รองเท้ากัด มักเป็นกันทุกคน โดยเฉพาะรองเท้าคู่ใหม่ที่เพิ่งซื้อมา ใส่ครั้งแรกอาจจะมีรอยโดนกัดที่ข้อเท้าด้านหลังและทำให้เป็นแผลพองหรือมีเลือดออกได้ … เรื่องนี้อาจจะไม่แปลกถ้าเกิดกับผู้ใหญ่อย่างเราๆ แต่หากเหตุการณ์นี้เกิดกับเด็กเล็กๆ หรือลูกของเรา พ่อแม่คงนิ่งนอนใจไม่ได้แน่ค่ะ ดังนั้น เลือกรองเท้าให้ลูก ต้องดูให้ดี
อย่างเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องของอันตรายจากรองเท้าที่พ่อแม่คาดไม่ถึง กับเด็กหญิง Esmé Connor วัย 2 ขวบ ซึ่งเธอได้รับของขวัญเป็นรองเท้ายางสีชมพูน่ารัก แต่ใครจะคิดว่าหลังจากที่เธอใส่รองเท้านี้ออกไปวิ่งเล่น ได้เพียงแค่ครึ่งชั่วโมง หนูน้อยก็กลับวิ่งมาหาพ่อแม่พร้อมเลือดที่ติดเต็มเท้า
ระวัง เลือกรองเท้าให้ลูก คุณภาพไม่ดีอาจเป็นอันตรายกับลูกน้อย
เป็นเพราะยางจากรองเท้าบาดที่เท้าของเธอจนเป็นแผลนั่นเอง แม่ของหนูน้อยได้กล่าวว่า เธอได้รับของขวัญเป็นรองเท้าจากเพื่อนๆ ญาติๆ ซึ่งรองเท้าเป็นของแบรนด์ Next ในราคา 8 ยูโร หลังจากที่ดูแผลแล้วก็พบว่าสายรัดได้บาด เสียดสีที่บริเวณตาตุ่มด้านขวาของลูกสาว
จากนั้นแม่ของหนูน้อยก็ได้ติดต่อไปที่บริษัทเพื่อให้เรียกคืนสินค้าทันที และนำมาโพสต์เตือนพ่อแม่คนอื่นๆ ให้ระวังไว้ เพราะหากบริษัทไม่เรียกคืนสินค้าอาจจะมีเด็กๆ อีกหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บเช่นลูกสาวตัวน้อยของเธอก็เป็นได้
อ่านต่อ >> วิธีเลือกรองเท้าให้ลูกอย่างปลอดภัย คลิกหน้า 2
ในกรณีที่ลูกยังเดินไม่ได้ แต่เท้าของลูกต้องการการป้องกันจากบางสิ่งบางอย่าง เช่น พื้นบ้านที่ไม่สะอาด หรือ อากาศหนาวเย็น แต่กลัวว่าใส่ถุงเท้าเพียงอย่างเดียวอาจทำให้ลื่นล้มได้ง่าย ก็อาจมีความจำเป็นต้องใช้รองเท้าก่อนวัยเดินได้ ซึ่งวิธีเลือก คือ น้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี
- 9 ปัจจัยที่พ่อแม่ต้องคำนึงถึงก่อน ซื้อของใช้ลูก
- รวม 10 สถานที่รับ บริจาคเสื้อผ้าเก่า ของเล่น ของใช้เด็ก
- วิธีซักรองเท้าผ้าใบ ไม่ซื้อใหม่ ก็ขาววิ๊งได้ (สำหรับเปิดเทอม)
หากลูกเริ่มหัดเดินแล้ว ขณะอยู่ในบ้าน ควรเป็นเท้าเปล่า ด้วยเหตุผลดังนี้
1.ให้ลูกฝึกการลงน้ำหนักเท้าและการทรงตัวที่ถูกต้อง
2.ให้ลูกได้รู้สึกถึงผิวสัมผัสของพื้น ได้พัฒนากล้ามเนื้อเท้าและนิ้วเท้าด้วย
3.เพื่อให้เท้าไม่ถูกจำกัดการเคลื่อนไหว และ จำกัดการเจริญเติบโตของเท้า
แต่ถ้าออกนอกบ้าน ก็ต้องใช้รองเท้า เลือกรองเท้าให้ลูก ควรพิจารณา ดังนี้ค่ะ
1.เริ่มซื้อรองเท้าเมื่อลูกเดินได้คล่องแล้วประมาณ 2-3 สัปดาห์
