อยากให้ลูกเป็นแบบไหน ว่ากันว่าอยู่ที่ “พ่อแม่เลี้ยงลูก” อยากเป็นพ่อแม่แบบไหน แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร เลือกเลย!
คุณพ่อคุณแม่คะ ทราบกันหรือไม่คะว่าสไตล์การเลี้ยงลูกของเรานั้นมีผลกับอุปนิสัยของลูก และแน่นอนค่ะว่า ในแต่ละแบบกก็ย่อมมีผลลัพธ์ที่ต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเลี้ยงลูกตามใจ ให้ทุกอย่างที่ลูกอยากได้ ก็จะส่งผลให้ลูกกลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจได้
ไดอาน่า บัมลินด์ นักจิตวิทยาประจำมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้ทำการรวบรวมเกี่ยวกับเรื่องพัฒนาการของเด็กในแต่ละวัย โดยพูดถึงลักษณะนิสัยของเด็กแต่ละคน โดยสามารถแบ่งออกได้ตามลักษณะความต่างของการที่ พ่อแม่เลี้ยงดู จะมีประเภทไหนบ้าง แล้วเราจะอยู่ในข้อใด ไปอ่านบทความนี้พร้อม ๆ กันเลยค่ะ
อย่างที่ได้เกริ่นไปในตอนต้นถึงลักษะของอุปนิสัยของเด็กว่า ขึ้นอยู่ที่การเลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่นั้น ไดอาน่า ได้แบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้ค่ะ
4 สไตล์ของ พ่อแม่เลี้ยงลูก
เลี้ยงลูกแบบเผด็จการ
ขึ้นชื่อว่า “เผด็จการ” ก็รู้อยู่แล้วว่า ต้องเข้มงวด และมีความคาดหวังสูง ไม่อนุญาตให้ลูกตัดสินใจเอง ขีดเส้นทุกอย่างให้ลูกเดิน โดยที่มั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองเลือกนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุด แต่หารู้ไม่ว่า สิ่งที่คุณเลือก อาจจะส่งผลกระทบรุนแรงกับลูกโดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่รู้ตัวเลยละค่ะ
อลีสัน แชฟเฟอร์ นักบำบัด ได้เปิดเผยเรื่องราวลงบนหนังสือว่า “แผลเป็นในใจของเด็ก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมาจากการบังคับของคุณพ่อคุณแม่ และนั่นก็จะส่งผลถึงการกระทำในอนาคตของเด็กเอง”
ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ชอบพูดคำว่า “แม่/พ่อ สั่งให้ทำ!” หรือ “นี่คือคำสั่ง!” ละก็ นั่นแหละค่ะ เข้าข่ายคำว่าเผด็จการอย่างเต็มรูปแบบแล้ว คุณพ่อคุณแม่คะ เด็กที่เติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูเช่นนี้ จะกลายเป็นเด็กที่เก็บตัวในบ้าน แต่จะไปทำตัวเป็นใหญ่ที่โรงเรียน และเวลาที่พวกเขาอยากให้เพื่อนทำอะไรให้ แล้วเพื่อนไม่ทำ ลูกก็จะบังคับพูดด้วยวิธีการเช่นเดียวกับที่คุณพ่อคุณแม่ทำ
เลี้ยงลูกแบบผู้บริหาร
อลีสัน ได้ทำกาอธิบายถึงวิธีการ พ่อแม่เลี้ยงลูก แบบผู้บริหาร เอาไว้ว่า การเลี้ยงดูสไตล์นี้หมายถึง การแสดงออกถึงความเป็นกลางระหว่างเผด็จการและการให้อิสระค่ะ เช่นเดียวกับผู้บริหารระดับสูงที่จะต้องมีทั้งพระเดชและพระคุณในการบริหารปกครอง นั่นเองค่ะ
พ่อแม่ประเภทนี้จะให้อิสระลูกได้ทำการตัดสินใจและเรียนรู้จากการผิดพลาดนั้นด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้อิสระทั้งหมดนะคะ ยังคงเสนอที่จะช่วยแนะแนวให้ก่อน และหากลูกทำผิดกฎละก็ มีการลงโทษเช่นกัน เหมือนกับเวลาที่เราทำงานผิดกฎระเบียบของบริษัท ก็ย่อมมีการลงโทษด้วยนั่นเอง
