ประโยคที่ 2
“เด็กอย่างแกมันช่าง…”
แม้จะพูดเพราะอารมณ์ มิได้ตั้งใจแต่คำต่อท้ายในทางลบ “ร้าย โง่ ไม่เอาไหน หรือขี้เกียจ” ล้วนเป็นคำที่ทำร้ายจิตใจเจ้าตัวเล็กอย่างร้ายกาจ วิธีที่ดีกว่าคือพูดคุยกับลูกถึงพฤติกรรมของเขาจะดีกว่า เช่น แม่ว่าพีพีต้องเศร้ามากแน่เลยที่ลูกไปบอกทุกคนว่าไม่ให้เล่นด้วย เรามาช่วยกันทำให้พีพีมีความสุขดีกว่ามั๊ย” อย่างนี้ลูกเข้าใจง่ายกว่า “เด็กอย่างแกมันร้าย” ตั้งเยอะซ้ำร้ายถ้าโดนดุแบบนี้ทุกวัน เดี๋ยวเขาก็ร้ายให้ดูจริงๆซะเลย
ประโยคที่ 3
“อย่าร้องนะ!”
คำว่า “อย่า” ไม่ได้มีผลใดๆ กับเด็ก กลับเป็นยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยเตาะแตะที่ยังไม่สามารถบอกอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองได้ดี เพราะยังมีคำพูดน้อย การร้องไห้จึงเป็นวิธีช่วยป้องกันตัวจากความรู้สึกต่างๆได้ เปลี่ยนมานั่งลงข้างๆ หรือโอบกอดเขาเมื่อลูกและคุณผ่อนคลายลงแล้ว ค่อยไถ่ถามสาเหตุร้องไห้กัน การแสดงความเห็นอกเห็นใจจะทำให้ลูกรู้สึกดีขึ้น
ประโยคที่ 4
“ทำตัวให้เหมือนพี่เธอบ้างไม่ได้รึไง”
เด็กแต่ละคนล้วนมีความแตกต่างกัน แม้ว่าเขาจะเป็นพี่น้องกันการพูดเปรียบเทียบจึงไม่ได้มีผลดีต่อการปรับพฤติกรรมของเด็กเลยแต่ผู้เชี่ยวชาญก็เห็นว่า “การเปรียบเทียบเพื่อดูพัฒนาการของลูกๆ ก็เป็นเรื่องปกติและทำได้ แต่ไม่ใช่การทำให้น้องเหมือนพี่เพราะจะกลายเป็นความกดดันและเป็นไปไม่ได้ เพราะเด็กคนละวัยกัน เปลี่ยนคำพูดเปรียบเทียบเป็นการให้กำลังใจกับสิ่งที่ลูกกำลังทำอยู่ดีกว่า เช่น ว้าวหนูใส่เสื้อเองได้แล้วเก่งมากจ้า” หรือ”ขอบใจจ้ะลูกบอกได้แล้วว่าอยากเข้าห้องน้ำเจ๋งมาก” เป็นต้น
รู้อย่างนี้แล้ว ต้องข่มใจตัวเองไม่ให้เผลอพูด ประโยคที่ไม่ควรพูดกับลูก ทำร้ายลูก จนลูกรักเสียความรู้สึก และร้องไห้เสียใจกับคำพูดของแม่ AMARIN Baby & Kids อยากเห็นคุณแม่ใช้วิธีสงบๆ ในการพูดคุยกับลูกๆ นะคะ แล้วมาพบกันอีกครั้งในบทความหน้าค่ะ^^
บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสาร AMARIN Baby & Kids