ปิดไฟนอนทีไร ร้องโวยวายทุกที ลูกกลัวความมืด แบบนี้มีวิธีช่วยอย่างไรได้บ้าง…
สวัสดีค่ะทีมงาน Amarin Baby and Kids ทุกท่านคะ ดิฉันอยากจะขอคำแนะนำจากทีมงานค่ะ คือลูกของดิฉันอายุประมาณ 3 ขวบกว่าค่ะ ดิฉันมีปัญหามากเลยในเวลากลางคืน ทุกครั้งที่ถึงเวลานอน เมื่อไหร่ก็ตามที่ดิฉันปิดไฟ ลูกของฉันจะกรีดร้อง หรือไม่ก็โวยวายอาละวาดให้เปิดไฟทันที แรก ๆ ฉันก็คิดว่าลูกอาจจะแค่ยังไม่ง่วงนอน แต่พอเป็นบ่อยครั้งขึ้นก็เลยถามลูกว่าเป็นอะไร ลูกบอกว่า ลูกกลัวความมืด ลูกมองอะไรไม่เห็น เปิดไฟนอนได้ไหม เป็นแบบนี้ทุกวันเลยค่ะ จนทั้งดิฉันและสามี ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เพราะรู้ว่าลูกง่วงนอนแล้วแต่เหมือนกับจิตใต้สำนึกลูกสั่งไม่ให้นอนเพราะกลัวความมืด เรียกได้ว่า ยื้อกันไปแบบนี้ทุกวัน เหนื่อยเมื่อไหร่ก็นอนเมื่อนั้น ทีมงานพอจะมีวิธีแนะนำให้ลูกหายกลัวหายมืดบ้างไหมคะ
ทีมงานขอหยิบยกคำถามนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนจากใจของคุณพ่อคุณแม่ทุกคนเกี่ยวกับเรื่องนี้นะคะ สำหรับวิธีรับมือจะมีอะไรบ้างนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
7 วิธีรับมือ ลูกกลัวความมืด
คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมเมื่อก่อนตอนลูกอายุน้อยกว่านี้ ไม่เคยเห็นลูกกลัวอะไรกับเขาเลย อยู่คนเดียวมืด ๆ ก็อยู่ได้เป็นประจำ แล้วทำไมจู่ ๆ พอเริ่มโต เริ่มรู้อะไรมากขึ้นถึงกลายเป็นเด็กขี้กลัวได้
ความกลัวเป็นเรื่องปกติของเด็กก่อนวัยเรียนค่ะ เพราะลูกวัยนี้มีอิสระในการเคลื่อนไหวและการตัดสินใจมากขึ้นลูกสามารถเดินไปไหนมาไหนได้เองแล้ว เขาก็รู้ว่าเขาสามารถทิ้งพ่อแม่ไปได้ ขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจแล้วว่า พ่อแม่ก็สามารถทิ้งเขาไปได้เหมือนกัน จึงทำให้เกิดความกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว กลัวพ่อแม่จะทิ้ง กลัวพ่อแม่ไม่รัก กลัวอีกหลายสารพัดความกลัวที่เป็นการต่อยอดกันไปเรื่อย ๆ จึงไม่แปลกที่ลูกจะเกิดความรู้สึกนี้ขึ้น แต่สำหรับวันนี้ เราจะมาพูดถึงวิธีช่วยลดระดับความกลัวของลูกให้ลดน้อยลง จนหายไปได้แบบสบาย ๆ กันนะคะ
ข้อแรก: อย่ามองว่าความกลัวของลูกคือเรื่องไร้สาระ
คุณพ่อคุณแม่บางท่าน มองว่า ลูกจะต้องเข้มแข็งและแข็งแกร่งเหมือนตัวเอง … ถ้าลูกโตขึ้นก็ไม่ว่าหรอกค่ะ แต่นี่ลูกยังเล็กอยู่เลย อาจจะต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ ๆ กว่าที่ลูกจะเข้าใจสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สอน … คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่ไม่เข้าใจก็อาจจะต่อว่าลูกว่า เป็นเด็กขี้ขลาด กลัวทำไมกับเรื่องแค่นี้ ไร้สาระมาก … อย่าลืมนะคะว่า ตัวเราเองก็เคยเป็นเด็ก เราก็ต้องเคยมีความรู้สึกกลัวแบบนี้มาก่อน แทนที่เราจะต่อว่าลูก ทำไมเราถึงไม่แสดงความเข้าใจให้กับลูกได้เห็นกันละคะว่า “พ่อแม่เข้าใจลูกนะ ไม่ต้องกลัวจ้ะ พ่อกับแม่ไม่ได้หายไปไหนอยู่ข้าง ๆ ลูกนี่ละจ้ะ” คำพูดเหล่านี้นี่ละค่ะ จะช่วยให้ความเครียดของลูกนั้นลดลง ผิดกับการที่เราไปต่อว่าลูก พร้อมกับพูดประมาณว่า ไม่มีเรื่องแบบนั้นอยู่จริงหรอก หรือไม่เห็นจะต้องกลัวอะไร คำพูดแบบนี้ ไม่ได้ทำให้ความกลัวของลูกลดลง และจะยิ่งทำให้งานของคุณพ่อคุณแม่ยากขึ้นด้วย