2.ต้องพาลูกไปวัดขนาดที่แท้จริง ถ้าลูกไม่ยอม ก็ยังไม่ต้องรีบร้อน ค่อยพากลับมาใหม่วันหลัง
3.ให้เลือกรองเท้าหุ้มข้อที่แข็งแรงเพียงพอจะช่วยประคองข้อเท้า เลือกรองเท้าที่มีตัวรัดหลังเท้าไม่ให้หลุด พื้นรองเท้านิ่ม เพื่อป้องกันการเสียดสี แต่ก็ไม่ควรหนาหรือบางเกินไป มีความยืดหยุ่นได้ดี ไม่ลื่น และ มีน้ำหนักเบา
4.ทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าใบ หนัง ผ้าฝ้าย หลีกเลี่ยงพลาสติกเพราะเหงื่อไม่ระบาย ทำให้เป็นเชื้อราได้ง่าย
5.ตรวจดูการตัดเย็บอย่าลืมดูความประณีตของการตัดเย็บด้วยว่าเป็นอย่างไร ด้านในต้องไม่มีรอยต่อตะเข็บ หรือ ขอบแข็ง เพราะจะเสียดสี ทำให้เป็นแผลถลอกได้
6.เลือกรองเท้าที่หัวไม่บีบ ควรเลือกรองเท้าที่มีหัวกว้างหรือป้าน เพื่อให้นิ้วเท้าไม่ถูกบีบรัด ต้องมีช่องว่างเหลือบริเวณหัวแม่เท้า และนิ้วที่ยาวที่สุดห่างจากขอบรองเท้าประมาณ 1-1.5 ซม. อย่าลืมเผื่อขนาดในกรณีที่ใส่ถุงเท้าด้วย
7.ให้ลูกใส่แล้วทดลองเดิน ว่าลูกมีอาการเดินกระเผลก หรือ ผิดเพี้ยนไปจากเดิมไหม ดูความพอดีไม่คับหรือหลวมเกินไป ลองจับรองเท้าดู ถ้ามีส่วนนูนแสดงว่าคับไปหรือถ้าถอดง่ายแสดงว่าหลวมไป ส่งผลเสีย คือจะทำให้เด็กต้องเกร็งเท้าขณะเดิน เมื่อถอดรองเท้าออก ดูที่เท้า ต้องไม่แดงหรือเป็นรอยกดทับ
8.ควรไปลองรองเท้าตอนบ่าย เพราะเท้าจะบวมใหญ่กว่าตอนเช้า
9.หมั่นดูแลทำความสะอาดรองเท้าของลูกน้อยให้แห้งและสะอาด รวมไปถึงตัดเล็บของลูกน้อยให้สั้นอยู่เสมอ
10.อย่าซื้อรองเท้าหลายคู่เกินไป เท้าของเด็กโตเร็วมาก ถ้าซื้อหลายคู่เกินไป จะทำให้ใส่ไม่ทัน ให้ซื้อไว้เพียงครั้งละ 2 คู่ สลับสับเปลี่ยนกันก็พอ และหมั่นเช็คขนาดเท้าทุก 3 เดือน ว่าต้องเปลี่ยนขนาดหรือยัง
11.ไม่แนะนำรองเท้าแตะ เพราะว่า ไม่ห่อหุ้มเท้า ทำให้ลูกกลัวว่ารองเท้าจะหลุด ทำให้จิกนิ้วเท้าหรือเกร็งเท้าไว้ ไม่ลงน้ำหนักที่เท้าอย่างถูกต้อง กลัวลื่นล้ม ทำให้ไม่กล้าเดิน
12.ควรเลือกแบบแปะตีนตุ๊กแก ถ้าลูกเป็นเด็กไม่อยู่เฉยเวลาจะใส่รองเท้า แต่ถ้าลูกชอบดึงรองเท้าออก ให้เลือกแบบกระดุมแป๊ก หรือ แบบผูกเชือก จะได้ถอดออกเองได้ยาก
เพราะว่าการเลือกรองเท้าที่เหมาะสม จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูก เพราะจะทำให้การเดินมีความมั่นคง ปลอดภัย และยังช่วยปกป้องอันตรายที่มีต่อเท้า และหากลูกโตพอที่จะเลือกรองเท้าที่ลูกชอบได้เอง จะทำให้ลูกอยากใส่รองเท้า และ ทำให้ลูกเดินเองได้อย่างมีความสุข
ขอบคุณที่มาจาก : dailymail.co.uk
Save