AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

กฎ 3 ข้อรับมือลูกเล็กร้องไห้เอาแต่ใจให้ได้ผล!

กฏ 3 ข้อรับมือลูกร้องไห้เอาแต่ใจ ได้ผล 100%

ลูกร้องไห้เอาแต่ใจ เป็นสถานการณ์ที่พ่อแม่ที่มีลูกวัยเริ่มพูดต้องเผชิญแทบทุกวัน ทำไมเด็กๆ ถึงชอบร้องไห้คร่ำครวญเสมอ? ก็เพราะการร้องไห้งอแงเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด (สำหรับคุณอาจจะน่ากวนใจที่สุด) ที่จะเรียกร้องความสนใจจากคุณพ่อคุณแม่น่ะสิ!

ไขเหตุผล ลูกร้องไห้เอาแต่ใจ

“ความจริงแล้วเจ้าหนูน้อยไม่ได้ตั้งใจจะกวนคุณหรอกค่ะ เด็กจะเริ่มร้องคร่ำครวญเมื่ออายุประมาณ 2 ขวบ คือเมื่อเขาเริ่มพูดได้ แต่ก็ยังใช้วิธีร้องไห้เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ” ดร.แคโรลีน โครวเดอร์ หนึ่งในผู้แต่ง “Whining: 3 Steps to Stopping It Before the Tears and Tantrums Start” กล่าว

และนี่คือวิธีที่จะทำให้ลูกบอกสิ่งที่เขาต้องการได้โดยไม่งอแง วีน เหวี่ยง

1. ควบคุมวิธีพูดของคุณเอง เมื่อลูกเริ่มคร่ำครวญ

การสอนลูกว่าสิ่งที่เขาไม่ควรทำไม่ได้อยู่ที่พูดว่าอะไร แต่อยู่ที่วิธีการพูดของพ่อแม่ และอย่าร้องตามแบบลูก เพราะเมื่อเขาเห็นคุณทำ เขาจะคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ตัวเองก็ทำได้เช่นกัน

2. ไม่ตอบรับ

ตกลงกับลูกให้แน่ชัดว่า เมื่อลูกร้องไห้เอาแต่ใจ งอแงร้องขออะไรสักอย่าง (ไม่ยอมพูดดีๆ ให้ชัดเจน) คุณจะปฏิเสธสิ่งนั้นทันทีหรือไม่ก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินซะเลย

3. หนักแน่น

เมื่อคุณบอกว่าจะไม่สนใจเมื่อเขาร้องคร่ำครวญ ก็ต้องทำอย่างนั้นจริงๆ เพราะเด็กวัยนี้เรียนรู้จากการกระทำมากกว่าคำพูด เมื่อลูกพูดด้วยน้ำเสียงปกติ คุณถึงค่อยรับฟังลูก

อ่านต่อ >> “วิธีรับมือแบบวิน-วิน เมื่อลูกหัวฟัดหัวเหวี่ยง” คลิกหน้า 2 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

ลูกงอแงเอาแต่ใจแบบไหน

ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมต่างเห็นพ้องว่า การหัวฟัดหัวเหวี่ยงร้องงอแงของเด็กแบ่งออกเป็นสามประเภทใหญ่ๆ มาดูกันว่าลูกของคุณกำลังงอแงแบบไหน

1. เหวี่ยงจริงจังเพราะต้องการให้ได้

สถานการณ์ : ความรู้สึกต้องการอะไรบางอย่างแบบจริงจัง อย่างเช่น กินอาหารหรือขนม มักจะเกิดขึ้นในครัว หรือในซุปเปอร์มาร์เก็ต

ขณะที่ลูกกำลังตื่นตากับสิ่งเร้าภายในซุปเปอร์มาร์เก็ต ความสนใจของแม่ก็จดจ่ออยู่ที่การจับจ่าย (และอาจจะทักทายคนที่รู้จัก) คุณหมอโกลด์อธิบายว่า “ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือในครัวจัดเป็นสถานที่ที่ทำให้เด็กๆ รู้สึกเครียดได้ ถ้าเราคิดว่าการงอแงของลูกคือความเครียด ไม่ใช่การทำตัวงี่เง่า ก็จะทำให้รู้สึกเห็นใจลูกมากขึ้น”

√ รับมือแบบวิน-วิน

ให้เก็บของที่ล่อตา ยั่วกิเลสลูกภายในบ้านให้เรียบร้อย ก่อนที่จะออกไปซื้อของ หรือออกนอกบ้านกับลูก ให้ลูกกินอิ่มและนอนเต็มตื่น พกของเล่นหรือหนังสือไปสร้างความเพลิดเพลินให้กับลูก และให้ลูกได้มีส่วนร่วมเช่น ช่วยเลือกของบ้าง การงอแงมักจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กถูกปฏิเสธ

