การจัดเก็บสเต็มเซลล์จากฟันดีอย่างไร?
ข้อมูลจากธนาคารจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดฟัน อธิบายถึงข้อดีของการจัดเก็บสเต็มเซลล์จากฟัน ดังนี้
- การเก็บสเต็มเซลล์จากฟันสามารถเก็บได้หลายครั้ง โดยที่ฟันน้ำนม สามารถเก็บได้ถึง 12 ซี่ ซึ่งจะหลุดในช่วงอายุ 5 – 12 ปี และการเก็บจากฟันกรามแท้ซี่สุดท้ายหรือฟันคุด สามารถเก็บได้ 4 ซี่ ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 17 ปีขึ้นไป
- กระบวนการเก็บไม่ยุ่งยาก สามารถให้ทันตแพทย์เก็บฟันให้ หรือเก็บได้เองกรณีเป็นฟันน้ำนมที่หลุดร่วงตามธรรมชาติ
- นิตยสารหมอชาวบ้านแนะวิธีการถนอมฟันที่เพิ่งหลุดจากเหงือกไว้ว่า ให้แช่ฟันในนมสด ถ้าเป็นนมยูเอชทีก็แช่ฟันลงไปในกล่องนมเลย แล้วผนึกให้ดี ถ้าเป็นไปได้ นำกล่องนมนั้นแช่ในถุงหรือกระติกบรรจุน้ำแข็งอีกที
- ในกรณีที่ต้องการเพาะสเต็มเซลล์จากฟันน้ำนมให้รีบส่งไปห้องแล็บทันที
- สเต็มเซลล์จากฟัน มีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ชนิดอื่นๆ ได้ดีกว่า สเต็มเซลล์ที่ได้จากแหล่งอื่นๆ ของร่างกาย
- การใช้สเต็มเซลล์ของตนเองในการปลูกถ่าย เป็นการรักษาโรคด้วยวิธี Stem cell therapy ที่มีความปลอดภัยสูงมาก
- ฟันซี่เดียวใช้กันได้ทั้งครอบครัว สเต็มเซลล์จากฟันอาจสามารถใช้ในการรักษาโรคในญาติสายตรง เช่น พี่น้อง บิดามารดา ปู่ย่าตายาย เป็นต้น
- ไม่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ จากผู้อื่น เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้สเต็มเซลล์จากผู้อื่น หรือการใช้สเต็มเซลล์จากสัตว์
เมื่อรู้ประโยชน์ของฟันน้ำนมอย่างนี้แล้ว คราวหน้าหากฟันน้ำนมของลูกน้อยหลุดออก ก่อนจะทิ้งลงถังขยะ คุณพ่อคุณแม่สามารถพิจารณาถึงความจำเป็นในอนาคต เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่แน่แค่ฟันน้ำนมของลูกอาจจะช่วยชีวิตลูกไว้ก็ได้
ซึ่งในปัจจุบันมีสถานบริการรับเก็บสเต็มเซลล์จากฟันน้ำนมได้ เช่น บริษัท ไบโอ เอ็มเอสซี จำกัด, stemade banking smiles, สีลมเด็นตัลบิลดิ้ง (SILOM DENTAL BUILDING) เป็นต้น
อ่านต่อบทความน่าสนใจ
คลิกอ่าน >> วิธีการรักษาโรคด้วย “สเต็มเซลล์”
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.manager.co.th , info.gotomanager.com , www.liekr.com ,