ข้อที่สอง: จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน
ข้อนี้ไม่ได้จะเอาเนื้อเพลงของพี่เบิร์ดมาเขียนนะคะ แค่จะอธิบายให้ฟังว่า ไม่ว่าลูกจะกลัวอะไร จับมือลูกเลยค่ะ พร้อมกับบอกลูกว่าเราจะสู้ไปด้วยกัน ไม่ว่า ลูกกลัวความมืด ของหลังบ้าน หรือกลัวอะไร แม่จะอยู่ข้าง ๆ ลูกไม่ไปไหน แล้วก็ให้ลูกพาไปดูยังสิ่งที่ลูกกลัวนั้น ลูกจะได้รู้ว่าสิ่งที่เขากลัวนั้นไม่ได้มีอยู่จริงเลย เป็นแค่จินตนาการที่เขาสร้างขึ้นเท่านั้น
ข้อที่สาม: ใช้ความกลัวของลูกให้เป็นประโยชน์
ในเมื่อความกลัวของลูก เกิดจากจินตนาการที่เขาสร้างขึ้น ดังนั้นวิธีการรับมือก็คือ เอาจินตนาการที่ว่านี้นี่ละค่ะ มาทำให้ทุกอย่างสนุก ยกตัวอย่างเช่น คุณพ่อคุณแม่อาจจะหาตัวช่วยอย่างไม้วิเศษ หรือคฑาสักอันมาให้ลูก พร้อมกับบอกลูกว่า อุปกรณ์ชนิดนี้เป็นอุปกรณ์วิเศษที่จะมาช่วยป้องกันภูตผีปีศาจได้ ถ้าลูกกลัวก็ให้ร่ายมนต์ไปรอบ ๆ แค่นี้ก็ไม่มีผีหรือปีศาจตัวไหนกล้าเข้าใกล้แล้ว
ข้อที่สี่: เปิดอกคุยกัน
หากลูกไม่เล่นบทบาทสมมติกับคุณแม่ละก็ ให้คุณพ่อคุณแม่เรียกลูกมานั่งคุย แล้วก็เปิดอกไปพร้อม ๆ กันกับลูกเลยค่ะ ลืมว่าเราเป็นพ่อแม่ของเขา ให้พูดคุยเสมือนกับเพื่อนคุยกับเพื่อน ถามเขาว่า เขากลัวอะไร ทำไมถึงกลัว … เมื่อลูกยอมเปิดเผยความในออกมาแล้ว ก็ให้คุณพ่อคุณแม่บอกกับลูกว่า “คุณก็กลัวด้วยเหมือนกัน” แต่ตอนนี้คุณไม่กลัวแล้ว เพราะคุณผ่านจุดนั้นมาแล้ว รู้แล้วว่าสิ่งที่คุณกลัวนั้นไม่มีอยู่จริง จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลัวอีกต่อไปอย่างนี้ เป็นต้น
ข้อที่ห้า: เกาหลัง
ไม่ต้องตกใจค่ะ การเกาหลังนี้ช่วยได้จริง ๆ เพราะตัวผู้เขียนก็ทำสิ่งนี้อยู่เป็นประจำ แต่เวลาเกาอย่าเกาแรงนะคะ เดี๋ยวหลังจะถลอกได้ แค่ลูบ ๆ เบา ๆ พอค่ะ เท่านี้ลูกก็จะรู้สึกผ่อนคลาย และยอมนอนหลับสบายโดยไม่ต้องเหนื่อยเลยละค่ะ
ข้อที่หก: เปิดไฟนอนบ้าง
หากมีความจำเป็นหรือรู้สึกว่า ลองมาแทบทุกวิธีแล้วแต่ไม่ได้ผลละก็ นอนเปิดไฟกันไปเลยค่ะ ไม่ต้องกลัว ในเมื่อ ลูกกลัวความมืด ดีนัก เพราะฉะนั้น การนอนเปิดไฟ จึงถือเป็นทางออกที่ดีอีกทางออกหนึ่งเลยละค่ะ นอกจากลูกจะไม่โวยวายแล้ว ลูกจะยังรู้สึกผ่อนคลาย และนอนหลับได้เร็วขึ้อีกด้วยละค่ะ
ข้อที่ 7: ให้กำลังใจ
อย่าลืมที่จะให้กำลังใจลูกทุกครั้ง ถึงแม้ว่าลูกจะทำไม่สำเร็จก็ตาม คุณพ่อคุณแม่จะต้องชมลูกว่า พวกเขาเก่งที่รับฟังในสิ่งที่คุณพูดและอธิบาย ถึงวันนี้ลูกจะยังไม่เข้าใจสิ่งที่พ่อแม่พูดก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่ลูกสู้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่นานลูกก็จะสามารถฟันฝ่าความกลัวที่ว่านี้ไปได้ด้วยดี แล้วละค่ะ
อ่านต่อ บทความน่าสนใจ คลิก
บทความโดย: กองบรรณาธิการ Amarin Baby and Kids
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่