คุณหมออลัน กรีน กุมารแพทย์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และคุณพ่อลูกสี่ แนะนำว่า “ให้พกกระดาษกับดินสอติดตัวไปด้วย เวลาที่ลูกร้องขออะไร ให้ลูกจดใส่กระดาษ เมื่อจะกลับบ้าน ให้ลูกเลือกสิ่งที่ลูกอยากได้หนึ่งหรือสองอย่างในรายการ หรือพ่อแม่เป็นคนเลือกสิ่งที่ลูกอยากได้ 1-2 อย่างจากรายการที่ลูกจด”

การเขียนรายการของเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของลูก ทำให้ลูกรู้สึกมีส่วนร่วม โดยมีรางวัลตามต้องการรออยู่เป็นของหวานปิดท้ายรายการในวันนั้น

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

2. เหวี่ยงเรียกร้องความสนใจ

สถานการณ์ : แม่กำลังยุ่งอยู่ งั้นปล่อยของตอนนี้ซะเลย เช่น ตอนที่ลูกก็เล่นของลูกอยู่ดีๆ แต่พอแม่พูดโทรศัพท์กับใครเมื่อไร เป็นได้เรื่องขึ้นมาทุกที

√ รับมือแบบวิน-วิน

ควรจะบอกกล่าวให้ลูกรู้ตัวก่อนเนิ่นๆ เช่น “แม่จะพูดโทรศัพท์นะลูก ไปเล่นคนเดียวในห้องก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเรามาระบายสีกัน” หรือให้มีของเล่นบางอย่างโผล่ออกมาให้ลูกเล่นเฉพาะในเวลาที่แม่กำลังคุยโทรศัพท์ในเรื่องธุระสำคัญ เช่น คุยกับธนาคาร หรือราชการ ก็อาจจะให้ลูกนั่งดูการ์ตูนหน้าจอสักครู่ ซึ่งเด็กทั่วไปมักจะเพลินๆ ไปได้

บางครั้ง การงอแงอาจจะจบลงอย่างเร็วขึ้นได้ด้วยการใช้คำสั่งสั้นๆ ที่เข้าใจง่าย และเรียกความสนใจเด็กวัยเตาะแตะได้อย่างรวดเร็ว คุณหมอโพเทกัล อธิบายว่า “คำพูดที่ยิ่งเจาะจง จะยิ่งได้ผล เช่น “อย่าตีหมาสิลูก” หรือเบนความสนใจด้วยคำชวนสั้นๆ เช่น “ระบายสีกันลูก” หรือจะชวนย้ายทำเล เปลี่ยนฮวงจุ้ยไปเลยก็ได้ เช่น “ไปหน้าบ้านกันดีกว่า ได้เวลารดน้ำต้นไม้กันแล้ว”

3. เหวี่ยงลองของ ประลองกำลัง

สถานการณ์ : ไม่ยอมนอน หรือเล่นไม่ยอมเลิก เป็นวิธีแผลงฤทธิ์ลองของแบบหนึ่งของเด็กๆ

√ รับมือแบบวิน-วิน

ความเหนื่อยมักทำให้พ่อแม่หยวนลูกได้ง่ายขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ย้ำว่า การยอมในเวลาที่ลูกแผลงฤทธิ์จะเป็นการสอนให้ลูกรู้ว่า การงอแงนั้นได้ผล วิธีที่ได้ผลดีทั้งลูกและคุณคือ การให้เลือก เช่น ไม่ยอมแปรงฟัน สระผม ให้ถามลูกว่า เขาจะทำอะไรก่อนดี แปรงฟัน หรือสระผม

เด็กๆ ไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว จึงควรจะบอกให้ลูกรู้ตัวไว้ก่อนเนิ่นๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เช่น ลูกเล่นกับเพื่อนอยู่ ก่อนถึงเวลากลับบ้าน ก็บอกให้ลูกรู้ตัวก่อน “ขี่จักรยานอีกสองรอบแล้วเรากลับบ้านกันนะลูก” และขอให้หลีกเลี่ยงการบอกอะไรที่เด็กวัยเตาะแตะยังไม่เข้าใจดี เช่น “ขี่จักรยานอีกห้านาทีแล้วกลับบ้านกันนะลูก” เพราะเด็กวัยเตาะแตะยังไม่รู้จักเวลา และจะรู้สึกว่าถูกมัดมือชกเวลาที่แม่บอกว่าหมดเวลาแล้ว

คุณหมอโพเทกัลเสนอแนะอีกวิธีที่ใช้ได้ผล หลังจากใช้วิธีข้างต้นแล้ว เขายังอยากยียวน ชวนประลองกำลังอยู่ ให้คุณบอกลูกว่า ถ้าไม่ทำตามที่แม่บอก แม่จะจับมือเขาทำสิ่งนั้น เช่น “เวลาสวมกางเกงนอน ถ้าแม่นับถึงสาม แล้วยังไม่เสร็จ แม่จะจับมือลูกให้สวมให้เรียบร้อย” เด็กๆ ไม่ชอบวิธีนี้ เพราะรู้สึกถูกควบคุม เขารีบทำเองให้เรียบร้อยดีกว่า

อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!

บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสารเรียลพาเรนติ้ง