให้ไกลจากลูกมากที่สุดลูกจะได้ไม่หยิบมาเล่นจนเคยตัวค่ะ
อ่านต่อ “บทความน่าสนใจ” คลิก!
- อย่ามัวแต่ก้มมองมือถือ จนลืมลูกน้อยข้างตัว
- กรมสุขภาพจิตพบ! เด็กเล็กเป็นโรค ไฮเปอร์เทียมมากขึ้น เพราะพ่อแม่ให้ลูกเล่นแท็บเล็ต-มือถือ
- หยุดเด็กตื่นมาดูมือถือกลางดึก ภัยเงียบส่งผลอ่อนเพลียที่โรงเรียน
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.manager.co.th