คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมคะว่า ทำไมเด็กส่วนมากถึงชอบดนตรี เพราะดนตรีเป็นสิ่งแรกที่พวกเขาได้สัมผัสตั้งแต่อยู่ในท้องแม่น่ะสิ!
ดร.ดนีญา อุทัยสุข อาจารย์สอนดนตรี ช่วยคลายความสงสัย “ทารกได้ยินเสียงหัวใจแม่เต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ…ตึ้กๆๆ ตลอดระยะเวลา 9 เดือนที่ได้ยินเสียงนี้ ทำให้เด็กๆ เชื่อมต่อกับดนตรีได้ง่ายเมื่อเขาลืมตาดูโลกไงคะ”
คิดไป ฟังไป สมองจะเติบโต
ดนตรีเป็นศาสตร์ที่มีความหลากหลาย ใช้ประโยชน์ได้หลายประการ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ ประโยชน์หนึ่งที่พูดกันมากในปัจจุบันคือ การใช้ดนตรีเพื่อพัฒนาสมองเด็ก วิธีง่ายๆ ที่จะใช้ดนตรีพัฒนาสมองเด็ก คือ “ทำอย่างไรก็ได้ให้เด็กได้คิดไปกับดนตรี” เลยขอเฉลยเคล็ดลับสำคัญ ซึ่งเด็กแต่ละวัยก็มีเทคนิคการใช้ดนตรีให้เขาได้คิดแตกต่างกันไป
เทคนิคใช้ดนตรีเสริมพลังสมอง
เด็กอายุ 1 – 3 ขวบ สมองกำลังพัฒนามาก การใช้ดนตรีเข้ามาจะช่วยกระตุ้นให้ลูกคิดอย่างง่ายๆ เช่น
1. สอนโน้ตเพลง
การไล่เสียงให้ลูกคิดตาม “โด เร มี ฟา…แล้วตัวอะไรต่อคะลูก…ซอลหรือเปล่าคะ” หรืออาจจะสอนวิธีการไล่เสียง เสียงสูง เสียงต่ำ คำสัมผัส คำร้องแบบไหนให้น่าฟัง ขึ้นอยู่กับการเลือกเพลงให้เหมาะสม
อ่านต่อ “เทคนิคใช้ดนตรีพัฒนาสมองลูก” คลิกหน้า 2
2. เพิ่มทักษะอื่นรวมไปกับการร้องเพลง
เช่น ร้องเพลง “หากว่าเรากำลังสบายจงปรบมือพลัน…แปะ แปะ” ตามจังหวะ ต้องปรบมือ 2 ครั้ง ซึ่งครั้งแรกๆ ลูกอาจจะปรบ 1 หรือ 3 หรือ 4 ครั้ง เราก็ทำซ้ำให้เขาได้รู้ว่าจังหวะของเพลงเป็นแบบนี้ จึงต้องทำแบบนี้ ลูกก็จะได้ความเข้าใจจังหวะและทำนองที่เขากำลังฟัง
3. ใช้การเต้นและเคลื่อนไหวเข้ามาร่วมด้วย
เช่น ร้องเพลงให้เร็วขึ้น ขยับตัวให้เร็วตาม ทำให้ลูกรู้ว่าจังหวะของเพลงจะเปลี่ยนไปอย่างไร และเราต้องคิดตามเพื่อทำตามให้ตรงกับจังหวะของเพลง เช่น “โยกเยกเอย น้ำท่วมเมฆ กระต่ายลอยคอ” ร้องให้เร็วขึ้น ก็ต้องโยกให้เร็วขึ้น และต้องโยกให้ตามจังหวะด้วย
เด็กในวัย 4 – 6 ขวบ สมองเริ่มพัฒนาคงที่ และลูกเริ่มรู้แล้วว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร พ่อแม่ควรสังเกตว่าลูกสนใจด้านไหน ถ้าหากว่าลูกชอบดนตรีมากเป็นพิเศษก็ควรส่งเสริมให้ลูกได้เรียน เพื่อจะพัฒนาตัวเองต่อไปในอนาคต
พ่อแม่คือผู้ช่วยที่ดีที่สุด
ทักษะหลักๆ ที่ดนตรีช่วยเสริมพัฒนาการเด็กได้แบ่งออกเป็น 6 ทักษะ ได้แก่ ร้อง (ความจำ) เล่น (จังหวะ) เต้น (ออกกำลังกาย) ฟัง (ผ่อนคลาย สบายใจ) อ่านโน้ต (ทำความเข้าใจ) และเขียนโน้ต (พัฒนาการสูงสุด) ทุกทักษะล้วนมีประโยชน์ต่างกันไป และทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีได้ทั้งสิ้น
หน้าที่หลักของพ่อแม่คือ ต้องเป็น“ผู้ช่วยที่ดี” สนับสนุนให้ลูกค้นหาตัวตนของตัวเองให้เจอ คอยสังเกตว่าลูกชอบอะไร ต้องการอะไรจากดนตรี ชอบร้อง ชอบเล่น ชอบเต้น ชอบฟัง ชอบอ่าน หรือชอบเขียนโน้ต เด็กทุกคนมีความชอบไม่เหมือนกัน พ่อแม่ต้องคอยส่งเสริม สนับสนุนให้ลูกพัฒนาในด้านที่ตนถนัด ซึ่งถ้าหากว่าทำได้ ลูกของคุณก็จะเป็นเด็กฉลาด สมองดีอย่างแน่นอน
บทความโดย : กองบรรณาธิการนิตยสาร Amarin Baby & Kids
ภาพ : Shutterstock