ใครว่าเสียงเพลงมีดีแค่เพราะและสนุก หากแต่เสียงเพลงนั้นคือ ดนตรีเสริมพัฒนาการลูก ให้รอบรู้ในหลาย ๆ ด้าน
ดนตรีเปรียบเสมือนของขวัญจากสรวงสวรรค์ที่ช่วยจรรโลงจิตใจของคนทุกเพศทุกวัยให้มีความสุข สนุกสนาน ผ่อนคลาย และที่สำคัญที่สุด เสียงดนตรีนั้นยังเป็นตัวช่วยที่ดีในการเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ให้กับลูกได้เป็นอย่างดี
โดยคุณแม่จะเห็นได้ว่า วงการแพทย์นั้นจะแนะนำให้คุณแม่เปิดเพลงเบา ๆ ให้กับลูกน้อยฟังตั้งแต่อยู่ในท้อง ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการกระตุ้นพัฒนาการของการฟัง และเมื่อพวกเขาเริ่มตัวโตขึ้นก็จะเริ่มมีปฏิกิริยาต่อเสียงเพลงที่ได้ยินด้วยการดิ้นในครรภ์ของคุณแม่นั่นเอง
ครั้นเมื่อลูก ๆ ลืมตาดูโลก การเปิดเพลงให้ฟังอย่างต่อเนื่องนั้นก็ยังคงสามารถเสริมพัฒนาการให้กับลูกได้เหมือนเดิม แต่ว่าจะเสริมด้านไหนบ้าง และในแต่ละวัยควรฟังเพลงสไตล์ไหนนั้น คุณพ่อคุณแม่อยากทราบกันแล้วใช่ไหมละคะ ถ้าอยากทราบแล้ว ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันได้เลย
ดนตรีเสริมพัฒนาการลูก แต่ละวัยควรฟังเพลงแนวไหน คลิก!
เด็กแต่ละวัยควรฟังเพลงแนวไหนถึงจะเหมาะสม?
เด็กวัย 1 – 3 เดือน: เด็กวัยนี้ควรจะฟังเพลงสบาย ๆ ช้า ๆ หรือเพลงกล่อมเด็ก การที่เด็กวัยนี้ได้ฟังเพลงกล่อมจากแม่หรือเสียงเพลงที่มีความนุ่มนวล อ่อนโยน จะทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เด็กวัยนี้ถ้าสังเกตคุณแม่จะเห็นได้ว่า พวกเขาจะเริ่มมองหาที่มาของเสียง และถ้าพวกเขาถูกใจก็จะเริ่มส่งเสียงตอบสนองในลำคอ
เด็กวัย 4 – 5 เดือน: สำหรับเด็กในวัยนี้นั้น จะเริ่มรู้จักจังหวะเพลงมากขึ้น เริ่มตอบสนองต่อจังหวะและทำนองด้วยการยิ้มและตีมือแสดงความถูกใจ หรือบางทีคุณแม่จะเห็นได้ว่าลูก ๆ จะผงกหัว โน้มตัวไปมาตามจังหวะเสียงเพลงอีกเสียด้วย
เด็กวัย 6 – 12 เดือน: เด็กวัยนี้จะมีพัฒนาการทางภาษามากขึ้น และเริ่มออกเสียงเป็นพยางค์ได้บ้างแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะเลือกเปิดเพลงที่เป็นลักษณะของคำคล้องจองง่าย ๆ ให้ลูกได้ฟัง ซึ่งการให้ลูกฟังเพลงที่มีเนื้อร้องสั้น ๆ ง่าย ๆ นั้นจะช่วยกระตุ้นทักษะทางด้านภาษาให้ลูกพยายามออกเสียงตามเนื้อเพลงที่ได้ยิน
เด็กวัย 1 – 3 ปี: การที่คุณพ่อคุณแม่ให้ลูกฟังเพลงหรือดนตรีที่มีความซับซ้อน จะช่วยกระตุ้นคลื่นสมองของลูกให้เกิดการจัดเรียงตัวและความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้น เนื้อเพลงหรือดนตรีที่เหมาะสมนั้นควรเป็นทำนองและเนื้อร้องที่มีความหลากหลาย
อ่าน 10 ข้อดีของเสียงดนตรี ได้ที่หน้าถัดไป
เครดิต: Bloggang
เสียงดนตรีเสริมพัฒนาการลูกด้านใดบ้าง
- กระตุ้นพลังงานสมอง Meredith LeVande ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเสียงดนตรีได้กล่าวถึงข้อดีของเสียงเพลงเอาไว้ว่า หากลูก ๆ ได้ฟังเพลงบ่อย ๆ ก็จะสามารถช่วยกระตุ้นทักษะของลูกโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านคณิตศาสตร์ และพัฒนาการทางอารมณ์ให้ดีขึ้น
- ดนตรีกระตุ้นความจำ Maestro Eduardo Marturet ผู้นำวงดนตรีของวงออร์เคสตร้าได้กล่าวว่า หากคุณพ่อคุณแม่เปิดเพลงให้ลูกฟังตั้งแต่พวกเขาอายุยังน้อย เสียงดนตรี นอกจากจะช่วยเสริมพัฒนาการลูกแล้ว ยังช่วยกระตุ้นความจำของลูกให้ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย
- ช่วยในการเข้าสังคม Marturet ผู้ดูแลโครงการดนตรีชื่อดังให้กับเยาวชนนั้นได้กล่าวถึงข้อด๊ของเสียงดนตรีเอาไว้ว่า เสียงดนตรี ช่วยให้เด็ก ๆ รู้จักการเข้าสังคม รู้จักการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้
- ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ Elizabeth Dotson-Westphalen คุณครูสอนดนตรีได้พูดถึงข้อดีของเสียงเพลงเอาไว้ว่า หากคุณสังเกตว่าลูก ๆ ไม่มีความมั่นใจ จงปล่อยให้เสียงเพลงเป็นตัวช่วย เพราะเสียงเพลงนี่แหละคือสิ่งที่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้ลูกกล้าแสดงออกได้มากขึ้น
- สอนให้รู้จักความอดทน Dotson-Westphalen ได้พูดถึงข้อดีของเสียงดนตรีเอาไว้ว่า เสียงดนตรีมีส่วนช่วยให้ลูก ๆ รู้จักอดทนและรอคอย ดังจะเห็นได้จากการบรรเลงเพลงอย่างวงดนตรีออร์เคสตร้า ที่ต้องคอยให้ผู้เล่นตามเนื้อร้องของเขาให้เสร็จเสียก่อน และเมื่อถึงตาที่เราจะต้องบรรเลง จึงค่อยบรรเลงตาม
- ช่วยในการฝึกวินัย Mira Stulberg-Halpert หนึ่งในผู้เชียวชาญด้านเสียงเพลงได้กล่าวเอาไว้ว่า เสียงดนตรีนั้นสอนให้ลูกรู้สึกวินัย และแน่นอนว่า ยังช่วยให้ลูกรู้จักที่จะฝึกฝนตนเองเป็นประจำทุกวัน เพื่อเป็นพัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญของตัวเองให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่คะ หากอยากให้ลูกของเรามีพัฒนาการไปในทางที่ดี การใช้เสียงดนตรีเข้าช่วยตั้งแต่ลูกยังเล็กนั้น จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่ไม่น่าเบื่อ สนุกและปลอดภัยอีกด้วย จริงไหมคะ
เครดิต: Sheknows
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่