จากการศึกษาพบว่า พ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกด้วยวิธีนี้นั้น เป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้เด็กได้มีความมั่นใจและเป็นเด็กที่ประสบความสำเร็จยามเมื่อพวกเขาโตขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ลูกมีความสุข และเรียนรู้ถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นโดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเหนื่อยเลยละค่ะ
เลี้ยงแบบเพื่อน
คุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงลูกแบบเพื่อนนั้น ถือเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่มีความหละหลวมที่สุด อลีสันกล่าว เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่สไตล์นี้อยากให้ลูกยอมรับว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นเพื่อนเขา โดยในบางครั้งไม่มองความเป็นจริง หรือคำนึงถึงความเหมาะสม จริงอยู่ค่ะที่การเลี้ยงแบบนี้ก็มีส่วนดี แต่การเลี้ยงแบบเป็นเพื่อนมากจนเกินไปนั้น อาจส่งผลให้ลูกล้ำเส้น จนเป็นเด็กก้าวร้าวได้
จริงอยู่ที่ลูกจะรู้สึกสบายใจที่สามารถพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ได้แทบทุกเรื่อง เหมือนกับพูดกับเพื่อน ๆ แต่อย่าลืมนะคะว่า ว่าในความเป็นจริง อย่างไรก็ไม่เหมือนกัน การเลี้ยงลูกแบบเพื่อนนั้น อาจส่งผลให้ลูกกลายเป็นเด็กไม่รู้จักกาลเทศะ ชอบการแข่งขัน และการเอาชนะ เมื่อเขาโตขึ้น ก็อาจจะตั้งกลุ่มแก๊ง หรือกลายเป็นนักเลงได้
เลี้ยงแบบปล่อยปละละเลย
อีลีเนอร์ แมคโคบีย์ ศาสตราจารย์วิชาจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวว่า การเลี้ยงดูลูกโดยไม่สนใจ ปล่อยปละละเลยถือเป็นการเลี้ยงลูกที่ผิดที่สุด ทั้งยังอันตรายถึงชีวิตของลูกได้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่ลูกร้องไห้แล้วไม่สนใจ ลูกถามอะไร ต้องการอะไร ไม่เคยปริปากถามหรือตอบ ส่งผลให้ลูกไม่มีความมั่นใจ รู้สึกเศร้าเสมือนไร้ที่พึ่งพา และเก็บตัว พอโตขึ้นมา ก็จะทำทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ โดยไม่คำนึงความรู้สึกของคุณพ่อคุณแม่เช่นกัน
มาถึงตอนนี้ คุณพ่อคุณแม่ก็จะคงจะนึกออกกันแล้วใช่ไหมละคะว่า ผลของการที่ พ่อแม่เลี้ยงลูก ในแต่แบบนั้น ส่งผลเช่นไรกับลูกของเราบ้าง ดังนั้น อยากให้ลูกเป็นแบบไหน เราก็สามารถเลือกได้ แต่ไม่จำเป็นที่เราจะต้องเลือกแบบใดแบบหนึ่งแต่เพียงแบบเดียวนะคะ หากแต่คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกแล้วนำมาปรับใช้ได้ตามความเหมาะสมของเราก็ได้เช่นกัน
ขอบคุณที่มา: The Bump
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
- 9 วิธี เลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จ บอกเลยทำง่ายไม่ยาก
- ป้องกันลูกทิ้งตอนแก่ เลี้ยงลูกให้กตัญญู ต้องทำสิ่งนี้บ้าง!
เลี้ยงลูกให้เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกตามที่