AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

” สมอง ” มหัศจรรย์ และซับซ้อนกว่าจักรวาล

ด้วยความรู้และข้อมูลที่มีในปัจจุบัน เราอาจพูดได้ว่า “ไม่มีอะไรในจักรวาลนี้ ที่จะมีความมหัศจรรย์และซับซ้อนมากเท่ากับสมองของมนุษย์ ยิ่งกระบวนการและปัจจัยต่างๆ ในการกำเนิดเซลล์เนื้อเยื่อของระบบประสาท การควบคุมเซลล์ประสาทที่เจริญเติบโต และพัฒนาการจนมาเป็นสมองมนุษย์ที่เติบโตสมบูรณ์แล้วนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อการพัฒนาและความอยู่รอดของมนุษยชาติ”

 

 
ส่องสมอง เติบโตอย่างไร

 
ทุกวันนี้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำให้เราสามารถดูภาพอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) เห็นภาพทารกและภาพการเคลื่อนไหวได้โดยไม่เกิดอันตรายกับแม่ท้องและทารก ทำให้ทราบว่าสมองของคนเรามีการพัฒนาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา และเมื่อเด็กโตขึ้นอยู่ในวัยต่างๆ สมองเด็กก็มีการเปลี่ยนแปลงมากทีเดียว

 
สมองของเด็กจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อทารกในครรภ์มีอายุประมาณ

 
4 สัปดาห์ หรือ 28 วัน Neural Tube ด้านหน้าของลำตัวจะเติบโตเป็นสมอง และส่วนที่เหลือทางด้านหลังจะเติบโตเป็นไขสันหลังเมื่อทารกในครรภ์อายุได้ 16 สัปดาห์ หรือ 4 เดือนกว่าๆ นั้นเขาก็จะมีหู ตา อวัยวะต่างๆ ครบเรียบร้อย และเมื่อตั้งครรภ์ได้5 เดือน ทารกก็จะสามารถเคลื่อนไหวตัวได้เอง

 
บางวันคุณแม่จึงรู้สึกว่าลูกในท้องเคลื่อนไหวและเตะท้องแม่หลายที ที่เป็นเช่นนั้นเพราะระบบประสาทจะส่งเส้นประสาทไปเลี้ยงกล้ามเนื้อให้เกิดการเคลื่อนไหวนั่นเอง

 

 

 
รู้หรือไม่ สมองลูกเติบโตเร็วมาก

 
สมองเป็นอวัยวะหนึ่งของร่างกายเด็กที่เติบโตอย่างรวดเร็วมาก โดยเฉพาะในวัยแรกของชีวิต คือช่วงตั้งแต่แรกเกิดจนเด็กอายุ 6 ขวบ นั่นก็เพราะสมองกับระบบประสาทไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียงอวัยวะธรรมดาอย่างหนึ่งในร่างกายเท่านั้น แต่เป็นอวัยวะสำคัญ ทำหน้าที่ควบคุมและจัดระเบียบการเจริญเติบโตและพัฒนาการ รวมทั้งการทำงานต่างๆ ของร่างกายเรา

 
เนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกายทั้งหมดที่จะพัฒนาขึ้นมาได้นั้นจะต้องได้รับการกระตุ้นโดยสมองจึงจะมีพัฒนาการตามปกติ

 
ดังนั้นพัฒนาการของระบบประสาทจึงเกิดก่อนระบบร่างกายส่วนอื่นๆ แล้วก็สมบูรณ์เต็มที่ตั้งแต่วัยแรกๆ ด้วย ส่วนระบบอื่นๆ อย่างเช่น ระบบภูมิต้านทานหรือระบบต่อมน้ำเหลืองต้องรอจนอายุ 3 – 4 ขวบแล้ว ภูมิต้านทานจึงจะค่อยๆ พัฒนาดีขึ้น หรือระบบสืบพันธุ์ของหญิงหรือชายก็ดี จะไม่สมบูรณ์จนกว่าจะถึงวัยแรกรุ่นคืออายุ 12 – 13 ปีโน่น

 
สมอง : ผู้คุมคนสำคัญและนักจัดระเบียบของระบบในร่างกายทั้งหมด

 
• สมองควบคุมและโปรแกรมการเจริญเติบโตของร่างกายทั้งหมด

 
• สมองควบคุมการทำงานของระบบร่างกาย เนื้อเยื่อ และเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย และเป็นรากฐานของการพัฒนาทุกๆ ด้าน ทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์สติปัญญา ความเฉลียวฉลาด ภาษาวัฒนธรรม ทักษะการสื่อสาร สังคมมนุษยสัมพันธ์ คุณธรรม และจริยธรรม

 
• สมองเป็นระบบของการรับรู้และการประมวลข้อมูล การเรียนรู้ เก็บความจำและประสบการณ์ต่างๆ ที่สร้างโลกทัศน์ของความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเราและความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม

 
• สมองควบคุมการตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ ควบคุมพฤติกรรมความประพฤติและการแสดงออกของปฏิสัมพันธ์กับผู้คนและสิ่งต่างๆ เป็นรากฐานของบุคลิกภาพความแตกต่างระหว่างบุคคล

 
• สมองเป็นอวัยวะของการเรียนรู้ทุกๆด้าน รวมทั้งภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรม

 
• สมองควบคุมสมาธิ ความสนใจการตัดสินใจ ความประพฤติ และความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุผล ความรับผิดชอบความรู้สึกผิดชอบชั่วดี จิตวิญญาณจริยธรรม และคุณธรรม

 
• การพัฒนาของสมองเป็นปัจจัยหนึ่งที่กำหนดศักยภาพ อนาคต และคุณภาพของชีวิตของคนจากแรกเกิดไปจนตลอดชีวิต

 
สมองกับระบบประสาทในทารกแรกเกิดจึงไม่ได้เป็นเพียงอวัยวะที่ทำหน้าที่เป็นอิสระเพื่อตัวสมองเองเท่านั้น แต่ว่าเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการของอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย

 
ดังนั้นหากพัฒนาการของสมองเกิดการล้มเหลว หรือระบบประสาทเกิดพิการขึ้น อวัยวะส่วนที่เกี่ยวข้องจะหายไปหรือไม่พัฒนาเลย

 

 

 
Update เข้าใจให้ถูก เรื่องสมอง

 
• จริงหรือไม่ 3 ขวบแล้วสมองจะไม่โตอีก

 
ไม่จริง ภายใน 3 ขวบปีแรกของการเติบโต เด็กจะมีพัฒนาการสมองเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ และยังเหลือบางส่วนที่ค่อยๆ เติบโตเป็นขั้นเป็นตอนไปจนเมื่อเด็กอายุครบ 12 ปี สมองถึงมีขนาดใกล้เคียงกับผู้ใหญ่ และสมองจะเติบโตเต็มที่เมื่ออายุประมาณ25 ปี แต่วงจรประสาทเกี่ยวกับการเรียนรู้ยังเติบโตไปได้ตลอดชีวิต

 
• พอเป็นผู้ใหญ่แล้ว สมองก็เลิกเรียนรู้แล้วหรือ

 
เข้าใจผิดแล้ว การที่สมองเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วใน 4 ปีแรกไม่ได้หมายความว่าหากพ้นวัย 4 ขวบไปแล้ว สมองเราจะไม่สามารถพัฒนาได้ จึงเป็นความเข้าใจผิดว่า พอเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้วสมองเราจะไม่เรียนรู้ หรือบางคนมีความเชื่อผิดๆ ว่า พอเรามีอายุมากเป็นผู้ชรา สมองจะเรียนรู้ไม่ได้อีกแล้ว ความเชื่อพวกนี้ไม่ถูกต้องเพราะสมองของเรามีศักยภาพของความยืดหยุ่น (Plasticity) และเปลี่ยนแปลงได้มากๆ เพียงแต่เราต้องใช้วิธีการที่ถูกต้องเหมาะสมสำหรับการเรียนรู้ของคนวัยต่างๆ เท่านั้นเอง

 
• ปัจจุบันมีข้อมูลว่า ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ขวบเป็นเวลาทองของการกระตุ้นศักยภาพสมอง ถ้าเลยแล้วแปลว่าจะหมดโอกาสเลยหรือ

 
กระบวนการกระตุ้นหรือเร่งเร้าการเจริญเติบโตของสมองเกิดขึ้นตั้งแต่ทารกอยู่ในท้องแม่จนกระทั่งถึงช่วงที่สำคัญที่สุดคือช่วงหลังจากคลอดมาจนถึงประมาณ6 ขวบแรก ถือเป็นช่วงสำคัญที่สุดของชีวิตเลยทีเดียว (Critical or SensitivePeriod of Brain Development) หรือบ้างก็เรียกว่าเป็นหน้าต่างของโอกาสในการพัฒนาเด็ก (Windows of Opportunity)

 
หากเราไม่สามารถให้การค้ำจุนหรือส่งเสริมการพัฒนาช่วงนี้ได้แล้ว ก็นับว่าเป็นการพลาดโอกาสที่สำคัญที่สุดในชีวิตเช่นกัน ตรงกันข้าม ถ้าเราสามารถให้การกระตุ้นและส่งเสริมด้วยปัจจัยและวิธีการที่เหมาะสมแล้ว เราจะสามารถทำให้เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการทุกๆ ด้านเต็มที่ตามศักยภาพของเขา ให้เด็กไม่เพียงแต่เป็นเด็กที่เก่ง เด็กฉลาดทั้งทางสติปัญญา หากเขายังเป็นคนดี มีความประพฤติที่ดีเหมาะสม และยังเติบโตเป็นคนที่มีประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมและมีคุณธรรม

 
ปัจจุบันเราจึงได้เน้นการพัฒนาเด็กช่วงปฐมวัยดังกล่าว โดยให้พ่อแม่และทุกคนในครอบครัวมีบทบาทที่จะช่วยให้เด็กทุกคนได้รับการเลี้ยงดูและการกระตุ้นส่งเสริมพัฒนาการในช่วงวัยต่างๆ

 
อย่างเหมาะสม ไม่น้อยไปจนกลายเป็นการขาดแคลน (Deprivation)และไม่มากไปจนกลายเป็นการมากเกินความพอดี (Overloading)

 
ทุกคนควรมีความรู้และประสบการณ์ที่เหมาะสมจากการศึกษาหาความรู้เพื่อการพัฒนาชีวิต เช่น จากหนังสือ “ความรู้เพื่อชีวิต”หรือ Facts for Life ขององค์การยูนิเซฟ (มีการแปลเป็นภาษาไทยแล้ว) หรือการศึกษาวิจัยอย่างมากในเรื่องการพัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน

 

 

บทความโดย: ดร.นัยพินิจ คชภักดี